สภาปฏิสัมพนั ธ์ (ของอดีตผนู้ าแห่งรัฐและรัฐบาล) ถือกาเนิดข้ึนในปี 1983 ท่ีกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยมีจุดหมายเพื่อจดั การกบั ประเด็นปัญหาของโลกในระยะยาว ซ่ึงมกั ถูกมองขา้ มโดยรัฐบาลปัจจุบนั ตลอดสามทศวรรษที่ผา่ นมาเราไดพ้ บปะกบั อดีตผนู้ าและผเู้ชี่ยวชาญท่ีมีความห่วงใหญ่เป็นประจาทุกปี เพื่อ ช่วยกนั คิดคาแนะนาดา้ นนโยบายแก่ผูน้ าชุดปัจจุบนั และโลกท้งั มวล เพราะภูมิปัญญาสะสมมกั กา้ วล้าหน้า ความคิดแบบเดิมๆท่ีแพร่หลายอยใู่นขณะน้นั และมีผอู้ื่นมาปรับเอาไปใชใ้นภายหลงัเสมอ 
 
  แต่การริเริ่มที่มีความสาคญั กว่าอย่างหน่ึงคือศาสนเสวนาระหว่างผูน้ าทางการเมืองและศาสนา ในช่วงท่ีสงครามเยน็ ข้ึนถึงจุดสูงสุด ผนู้ าของสภา ภายใตก้ ารริเริ่มของ ทาเคโอะ ฟูกุดะ ผกู้ ่อต้งั ที่จากไปแลว้ ได้เริม ศาสนเสวนา ครังแรก เมื่อปี 1987 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี การพบปะกันในกรุงโรมครังน้ีมี ความเห็นพอ้ งกนั ในระดบั ที่น่าประทบั ใจดงั ท่ี เฮลมุท ชมิดท์ กล่าวไวใ้ นคานา 
 
  ศาสนาเสวนากลายเป็นเสาหลกั สาคญั ในการปรึกษาหารือกนั ของเราเพราะการทะเลาะวิวาทความ แตกต่างทางศาสนาเป็นและยงั คงเป็นสาเหตุสาคญั ของความไม่สงบรวมท้งั ความเกลียดชงั และการสูญเสีย ชีวิตเราถือว่านี่คือการใช้ศาสนาซ่ึงควรจะถูกใชเ้พื่อต่อสู้กบั ลทั ธิสุดโต่งและการแบ่งแยกด้วยการเสวนา อยา่ งไม่ถูกตอ้ ง เราเชื่อมนั่ มาต้งั แต่ตน้ วา่ มีหลกั จริยธรรมร่วมกนั อยใู่ นศาสนาและปรัชญาสาคญั ของโลก เรา จึงพยายามที่จะระบุหลกั จริยธรรมร่วมกนั ที่ว่าน้ี ซ่ึงเราเช่ือว่าเป็นสิ่งสาคญั ต่อการลดการแบ่งแยกระหว่าง ศาสนาต่างๆ และต่อการสร้างโลกที่ปลอดภยั ข้ึน 
 
  เรื่องน้ีไดก้ ลายเป็นส่วนหน่ึงของการอภิปรายที่มีขนาดใหญ่ข้ึน การโลกาภิวตั น์ทางการคา้ และการ พาณิชย์ และการโลกาภิวตั นก์ ารเมืองโลก เกิดข้ึนโดยแทบไม่เคยคานึงถึงมาตรฐานทางจริยธรรมเลย ดงั น้นั จริยธรรมซ่ึงเป็นท่ีเห็นพอ้ งกนั ของศาสนาสาคญั ของโลก จึงสามารถใช้เป็นจริยธรรมสากลได้ ซ่ึงก็จะมี อิทธิพลต่อการสร้างผลลพั ธ์ในกิจกรรมทุกอยา่ ง รวมท้งั การคา้ และการพาณิชยด์ ว้ ย เราเช่ือวา่ การยึดมนั่ ต่อ มาตรฐานทางจริยธรรมร่วมกนั มากข้ึน มีความสาคญั ต่อการสร้างโลกที่สงบสันติ ท้งั น้ีสภาได้จดั ศาสน เสวนา อีกสองคร้ังในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียในปี 1996 และ ปี 1997 ภายใตค้ าแนะนาของนกั เทว วทิ ยา ศาสตราจารยฮ์ นั ส์ คุง ซ่ึงสนบั สนุนเรื่องจริยธรรมสากลมายาวนานแลว้ 
 
  หลงั จากการหารือกนั อย่างหนกั ในที่สุดก็มีการระบุชุดของมาตรฐานทางจริยธรรมร่วมกนั ข้ึนมา และเห็นพอ้ งตอ้ งกนั โดยใชช้ ่ือร่างวา่ “ปฏิญญาสากลวา่ ดว้ ยความรับผดิ ชอบของมนุษยชน” ในปี 1997 แก่น สารของการประมวลหลกั จริยธรรมน้ีก็คือ “กฎทองคา” – จงอย่าปฏิบัติต่อผู้อื่นในสิ่งที่ท่านไม่ปรารถนาจะ ให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อท่าน เราหวังว่าปฏิญญาดังกล่าวจะได้รับการยอมรับและนาไปใช้โดยองค์การ สหประชาชาติ ในฐานะเสาหลกั ที่สองต่อจากปฏิญญาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชน แต่น่าเสียดายที่ความคิด เรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมร่วมกนั ไม่ได้รับการสนบั สนุนอย่างเพียงพอจนบรรลุผลสาเร็จเพราะความ รับผดิชอบของมนุษยค์ือเหรียญอีกดา้นหน่ึงของสิทธิมนุษยชนการที่คนๆหน่ึงจะไดร้ับประโยชน์จากสิทธิ มนุษยชนน้นั ก็ตอ้ งประพฤติตนดว้ ยความรับผดิ ชอบ หากปราศจากพฤติกรรมที่มีความรับผิดชอบแลว้ สิทธิ มนุษยชนก็จะหายไปทนั ที แต่ร่างปฏิญญาของเราก็ยงั ไม่ไดร้ ับการเผยแพร่ต่อสาธารณะและการสนบั สนุน อย่างกวา้ งขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียใต้ เอเชียตะวนั ออกเฉียงใตแ้ ละเอเชียตะวนั ออกรวมท้งั โลกท่ี สาม 
 
   เม่ือเกิดสงครามอิรักคร้ังท่ีสองหลงั เหตุการณ์ 9/11 และมีความวิตกว่าการทาสงครามกับความ หวาดกลวั (การก่อการร้าย)จะทาให้เกิดความไร้เสถียรภาพมากข้ึน และทาให้ระเบียบทวั่ โลกตอ้ งล่มสลาย เราจึงจดั ศาสนเสวนาข้ึนอีกคร้ังในกรุงจาการ์ตาประเทศอินโดนีเซียกลุ่มผเู้ขา้ร่วมประชุมไดเ้รียกร้องให้ ผูน้ าศาสนาท้งั หมดปฏิเสธการใช้ความรุนแรงและการก่อการร้ายโดยอา้ งความชอบธรรมทางศาสนา, กระตุน้ ผูน้ าโลกให้ดาเนินมาตรการเชิงบวกเพื่อต่อตา้ นการแบ่งแยกระหว่างคนต่างศาสนาและชาติพนั ธุ์, เรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีขนั ติธรรมดารงชีวิตดว้ ยความซ่ือสัตยแ์ ละมีสิทธิทดั เทียมกนั และเรียกร้องความเป็น หุ้นส่วนระหว่างชายและหญิงรวมถึงการยอมรับในค่านิยมของมนุษย์ที่เป็ นสากลและมาตรฐานทาง จริยธรรมข้นั พ้ืนฐาน, และเพื่อสร้างวฒั นธรรมของการไม่ใชค้ วามรุนและการเคารพต่อชีวิต ความเป็นน้า หน่ึงใจเดียว และ ระเบียบทางเศรษฐกิจท่ียุติธรรม ค่านิยมท่ีว่าน้ีหลายอย่างเป็นสิ่งที่มีการดาเนินรอยตาม อย่างแข็งขนั ในอินโดนีเซียอยู่แล้ว แต่ก็ยงั ไม่สมารถสร้างความน่าเช่ือถือได้อย่างเพียงพอ สาหรับการ ปกครองประเทศมุสลิมขนาดใหญ่ท่ีสุดในโลกบนทางสายกลางอยา่ งมีเหตุผล 
 
  ในปี 2007 เพ่ือเป็นการตอบโต้ต่อสิ่งท่ีเราถือว่าเป็นการล่มสลายในมาตรฐานทางจริยธรรม โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในชุมชนการคา้ การเงิน และธุรกิจ และในประเทศตะวนั ตกโดยทวั่ ไป เราจึงจดั ศาสน เสวนา ข้ึนในทูบิงเงน ประเทศเยอรมนี เพ่ือหารือกนั ว่าจะฟ้ืนฟูศาสนาของโลกให้เป็นพลงั เพ่ือสันติภาพ ความยตุ ิธรรม และ จริยธรรม ไดอ้ ยา่ งไร การมีจริยธรรมร่วมกนั ซ่ึงเป็นที่ยอมรับและเนน้ ย้าหลายคร้ังโดย ศาสนาสาคญั ของโลก คือสิ่งสาคญั และจาเป็นต่อการศึกษาน้ี ศาสนาควรเป็นพลงั เพื่อเอกภาพ ความ แขง็ แกร่ง และความประพฤติที่ถูกทานองคลองธรรม ไม่ใช่บ่อเกิดของความไม่ลงรอยและความหวาดกลวั น่าเสียดายที่พวกคลงั่ ศาสนา (พวกยดึ มนัถือมนัในหลกั การมูลฐาน) มกั นาไปใชเ้ พ่ือสร้างความแตกแยก มี การป่าวประกาศวา่ ผนู้ าศาสนามีบทบาทสาคญั ในการควบคุมพลงั ของประชาชนในการเผชิญหนา้ กบั ปัญหา ของโลก และเพื่อให้สามารถระบุวิธีส่งเสริมสันติภาพและความเป็นน้าหน่ึงใจเดียว โดยยงั คงรักษาความ หลากหลายทางวฒั นธรรมและความเป็นพหุนิยมของชุมชนแห่งศรัทธาเอาไว้จึงไดจ้ ดั ทาคาแนะนาข้ึนมา หน่ึงชุด เพื่อให้เกิดการยอมรับว่าบรรทดั ฐานทางจริยธรรมที่เป็นแก่นสารร่วมกนั ของทุกศาสนาน้ัน คือ รากฐานของความเป็นพลเมืองโลก,เพื่อปฏิเสธการใชศ้ าสนาในทางที่ผิดโดยผนู้ าทางการเมืองและกระตุน้ ผนู้ าศาสนาไม่ใหป้ ล่อยใหม้ ีการนาเอาความศรัทธาไปใชใ้ นทางที่ผิดเพื่อจุดประสงคท์ างการเมือง, และเพื่อ ใชพ้ ลงั แห่งขบวนการทางศาสนาเพ่ือแกไ้ ขปัญหาทางดา้ นสิ่งแวดลอ้ มท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ชีวติ และเพื่อปกป้อง โลกของเราเพอื่ ประโยชนข์ องคนรุ่นหลงั หลกั จริยธรรมร่วมกนั จึงเป็นสิ่งสาคญั ต่อการใหค้ าแนะนาดงั กล่าว ดงั นนั เราจึงเชื่อมานานแลว้ วา่ หลกั จริยธรรมร่วมกนั ที่มีอยใู่ นศาสนาสาคญั ของโลก คือพ้ืนฐานในระยะยาว ที่ดีที่สุดของสันติภาพและโลกมนุษย์ที่มีความยุติธรรมมากข้ึน แน่นอนเรารู้ว่าหลักจริยธรรมสากลไม่ สามารถทดแทน เบญจบรรณ (หนังสือโทราห์ หนังสือ 5 เล่มแรกของพระคริสต์ธรรมคมั ภีร์ ซ่ึงเป็นจุด ศูนย์กลางของหลักความเชื่อศาสนายิว) ธรรมกถา คัมภีร์กุรอาน คมั ภีร์ภควตั คีตา หลักคาสอนของ พระพุทธเจา้ หรือหลกั คาสอนของขงจื๊อ แต่หลกั จริยธรรมสากลคือฉนั ทามติพ้ืนฐานขนั ต่าสุดที่เป็นการยึด เหน่ียวค่านิยม มาตรฐานท่ีเปล่ียนแปลงไม่ได้ และเจตคติทางศีลธรรม ซ่ึงทุกศาสนาสามารถเนน้ ยาแมจ้ ะมี ความแตกต่างกนั ก็ตาม นอกจากน้ียงั ไดร้ ับการสนบั สนุนโดยผไู้ ม่มีความเช่ือศรัทธา ดงั ที่หลายคนไดก้ ระทา และมีมาตรฐานทางจริยธรรมในการดารงชีวติ อยา่ งเหนียวแน่นแมไ้ ม่ไดม้ ีความเช่ือในหลกั ศาสนาก็ตาม 
 
  หลกั จริยธรรมร่วมกนั ต้งั อยบู่ นหลกั การที่มีความสาคญั ต่อบุคคล หน่วยทางสังคมและการเมืองสอง ประการดว้ ยกนั คือ (1) มนุษยท์ ุกคนตอ้ งไดร้ ับการปฏิบตั ิในฐานะท่ีเป็ นมนุษย์ และ (2) จงอยา่ ปฏิบตั ิต่อผอู้ ื่น ในสิ่งท่ีท่านไม่ปรารถนาจะให้ผูอ้ ื่นปฏิบตั ิต่อท่าน ท้งั น้ีเราได้ระบุพนั ธะสัญญาที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้สี่ ประการซ่ึงทุกศาสนาต่างเห็นพอ้ งกนั ไดแ้ ก่ (1) พนั ธะสัญญาวา่ จะไม่ใชค้ วามรุนแรงและเคารพต่อชีวิต, (2) พนั ธะสัญญาต่อความเป็นน้าหน่ึงใจเดียวและระเบียบทางเศรษฐกิจท่ีเป็นธรรม,(3)พนั ธะสัญญาต่อขนั ติ ธรรมและการดารงชีวิตดว้ ยความซ่ือสัตย,์ (4) พนั ธะสัญญาต่อการมีสิทธิทดั เทียมกนั และการเป็นหุ้นส่วน ระหวา่ งชายและหญิง 
 
  เมื่อเรากา้ วสู่ศตวรรษที่ 21 พนั ธะสัญญาร่วมกนั ต่อปัญหาเร่งด่วนของโลกก็ยิ่งมีความสาคญั กว่าที่ เคยเป็นมา เราไดส้ ่งเสริมความเช่ือของเราท่ีว่าการยอมรับหลกั จริยธรรมร่วมกนั จะช่วยยกระดบั สันติภาพ และความกลมเกลียวในหมู่ประชาชนของโลก แต่สานึกเร่ืองจริยธรรมดูเหมือนจะห่างหายไปจากการ กาหนดนโยบายของรัฐบาลประเทศมหาอานาจดังน้ันการฟ้ืนฟูความสาคญั ของพฤติกรรมที่ชอบด้วย จริยธรรมไม่วา่ จะเป็นเรื่องใดก็ตามไดอ้ ยา่ งไร จึงน่าจะเป็นคาถามสาคญั ที่สุดของเราในขณะน้ี 
 
เฮลมุท ชมิดท์ ประธานกิตติมศกั ด์ิของสภาซ่ึงชราภาพแลว้ ตอ้ งการใหม้ ีการจดั เสวนาภายใตร้ ่มเงาของสภา ปฏิสัมพนั ธ์อีก เราจึงตดั สินใจว่าจะจดั งานอีกคร้ังที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย บ้านเกิดของสภา ปฏิสัมพนั ธ์นนั่ เอง นอกจากน้ีเรายงั ตอ้ งการใช้โอกาสน้ีในการแสดงความยกย่องต่อนายกรัฐมนตรีเฮลมุท ช ม ิ ด ท ์ ต ่ อ ก า ร เ ป ็ น ผ นู ้ า ท า ง ด า้ น ส ต ิ ป ั ญ ญ า ใ น ส ภ า ด ว้ ย ก า ร ฉ ล อ ง ว า ร ะ ค ร บ ร อ บ ว นั เ ก ิ ด ป ี ท ี ่ 9 5 แ ด ่ เ ข า โ ด ย ด ร . ฟรานซ์ วรานิทสก้ี อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรียและประธานร่วมสภาปฏิสัมพนั ธ์คนปัจจุบนั ได้จดั งาน ศาสนเสวนา ว่าดว้ ยเรื่อง “การใช้หลกั จริยธรรมสากลประกอบการตดั สินใจ” เมื่อวนั ที่ 26-27 มีนาคม ปี 2014คาถามสาคญั ของการเสวนาครังน้ีคือ“ค่านิยมทางจริยธรรมน้ีมีความสาคญั ต่อการเมืองอยา่งไร?”เรา จะมนัใจไดอ้ ยา่ งไรวา่ ผนู้ าจะยดึ ถือหลกั จริยธรรมเป็นส่วนหน่ึงในแนวทางปฏิบตั ิของตน ไม่ใช่เพียงแค่การ ระบุถึงความตอ้ งการเท่านนั ? โดยเราไดท้ าการศึกษาคาถามสาคญั ต่อไปน้ี 
 

  • ●  สิ่งท่ีเราเรียนรู้จากประวตั ิศาสตร์ในศตวรรษที่ 20 คืออะไร มีบทเรียนใดท่ีเราละเลยและบทเรียนใด ที่เราหลงลืมไปแลว้บา้ง?

  •   เราสามารถสอนเร่ืองความดีงามของขนั ติธรรม ซ่ึงเป็นขนั ติธรรมท่ีเกิดจากความเคารพ ไม่ใช่การ ละเลยไดไ้หม?

  •   เราสามารถตอบสนองความท้าทายของการเอาใจใส่ หรือการปกป้ องอัตลักษณ์ทางศาสนา วฒั นธรรม และ อารยธรรมของเรา โดยใหค้ วามเคารพต่ออตั ลกั ษณ์ของผคู้ นและชาติอื่นไดไ้ หม?

  •   ผลประโยชน์ ไม่วา่ จะเป็นของชาติ สถาบนั หรือบุคคล จะสาคญั กวา่ ค่านิยมทางศีลธรรม พลงั แห่ง ความจริงและความยตุ ิธรรมไหม?

  •   จะทาให้สานึกแห่งจริยธรรมถูกคน้ พบใหม่อีกคร้ัง และมีส่วนมากข้ึนต่อการตดั สินใจในกิจกรรม ของมนุษยท์ ุกอย่าง โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มีแง่มุมเชิง ลบและชวั่ ร้าย ท้งั ที่มนั นามาซ่ึงความกา้ วหนา้ อยา่ งมากมายไดอ้ ยา่ งไร?

  •   ภูมิปัญญาของมนุษยท์ ่ีต้งั อยู่บนหลกั จริยธรรม สามารถนาไปสู่สันติภาพ และสู่โลกท่ีมีความเป็น ธรรมมากข้ึน โดยคานึงถึงประชากรจานวน 9 พนั ลา้ นคนที่รออยขู่ า้ งหนา้ ไดไ้ หม? 

 
 
อยา่ งท่ี เฮลมุท ชมิดท์ กล่าวไวใ้ นคานาวา่ คาถามเหล่าน้ีบางขอ้ ไม่มีคาตอบที่ชดั เจนโดยเฉพาะ ทวา่ รายงานท่ี นาเสนอต่อที่ประชุม รวมท้งั การอภิปรายกนั อย่างแข็งขนั น้ันมีคุณค่าอย่างยิ่ง จนทาให้เราตดั สินใจท่ีจะ เผยแพร่หนงั สือวา่ ดว้ ยการดาเนินการดงั กล่าว 
 
เม่ือเราพบปะกนั อีกคร้ังในเดือนมีนาคมปี 2014ตอนน้นั ยงั ไม่มีการประกาศเปิดตวั กลุ่มไอซิสและกลุ่มโบ โกฮาราม ก็ยงั ไม่ไดร้ ับความสนใจจากทวั่ โลกเช่นทุกวนั น้ี เหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในระยะหลงั เนน้ ให้เห็นถึง รอยแยกท่ีเกิดข้ึนระหวา่ งวฒั นธรรมและศาสนาที่แตกต่างกนั คาถามเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ข้อจากัดของมันตลอดจนการใช้มันในทางท่ีผิดแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่วฒั นธรรมหน่ึงถือว่าเป็นการ แสดงออกค่านิยมทางโลกที่จาเป็นกลบั เป็นความกา้ วร้าวในวฒั นธรรมทางศาสนาบางอย่างท่ีถือวา่ การให้ ความเคารพและความเกรงขาม สาคญั กว่าสิทธิในการวิพากษว์ ิจารณ์หรือการลอ้ เลียน คาถามท่ีถูกถามกนั มากข้ึนก็คือเป็นไปได้ไหมท่ีจะมีการประนีประนอมกันระหว่างศาสนากบั เสรีภาพในการแสดงความ คิดเห็น น่ีเป็ นเพยี งแค่แง่มุมหน่ึงของปัญหายงุ่ ยากท่ีใหญ่กวา่ มากๆ ซ่ึงเราทุกคนกาลงั เผชิญอยู่ 
 
  และนี่คือเหตุผลว่าทาไมการประชุมที่กรุงเวียนนาจึงมีความสาคญั ยิ่งนกั เพราะมนั เนน้ ให้เห็นถึง ความแตกต่าง และความพยายามท่ีจะพิจาณาว่าการหาจุดยนื ร่วมกนั น้นั มีความเป็นไปไดไ้ หม โดยแทจ้ ริง แลว้ วาระในการประชุมน้ียงั เนน้ อีกดว้ ยวา่ ประเด็นดงั กล่าวเป็นเรื่องภายในศาสนามากพอๆ กบั เป็นเร่ือง ระหวา่ งศาสนาเลยทีเดียว แมว้ า่ วาระในการประชุมส่วนใหญ่จะเป็นประเด็นกวา้ งๆ ทางจริยธรรม การเมือง สังคม และเศรษฐกิจที่ทาใหผ้ คู้ นแตกแยก แต่ขอ้ สรุปหน่ึงท่ีไดค้ ือ การส่ือสารและการปฏิสัมพนั ธ์เท่าน้นั ที่ ช่วยใหเ้ รามีความหวงั วา่ จะบรรลุซ่ึงเป้ าหมายที่เราตอ้ งการได้ 
  พวกเราส่วนใหญ่ยอมรับวา่ เสรีภาพไม่ใช่สิ่งสาคญั สูงสุด เพราะสังคมศิวิไลซ์ตอ้ งอาศยั กฎหมายที่มี ความยตุ ิธรรม ตอ้ งมีระบบศาล เราทุกคนจึงจะสามารถดารงชีพดว้ ยความสันติสุขและมีความปลอดภยั เรามี ก ฎ ห ม า ย ห ้ า ม ก า ร ห ม ิ ่ น ป ร ะ ม า ท ก า ร ก ล ่ า ว โ จ ม ต ี ผ ู อ้ ่ ื น ก ฎ ห ม า ย ด งั ก ล ่ า ว ย งั ห ม า ย ร ว ม ถ ึ ง ก า ร ใ ช ถ้ อ้ ย ค า ท ี ่ เ ป ็ น ลายลกัษณ์อกัษรดว้ยถา้ตอ้งการใหเ้กิดความกลมเกลียวข้ึนในสังคมต่อใหเ้ป็นประเด็นซ่ึงไม่ไดถู้กควบคุม ดว้ ยกฎหมาย ก็ตอ้ งมีขอบเขตจากดั เช่นกนั ท่านสันตะปาปาไดแ้ สดงตวั อยา่ งเรื่องน้ีอยา่ งชดั เจนเม่ือไม่นาน ม า น ้ ี ใ น ร ะ ห ว า่ ง ก า ร เ ส ด จ็ เ ย อื น ป ร ะ เ ท ศ ฟ ิ ล ิ ป ป ิ น ส ์ ว า่ เ ร า จ า เ ป ็ น ต อ้ ง แ ส ด ง ค ว า ม เ ค า ร พ ต ่ อ ผ อู ้ ื ่ น เ ค า ร พ ต ่ อ ผ ทู ้ ่ ี ม ี ความรักและเคารพต่อความศรัทธาและศาสนาของผอู้ ื่นดงั น้นั มนั จึงเป็นการถูกจากดั ดว้ ยสามญั สานึกและ ความประพฤติท่ีถูกทานองคลองธรรมท้งั ทางวาจาและลายลกั ษณ์อกั ษรนนั่ เอง 
 
หนงัสือเล่มน้ีมีท้งัหมดห้าตอนดว้ยกนั ส่วนท่ี1คือการรวมเอาสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมเสวนา เวียนนา และ ส่วนท่ี 2 ประกอบดว้ ยรายงานท่ีนาเสนอในการเสวนาและบทสรุปการอภิปราย ส่วนที่ 3 คือ สุนทรพจน์และรายงานท่ีนาเสนอในการประชุมท่ีทูบิงเงนท่ีกล่าวถึงขา้ งตน้ (ดว้ ยเหตุที่ ศาสตราจารยฮ์ นั ส์ ค ุ ง ไ ม ่ ส า ม า ร ถ เ ข า้ ร ่ ว ม ก า ร ป ร ะ ช ุ ม ท ่ ี ก ร ุ ง เ ว ยี น น า เ น ื ่ อ ง จ า ก ม ี อ า ก า ร เ จ บ็ ป ่ ว ย เ ร า จ ึ ง ต ดั ส ิ น ใ จ ใ ส ่ ผ ล ง า น ท ี ่ โ ด ด เ ด ่ น ของเขาในการประชุมตอนแรกของเราลงในหนงั สือเล่มน้ีดว้ ย และรวมสุนทรพจน์ของ เฮลมุท ชมิดท์ ในทู บิงเงน และรายงานของ ศาสตราจารย์ทู วายมิ่ง ซ่ึงตอ้ งยกเลิกการเขา้ ร่วมประชุมเนื่องจากการเจ็บป่ วย เช่นกัน)ส่วนท่ี4เป็นการรวบรวมปฏิญญาและแถลงการณ์จากการจดั ศาสนเสวนาบางส่วนของเรา ความสาคญั ของความพยายามเช่นท่ีเราไดท้ าลงไปน้ีเป็นสิงที่ตอ้ งมีการพูดถึงซาๆดงั ท่ีไดเ้นน้ ยาบ่อยครังใน ที่ประชุมกรุงเวยีนนา 

เราโชคดีมากๆที่ท่านแรบไบดร.เจเรมีโรเซนหน่ึงในผมู้ ีส่วนร่วมและเป็นชาวองั กฤษไดต้ อบรับหนา้ ที่ใน การตรวจแกไ้ ขหนงั สือเล่มน้ีดว้ ยความสมคั รใจ แมว้ า่ เขาจะมีตารางการทางานที่ยุ่งมาก เรารู้สึกซาบซ้ึงใน บุญคุณของเขา รวมท้งั ผมู้ ีส่วนร่วมและผทู้ ี่อาสาร่วมกนั จดั ทาหนงั สือเล่มน้ีเป็นอยา่ งยงิ่
 
เราขอแสดงความสานึกในบุญคุณต่อรัฐบาลประเทศต่างๆ อย่างสุดซ้ึง เช่นรัฐบาลญี่ปุ่นผูใ้ ห้การสนบั สนุน สภาปฏิสัมพนั ธ์อย่างผูท้ ่ีมีวิสัยทศั น์ตลอดสามทศวรรษท่ีผ่านมา ขอบคุณรัฐบาลออสเตรเลีย ออสเตรีย แคนาดา เยอรมนี ซาอุดิอาระเบีย และสวีเดน เราขอขอบคุณต่อรัฐบาลชาติอื่นท้งั ในระดบั ชาติและทอ้ งถิ่น ขอบคุณสถาบนัและบุคคลที่ใหก้ารสนบัสนุนท้งัหมด 
 
ดว้ ยเชื่อวา่ ภูมิปัญญาสะสมและการกระทาที่เป็นรูปธรรม คือสิ่งสาคญั ต่อการดารงอยู่ร่วมกนั ความร่วมมือ และความยุติธรรมของมนุษยชาติ เราจึงขอยืนยนั อีกคร้ังถึงหลกั การพ้ืนฐานของหลกั จริยธรรมโลกที่ว่า “มนุษยท์ ุกคนตอ้ งไดร้ ับการปฏิบตั ิในฐานะที่เป็นมนุษย”์ และ กฎทองคา คือ “จงอย่าปฏิบัติต่อผ้อู ื่นในสิ่งที่ ท่านไม่ปรารถนาจะให้ผ้อู ื่นปฏิบัติต่อท่าน” 

 
 
มกราคม ปี 2015


มลั คอลม์ เฟรเซอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย 
 
ประธานร่วมที่ประชุมกรุงเวยี นนา
 
ยาสุโอะ ฟูกุดะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ป่ ุน 
 
ประธานร่วมที่ประชุมกรุงเวยี นนา 


THAILAND Ver.