4. การญฮิ าดกบั ความเข้าใจของชาวตะวนั ตก 


  คาวา่ “ญิฮาด”เป็นหน่ึงในศพั ทเ์พยี งไม่ก่ีคาในศาสนาอิสลามท่ีเป็นที่รู้จกั กนั ดีและมีการโตเ้ถียงไป ทวั่ โลก ในการอภิปรายคร้ังน้ีไดม้ ีการหารือเก่ียวกบั คาจากดั ความท่ีแทจ้ ริงของคาวา่ ญิฮาดและการป้องกนั ความรุนแรงท่ีมาจากการใชค้ าวา่ ญิฮาด ผนู้ าเสนอท่านแรกคือ ดร. อบั ดุลมุกตี (Dr. Abdul Mukti) ไดใ้ ห้ ความสาคญั ในแง่ของจริยธรรมของการญิฮาดดงั ท่ีมีกล่าวไวใ้ นโองการอลั กุรอ่านและการสร้างบริบทของ การญิฮาดในปัจจุบนั แรกเริมนนั การญิฮาดมีความมุ่งหมายที่จะสร้างความเขม้ แขง็ ดา้ นการศรัทธาของบุคคล มิใช่การบงั คบั ใหผ้ อู้ ่ืนดาเนินรอยตาม แนวคิดท่ีไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอ่านนนั ครอบคลุมตงั แต่การพฒั นา ตนเองทางดา้ นศาสนาไปจนถึงการใชห้ นทางใดก็ตามท่ีจะปกป้ องศาสนา เขากล่าววา่ การญิฮาดคือการ แสวงหาเพื่อให้อยใู่ นแนวทางของพระผเู้ป็นเจา้ 

  ศาสตราจารยอ์ ามิน ไซคลั (Prof. Amin Saikal) ไดอ้ ธิบายถึงทศั นะของอิสลามท่ีขบั เคี่ยวกนั มาท้งั สองทศั นะ คือ (1) อิสลามแนวทางสายกลาง (อิจญต์ ิฮาด) ซ่ึงเช่ือวา่ มุสลิมสามารถนาหลกั การอิสลามมาปรับ ใชก้บับุคคลหรือการอาศยัอยใู่นสังคมตามเง่ือนไขและเวลาที่เปลี่ยนไปและ(2)อิสลามแบบที่สนบัสนุนให้ ต่อสู้ (ญิฮาด) ซ่ึงต่อสู้เรียกร้องใหไ้ ดม้ าซ่ึงรัฐอิสลามและปกครองตามหลกั ชารีอะห์ ทศั นะเหล่านี่นามาซ่ึง การแบ่งมุสลิมออกเป็ นหมวดหมู่ได้ 4 ประเภท คือ 


  • -  กลุ่มอิจญต์ ิฮาด (ijtihadi) ซ่ึงปฏิเสธการใชค้ วามรุนแรงทุกรูปแบบเวน้ เสียแต่วา่ จะถูกคุกคาม
  • -  กลุ่มมุสลิมนิยมความรุนแรง (radical Islamist) ซ่ึงยดึ ติดกบั หลกั การอิสลาม
  • -  กลุ่มนีโอฟันดาเมนทลั ลิสต์ (neo-fundamentalist) คือกลุ่มมุสลิมที่ยดึ หลกั การอิสลามแบบใหม่
  • ซ่ึงจะยดึ ติดกบั ความเคร่งครัดและการแปลความหมายของหลกั อิสลามตามลายลกั ษณ์อกั ษร โดยไม่เพยี งแต่จะใชค้ วามรุนแรงในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเท่าน้นั แต่ในดา้ นการปกครอง ดว้ย
  • -  กลุ่มมุสลิมรากหญา้ (grass-root) ซ่ึงเป็นกลุ่มที่มีความรู้เรื่องศาสนาในระดบั พ้ืนฐานและจะถูก ชกั จงู ไปเป็นกองทหารราบหรือพลเดินเทา้ ไดง้ ่าย 


เขากล่าววา่ การก่อสงครามบนพ้ืนฐานของการก่อการร้ายเป็นการสนบั สนุนกลุ่มมุสลิมหวั รุนแรงและกลุ่ม มุสลิมนีโอฟันดาเมนทลั ลิสตซ์ ่ึงเป็นเพียงชนกลุ่มนอ้ ยเท่าน้นั ชาวตะวนั ตกตอ้ งเลิกตดั สินมุสลิมหมู่มากจาก พฤติกรรมของมุสลิมกลุ่มนอ้ ยเหล่าน้ีไดแ้ ลว้ และมีส่วนร่วมในการดาเนินการดา้ นนโยบายที่จะช่วยเพิม่ อานาจใหก้ บั มุสลิมกลุ่มอิจญต์ ิฮาดใหม้ ากข้ึน 
 ดร. โกลามาล่ี โคชรู (Dr. Gholamali Khoshroo) ไดร้ ะบุถึงรูปแบบของความรุนแรงที่สัมพนั ธ์กนั ไว้ 3 รูปแบบ ซ่ึงก็คือ ความรุนแรงทางร่างกาย (physical violence) ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง (structural violence) และความรุนแรงที่ต่อตา้ นกบั เสรีภาพ โดยเขาเชื่อวา่ การเจรจาสนทนา ความยตุ ิธรรม และเสรีภาพ เป็นสามทางเลือกหลกั ในการแกป้ ัญหา 

  ในการอภิปราย มีผเู้ ขา้ ร่วมชาวมุสลิมจากตะวนั ออกกลางไดอ้ ธิบายวา่ ในอลั กุรอ่านไดก้ ล่าวถึงการ ปฏิบตัิกบัผอู้ื่นถึง17ระดบัและลาดบัท่ี17น้นัคือคาสงั่อนัชดัเจนที่ใหต้่อสู้กบัผทู้ี่มิใช่มุสลิมซ่ึงปฏิเสธคาสัง่ ก่อนหนา้ท้งัหมดน้นั พวกเขายงัไดช้้ีใหเ้ห็นถึงความจาเป็นในการปฏิบตัิตามตวับทอยา่งเคร่งครัดในขณะที่ มุสลิมสายกลางและชาวคริสตไ์ ดแ้ ยง้ วา่ ถึงแมว้ า่ ตวั บทจะเป็นสิ่งสาคญั แต่ก็มีความจาเป็นที่จะตอ้ งมีการปรับ ใชใ้ หเ้ หมาะกบั บริบทของเงื่อนไขและกาลเวลาท่ีมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนกลุ่มชีอะห์ก็ไดห้ าแนวทางที่เลี่ยง จากความสุดโต่งและความรุนแรงซ่ึงไม่ใช่การปฏิเสธการนบั ถือศาสนาแต่เป็นขอ้ ตกลงทางสงั คมท่ีเรียกวา่ หลกั ประชาธิปไตย ผเู้ ขา้ ร่วมท่านอื่นๆไดห้ ยบิ ยกประเด็นความสาคญั ของการวเิ คราะห์ตนเอง ยนื หยดั เพื่อ ความซื่อสัตยต์ ่อผอู้ ื่น และการคน้ หาขอ้ เท็จจริง ซ่ึงจะนาไปสู่ความพยายามในการมองเห็นความคิดเห็นของ ผอู้ ื่นและเขา้ ใจผอู้ ื่น มนุษยส์ ามารถจดจาเรื่องราวของผอู้ ื่นไดโ้ ดยการแสดงความรักและความเขา้ ใจ นาย Jean Chre’tien เชื่อวา่ การหาหนทางที่จะแบ่งแยกศาสนาออกจากรัฐเป็นสิ่งจาเป็นในโลกมุสลิม ในแบบที่ เคยประสบผลสาเร็จมาแลว้ในชาติตะวนัตก 

การญฮิาดในแนวคดิด้านศีลธรรม
 

ผ้นู าเสนอคนที่ 1: ดร. อบั ดุล มุกตี (Dr. Abdul Mukti) 
เลขาธิการคณะกรรมการกลางของกล่มุ มุฮามาดยี ะห์ จากอนิ โดนีเซีย 
อาจารย์ทค่ี ณะอสิ ลามศึกษา มหาวทิ ยาลัยอสิ ลามชารีฟฮิดาย่าตุ้ลลอฮ์ จาร์กาตา 

ไม่ก่ีทศวรรษที่ผา่ นมาคาวา่ ”ญิฮาด”ไดก้ ลายเป็นหน่ึงในบรรดาศพั ทท์ างอิสลามที่โด่งดงั เป็นอยา่ งมากและ มีการถกเถียงกนั จากท้งั ภายในและภายนอกประเทศมุสลิม มีการอภิปรายเกิดข้ึนมากมายที่เกี่ยวขอ้ งกบั สิ่งท่ี หมายถึงการญิฮาดอยา่ งแทจ้ ริงและสิ่งที่ไม่ใช่การญิฮาด ที่ผา่ นมามีผคู้ นจานวนมากพยายามท่ีจะลบลา้ ง ความหมายของคาวา่ ญิฮาดท่ีผคู้ นเขา้ ใจวา่ คือการจ้ีเครื่องบิน การข่มเหงทารุณกรรม หรือการบิดเบือนโดย คนบางกลุ่มท้งั ที่เป็นมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมอนั เน่ืองมาจากประโยชน์ส่วนตนและถูกเผยแพร่คาวา่ ญิฮาดออก สู่สาธารณะจากสิ่งท่ีพวกเขากระทาซ่ึงโดยมากเกี่ยวกบั การทาสงครามศกั สิทธ์ิ 
ในท่ีน้ี ผมไม่ไดจ้ ะโตแ้ ยง้ ต่อความเขา้ ใจท่ีรุนแรงและไม่ถูกตอ้ งของคาวา่ ญิฮาดซ่ึงนกั วิชาการและผนู้ า ศาสนาหลายๆท่านไดเ้คยโตแ้ ยง้ ไว้รวมถึงผทู้ ่ีเป็นมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมเองก็เช่นกนั แต่ผมอยากจะมุ่ง ประเดน็ ไปที่การช้ีใหเ้ ห็นถึงสาสน์ของคาวา่ ญิฮาดในเชิ่งจริยธรรม ในประเด็นน้ีผมอยากจะใหค้ วามสาคญั กบัแง่มุมทางศีลธรรมของคาวา่ญิฮาดที่ไดก้ล่าวไวใ้นอายะห์ อลักุรอ่านและแง่มุมเหล่าน้ีจะนามาสร้าง บริบทใหเ้ กิดในชีวติ ประจาวนั ของเราไดอ้ ยา่ งไร ผมจะใหค้ วามสนใจกบั อลั กุรอ่านซ่ึงเป็นแหล่งความรู้ เกี่ยวกบั หลกั การอิสลามเบ้ืองตน้ ซะเป็นส่วนใหญ่และบางส่วนจะพยายามหลีกเลี่ยงแนวคิดในอลั กุรอ่านที่ ไม่เก่ียวขอ้ งกบั ความเขา้ ใจในคาวา่ ญิฮาด 
 
ความหมายของคาว่า”ญฮิ าด” ในอลั กรุ อ่าน 
  อายะห์บางอายะห์ของอลั กุรอ่านจะถูกนามาพิจารณาเพื่อตีความอีกอายะห์หน่ึง ดงั น้นั เพ่ือใหก้ าร แปลความหมายของอลั กุรอ่านเป็นไปตามหลกั การอยา่ งถูกตอ้ งจึงจาเป็นตอ้ งเอาอายะห์ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั หวั ขอ้ ภายใตก้ ารอภิปรายน้ีท้งั หมดมาพจิ ารณาดว้ ย มีการถกเถียงกนั บ่อยคร้ังวา่ ก่อนที่จะมีการนาเอาข้นั ตอน กระบวนวธิ ีใดๆไปใช้ นกั ตีความอลั กุรอ่านควรท่ีจะพจิ ารณาองคป์ ระกอบที่แตกต่างกนั ของอลั กุรอ่านอยา่ ง ถี่ถว้ นเสียก่อนเพื่อที่จะทาใหต้ วั บทอลั กุรอ่านเป็นแนวทางที่ดีที่สุดและหลีกเลี่ยงขอ้ สรุปที่ผดิ พลาดดว้ ยเหตุ น้ี การอภิปรายเรื่องญิฮาดควรจะนาเอาอายะห์ท่ีเกี่ยวมาพิจารณาดว้ ยเพื่อหาความหมายด้งั เดิมของคาๆน้ี ในอลั กรุ อ่านรวมถึงหลกั การแรกเริ่มที่อลั กรุ อ่านไดก้ ล่าวไวเ้กี่ยวกบั ญิฮาด 
  ในการตีความหรือแปลความหมายอลั กุรอ่านโดยใชก้ ารอา้ งอิงจากตวั บทอลั กรุ อ่านเองน้นั ยงั หมาย รวมถึงการอ่านและตีความในทุกๆคาหรือทุกๆกรอบความคิดในอลั กรุ อ่านเทียบกบั แนวคิดของอลั กุรอ่าน ท้งั หมด ซ่ึงนนั่ หมายความวา่ หากผใู้ ดตอ้ งการท่ีจะอภิปรายความหมายของคาวา่ ญิฮาดในอลั กรุ อ่าน ก็ควรที่ จะนาเอาคาสอนอ่ืนๆในอลั กุรอ่าน อาทิเช่น ความยตุ ิธรรม สันติภาพ การปกป้ องชีวติ มนุษย์ และการยอม จานนต่อพระผเู้ป็นเจา้ ถึงแมป้ ระเดน็ น้ีไม่ใช่สิ่งท่ีผมตอ้ งการเนน้ ย้าแต่ผมก็รู้สึกวา่ มนั จาเป็นท่ีจะตอ้ งเตือน ใหผ้ อู้ ่านไดร้ ะลึกไวว้ า่ การแปลคาวา่ ญิฮาดจะขาดความถูกตอ้ งหากวา่ มนั ไปขดั กบั ทศั นะอ่ืนๆในอลั กุรอ่าน 
  ในทางกลบั กนั มีความเชื่อกนั วา่ คมั ภีร์อลั กุรอ่านน้นั เป็นโวหารที่ละเอียดอ่านซ่ึงไม่มีคาใดหรือ หน่วยใดสามารถไปแทนที่อีกคาหน่ึงไดโ้ดยใหค้วามหมายท่ีเหมือนกนัทุกประการดงัตวัอยา่งของคาวา่ญิ ฮาดซ่ึงไม่มีคาใดสามารถนามาแทนความหมายไดอ้ ยา่ งแม่นยา อาทิเช่น คาวา่ juhd (ความสามารถ การลง แรง การทางานหนกั ) และคาวา่ mujahada (ความพยายามอยา่ งแขง็ ขนั ต่อสู้) หรือคาท่ีเก่ียวขอ้ งเช่นคาวา่ qital (การต่อสู้) da’wa (การเรียกร้องเชิญชวนสู่อิสลาม) และ infaq (การใชจ้ ่ายเงินในหนทางที่ดี) คาสานวน เหล่าน้ีมีความเป็นไปไดว้ า่ เมื่อปรากฏณท่ีใดท่ีหน่ึงในอลั กุรอ่านจะมีความหมายโดยนยั เฉพาะของมนั ซ่ึง แตกต่างจากความหมายเดิมของคาเดียวกนั หรือคาคลา้ ยท่ีอยใู่ นตาแหน่งอื่น 
  ถา้ เราเห็นพอ้ งกบั ขอ้ สรุปน้ี ดงั น้นั คาวา่ ญิฮาดอาจจะมีความหมายโดยนยั ที่แตกต่างกนั ในตาแหน่งท่ี ต่างกนั ออกไปในอลั กุรอ่านและควรที่เราจะแปลความหมายของคาโดยดูจากบริบทเฉพาะในตวั บทอลั กุ รอ่านนอกเหนือจากบริบททวั่ ๆไป อยา่ งไรก็ตามการมองหาความหมายในลกั ษณะน้ีเป็นงานทางวชิ าการท่ี ทา้ ทายซ่ึงตอ้ งการความร่วมมือจากนกั วชิ าการหลายๆคน ดงั น้นั สิ่งที่ผมอยากจะเอ่ยถึงก็คือการอภิปรายใน เรื่องความหมายของการญิฮาดตามที่อลั กรุ อ่านไดก้ ล่าวไวน้ ้นั ไม่ใช่สิ่งท่ีเราเคยเขา้ ใจกนั มา 
  ในบางคร้ังคาวา่ ญิฮาดอาจจะมีความเก่ียวขอ้ งกบั คาวา่ สงคราม โดยมกั ถูกเทียบกบั สงครามใน หลากหลายรูปแบบคือสงครามศกั ด์ิสิทธ์ิ สงครามเพ่อื ความเป็นธรรมหรือสงครามต่อสู้เพื่อปกป้อง ซ่ึง ท้งั หมดน้ีมีบางส่วนที่ไม่ถูกตอ้ งเสมอไป อยา่ งไรก็ตามผมอยากจะเนน้ ย้าวา่ คาวา่ ญิฮาด และ คาวา่ สงคราม เป็นสองหวั ขอ้ ท่ีไม่ใช่หวั ขอ้ เดียวกนั ถึงแมว้ า่ อาจจะมีความเกี่ยวขอ้ งกนั ในบางกรณีก็ตาม สิ่งที่ผมกาลงั จะ พดู น้นั คือเรื่อง “การญิฮาดในอิสลาม” ไม่ใช่ “สงครามในอิสลาม” หลกั คาสอนของอิสลามที่เก่ียวกบั หนา้ ที่ รับผดิ ชอบในการต่อสู้ต่อศตั รูของอิสลามและการรุกราน เกี่ยวกบั การฆ่าเพื่อศาสนา (ชาฮาดะห์) และ เกี่ยวกบั จริยธรรมในการทาสงครามน้นั ควรจะนามาพดู แยกกนั จะดีกวา่ ดงั น้นั ในบทความท่ีเหลือท้งั หมดน้ี ผอู้ ่านอาจจะพบความเก่ียวขอ้ งของการญิฮาดกบั การทาสงครามหรือความรุนแรงไดน้ อ้ ยมาก 
  ในอลั กรุ อ่าน รากศพั ทต์ วั อกั ษรท้งั สามตวั ของคาวา่ ญิฮาด (j-h-d)ท่ีปรากฎในคาที่มีความเกี่ยวขอ้ ง กบั ญิฮาด ปรากฏในอลั กุรอ่าน 41 คร้ัง ส่วนใหญ่อยใู่ นรูปของคากริยา (27 คร้ัง) รากศพั ทน์ ้ีใหค้ วามหมาย เกี่ยวกบั ความพยายามแบบไม่รู้จกัเหน็ดเหน่ือยการต่อสู้ความมานะอุตสาหะความต้งัใจจริงการฟันผา่ต่อ ความยากลาบาก ความสามารถ การบงั คบั และการต่อสู้ การอา้ งอิงถึงคาวา่ ญิฮาดในอลั กรุ อ่านส่วนใหญ่ ไม่ไดม้ ีความเก่ียวขอ้ งกบั การเรียกร้องอยา่ งชดั เจนใหม้ ุสลิมไปทาสงคราม 
  ในบางอายะห์อลั กรุ อ่านที่มีคาวา่ ญิฮาด(และคาท่ีแตกออกมารากศพั ท)์ ปรากฎใหเ้ ห็นในช่วงยคุ สมยั ของชาวมกั กะห์ในช่วงที่ไม่มีสงครามระหวา่ งชุมชนของผศู้ รัทธากบั พวกนอกศาสนา มีอายะห์หน่ึงไดก้ ล่าว วา่ : วา่ มนั ญาฮะดะ ฟะอินนะมายญุ าฮิดู ลินฟั ซิฮี อินน้ลั ลอฮ์ ฮะละเฆาะนียนุ อะนิ้ลอาละมีน (และผใู้ ดก็ ตามท่ีต่อสู้แทจ้ ริงเขายอ่ มต่อสู้เพื่อตวั ของเราเอง แทจ้ ริงอลั เลาะห์น้นั ทรงมงั่ มีเหนือประชาชาติท้งั หลาย) (ซู เราะห์ 29:6) 
  จากท่ีนกั ตีความอลั กุรอ่านไดก้ ล่าวไวน้ ้นั การต่อสู้ในที่น้ีหมายถึงการต่อสู้ดิ้นรนเม่ือตอ้ งเผชิญกบั ความยากลาบากหรือไม่ไดร้ ับความสะดวกสบายขณะท่ีเป็นผศู้ รัทธา ดงั ที่ไดก้ ล่าวไวใ้ นอายะห์ที่ 29:2 ความ วา่ “มนุษยค์ ิดหรือวา่ พวกเขาจะถูกทอดทิง้ เพยี งแต่พวกเขากล่าววา่ เราศรัทธาและพวกเขาจะไม่ถูกทดสอบ กระนนัหรือ?”,อลัเลาะห์จะทรงทดสอบบรรดาผศู้รัทธาเพื่อจาแนกวา่ใครคือผศู้รัทธาที่แทจ้ริงและใครท่ี กล่าวเทจ็ (อายะห์ 29:3) , ผใู้ ดท่ีต่อสู้ในหม่พู วกเจา้ และผใู้ ดที่มิไดต้ ่อสู้ (อายะห์ (9:16, 47: 31) การต่อสู้เพื่อ ดารงไวซ้ ่ึงความศรัทธาจาเป็นอยา่ งยงิท่ีตอ้ งใชก้ ารต่อสู้ฟันฝ่าอยา่ งหนกั และความอดทนโดยเฉพาะอยา่ งยงิถา้ เราพบเจอกบั สถานการณ์ดงั ท่ีเกิดข้ึนกบั บรรดาผตู้ ิดตามท่านศาสดาในมกั กะห์ 
  นกัตีความอลักรุอ่านสมยัใหม่ของชีอะห์อลัตะบาตะบา(al-Tabataba-i)ในหนงัสือตฟัซีรอลั-มี ซาน (al-Mizan) ไดก้ ล่าววา่ ญิฮาดในอายะห์น้ีหมายถึง การคงไวซ้ ่ึงความศรัทธาและการยนื หยดั ดว้ ยกบั การ ยนื หยดั ในความเปล่ียนแปลงท้งั หลาย และเช่นเดียวกบั นกั ตีความอลั กุรอ่านของซุนหนี่ อิบนุอาชูร (Ibn Ashur) ในหนงั สือตฟั ซีร อลั ตะห์รีร วา่ อลั ตนั วรี (al-Tahrir wa al-Tanwir) ไดก้ ล่าวไวว้ า่ ความหมายที่ เป็นไปไดล้ าดบั แรกของคาวา่ ญิฮาดในท่ีน้ีคือความอดทนต่อการเผชิญกบั อุปสรรคความยากลาบากและ ความเจบ็ ปวดต่างๆท่ีมาจากการเขา้ รับอิสลาม และนกั ตีความอลั กุรอ่านท่านอ่ืน เช่น อลั คอซีมี (al Qasimi) ในหนงัสือ

มะฮะซิน อลั ตาว้ลี (Mahasin al-Tawil)ก็เขา้ ใจคาวา่ ญิฮาดในอายะห์น้ีวา่ เป็นการต่อสู้เพื่อใหอ้ ดทนกบั ความ ลาบากและมนั่ คงกบั ความศรัทธาถึงแมต้ อ้ งพบเจอความเจ็บปวดต่างๆ 
  ความหมายท่ีใกลเ้คียงกนั ของคาท้งัสามคาคือญิฮาดความศรัทธา(อีหม่าน)และความอดทน (ซอบรั ) อนั ที่จริงไดม้ ีกล่าวไวใ้ นอลั กุรอ่านโดยบ่อยคร้ังท่ีพบคาวา่ ญิฮาดกล่าวไวก้ บั คาใดคหน่ึงเสมอ ไม่ นอ้ ยกวา่ สิบตาแหน่งท่ีคาวา่ ญิฮาดมาก่อนคาวา่ อีหม่าน และสามตาแหน่งท่ีคาวา่ ญิฮาดตามหลงั ดว้ ยคาวา่ ซอบรั (อดทน) กล่าวไดว้ า่ การญิฮาดเป็นสัญลกั ษณ์หน่ึงของผศู้ รัทธาที่แทจ้ ริง (49:15; 8:74) อีกหน่ึงแนวคิด ท่ีมกั จะเขา้ เก่ียวขอ้ งกนั บ่อยคร้ังกบั คาวา่ ญิฮาดซ่ึงก็ถือเป็นสญั ลกั ษณ์หน่ึงของผศู้ รัทธาที่แทจ้ ริงก็คือคาวา่ ฮิจเราะห์ (hijra) (ความหมายทวั่ ไปหมายถึง การออกมาจากสภาวการณ์ท่ีเลวร้าย) ซ่ึงในอลั กรุ อ่านพบวา่ มา ก่อนคาวา่ ญิฮาดถึง 7 คร้ัง ถึงแมว้ า่ คาวา่ ญิฮาดในตาแหน่งใดตาแหน่งหน่ึงในอลั กุรอ่านจะเป็นท่ีเขา้ ใจวา่ หมายถึง “คิตาล” (qital) (การต่อสู้ในสงครามหรือต่อสู้กบั ภยั คุมคาม) แต่ท้งั สองคาน้ีก็ไม่ปรากฎวา่ มีการ กล่าวถึงพร้อมๆกนั เลยและไม่แมแ้ ต่จะอยใู่ นตาแหน่งที่ใกลก้ นั ในอลั กุรอ่าน 
  จากธรรมเนียมปฏิบตั ิท่ีไดม้ ีการอรรถาธิบายไวน้ ้นั คาวา่ “คิตาล”(บางคร้ังก็เรียกวา่ การญิฮาดโดย การใชด้ าบ) หมายถึงการญิฮาดนอ้ ย (lesser jihad-jihad asghar) เม่ือเทียบกบั การญิฮาดใหญ่ (greater jihad- jihad akbar) ซ่ึงหมายถึงการต่อสู้กบั ความปรารถนาของตนเอง (jihad al-nafs หรือ mujahadat al-abd hawahu) คือการต่อสู้ภายในจิตใจเพื่อดารงชีวติ ตามบทบญั ญตั ิของอิสลาม (ในนิกายซูฟี คือ mujahada) ในตวั บทอลั กุรอ่านเองน้นั สิ่งหน่ึงที่มีการกล่าวอา้ งถึงการญิฮาดที่ยงิ่ ใหญ่ (jihad kabir) ก็คือ การญิฮาดต่อผทู้ ่ี ปฏิเสธโดยใชอ้ ลั กรุ อ่านในซูเราะห์อลั ฟุรกอนกล่าววา่ “ฟะลาตุติอิล้ กาฟิรีน่าวะ่ ญาฮิดฮุมบิฮีญิฮาดนั กะบี รอน” (ดงั นนั เจา้ อยา่ เชื่อฟังพวกปฏิเสธศรัทธาและจงต่อสู้ดินรนกบั พวกเขาดว้ ยมนั (อลั กุรอ่าน) โดยการ ต่อสู้ดินรนอนั ยงิใหญ่) (อายะห์ 25:52) 
  ตามท่ีอลั ตาบาตาบา (al Tabataba i) ไดก้ ล่าวไวน้ ้นั การต่อสู้กบั ผทู้ ่ีปฏิเสธศรัทธาดว้ ยกบั อลั กุรอ่าน น้นั ก็คือ การอ่านใหพ้ วกเขาฟัง อธิบายขอ้ มูลต่างๆที่บญั ญตั ิไวใ้ นอลั กุรอ่านและทาใหข้ อ้ โตแ้ ยง้ ของพวกเขา เหล่าน้นั ไดก้ ระจ่างอยา่ งสมบรู ณ์ การถอดความท่ีคลา้ ยกนั น้ีก็สามารถพบไดใ้ นหนงั สือตฟั ซีรอลั กุรอ่านเล่ม อื่นๆ เช่น al-Alusi’s Ruh al-Ma ani และ al-Shawkani’s Fath al-Qadir ในขณะที่หนงั สือ Al-Alusi น้นั ได้ ตีความในอายะห์น้ีครอบคลุมไปมากกวา่ น้นั อีกวา่ การญิฮาดท่ียงิ่ ใหญ่ท่ีสุดก็คือการญิฮาดโดยอุลามะห์ ใน การเผชิญหนา้ กบั ศตั รูของความศรัทธาผา่ นอลั กุรอ่าน ดงั น้นั ในอายะห์อลั กุรอ่านอายะห์น้ีไดใ้ หค้ วามหมาย ของการญิฮาดเอาไวว้ า่ คือ ความพยายามอยา่ งฮึกเหิมที่จะเผชิญกบั เหล่าบรรดาผปู้ ฏิเสธโดยใชก้ ารโตเ้ ถียง อยา่ งมีเหตุผลจนถึงจุดที่ขอ้ เทจ็ จริงน้นั ถูกเปิดเผยบริบทของคาวา่ ญิฮาดน้ีดงั ท่ีไดเ้กริ่นไวแ้ ลว้ ในช่วงตน้ อา ยะห์คือความพยายามของผปู้ฏิเสธศรัทธาที่จะบงัคบัใหผ้ศู้รัทธาเชื่อฟังตามความตอ้งการของพวกเขา 
  ใ น ข ณ ะ ท ่ ี น ี ่ เ ป ็ น เ พ ี ย ง อ า ย ะ ห ์ เ ด ี ย ว ท ี ่ ก ล ่ า ว ถ ึ ง ก า ร ญ ิ ฮ า ด โ ด ย ใ ช อ้ ลั ก รุ อ ่ า น แ ต ่ ก ็ ย งั ม ี อ ี ก ห ล า ย อ า ย ะ ห ์ ท ี ่ กล่าวถึงการญิฮาดโดยใชว้ ธิ ีของความร่ารวยและชีวติ (มี7แห่ง)ซ่ึงเป็นการเนน้ ในความหมายของการญิฮาด วา่ เป็นความพยายามอยา่ งจริงจงั และจริงใจที่เรียกร้องใหเ้ราทาใหด้ ีที่สุดจนถึงจุดที่เราอาจะสูญเสียความมงั่ คงั่ ท่ีเคยมีหรือแมแ้ ต่เสียชีวติ แต่แน่นอนวา่ อิสลามไม่ใช่ศาสนาที่มองขา้ มความร่ารวยหรือชีวิต ในความเป็น จริงน้นั ในบรรดาจุดมุ่งหมายของชารีอะห์น้นั ก็คือการปกป้ องความมงั่ คงั่ (hifzh al-mal) และปกป้ องชีวติ (hifzh al-nafs) ดงั น้นั ในบริบทไหนบา้ งที่เราสามารถทาการเสียสละความมงั่ คงั่ หรือชีวติ ของเราไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้งตามหลกัการ 
  หลายๆคร้ังท่ีในอลั กุรอ่าน(ไม่ต่ากวา่ 11แห่ง)จะพบคาวา่ ญิฮาดตามหลงั ดว้ ยคาวา่ ฟีซะบีลิ้ล ละห์(fisabilAllah–ในหนทางของอลัเลาะห์)มีที่หน่ึงที่ยอ่ส้นัๆวา่fiAllahและอีกที่หน่ึงวา่finaซ่ึงยงัมี ความหมายเหมือนเดิมความเกี่ยวขอ้ งกนั ของคาวา่ ญิฮาดกบั คาวา่ ฟีซาบีลิ้ลละห์น้นั อาจจะช้ีใหเ้ห็นวา่ การญิ ฮาดควรจะทาตามหรือทาเพอ่ื ประโยชนข์ องศาสนาของพระองค์คาวา่ ฟีซะบีลิ้ลละห์ไม่ไดม้ ีความหมาย เดียวกบั ดว้ ยพระนามของอลั เลาะห์ หรือคาวา่ เพ่ือพระองคอ์ ลั เลาะห์ ในอลั กรุ อ่าน วลีเหล่าน้ีมกั จะตามหลงั ดว้ ยคาวา่ คิตาล (การต่อสู้ในสงคราม) บ่อยๆ พบวา่ มี 13 แห่ง ในขณะท่ีนี่อาจจะหมายถึงวา่ คิตาลมี 
ความหมายใกลเ้ คียงกบั คาวา่ ญิฮาด แต่เราอยา่ ลืมวา่ วลีน้ีมกั จะตามหลงั ดว้ ยคาวา่ infaq (การใชจ้ ่ายเงิน) มี 7 แห่งในอลั กุรอ่าน และคาวา่ hijra (การยา้ ยออกมาจากสถานการณ์ท่ีเลวร้าย) มี 4 แห่ง คาวา่ ซาบีลิ้ลละห์เอง น้นั มกั จะใชใ้ นบริบทของความพยายามของผทู้ ี่ปฏิเสธศรัทธาที่จะนาเอาผคู้ นออกมาจากหนทางของ 
พ ร ะ อ ง ค อ์ ลั เ ล า ะ ห ์ ( พ บ อ ย า่ ง น อ้ ย ท ่ ี ส ุ ด 2 3 แ ห ่ ง ) แ ล ะ ใ น ส ภ า ว ะ ข อ ง ผ ทู ้ ่ ี ห ล ง ผ ดิ จ า ก ห น ท า ง ข อ ง พ ร ะ อ ง ค ์ ( อ ย า่ ง นอ้ ย 11 แห่ง) น่ีอาจกล่าวไดว้ า่ ความหมายของ ซาบีล้ืลละห์ ท่ีดีที่สุดคือศาสนาของพระองคซ์ ่ึงมกั จะถูกอา้ ง ถึงวา่ เป็นสะพานซิรอตอ้ ลมุสตากีม(ทางท่ีเท่ียงตรง)ถึงแมว้ า่ อาจจะมีความแตกต่างกนั ระหวา่ งสองคาน้ีก็ ตาม 
  วลีฟีซาบีลิ้ลละห์อาจจะเป็นการเนน้ ความหมายของคาวา่ญิฮาดวา่เป็นการตอบสนองอยา่งแขง็ กร้าวต่อการกดขี่ข่มเหง การจ่โู จมและความกา้ วร้าวของบรรดาผทุ้ ่ีปฏิเสธการศรัทธาซ่ึงเป็ นการคุกคามต่อ การศรัทธาของพวกเรา การกระทาท้งั หลายเหล่าน้ีอาจจะตอ้ งการใหเ้ ราต่อสู้กบั พวกเขาในสงคราม ใน บริบทของการต่อสู้ ไม่วา่ จะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม เราควรท่ีจะใชก้ าลงั ท้งั หมดไม่วา่ จะเป็นกาลงั กาย กาลงั ทรัพย์จิตใจหรือสติปัญญา นนั่ คือการญิฮาด(นอกเหนือจาบริบทน้ีการญิฮาดอาจจาเป็นเช่นเดียวกนั ดงั ท่ี ไดก้ ล่าวไวใ้ นฮาดีษความวา่ “การญิฮาดท่ียอดเยยี่ มท่ีสุดก็คือการกล่าวคาพดู ท่ีเป็นจริงต่อหนา้ ผเู้ป็นทรราช” คิตาลฟีซาบีลิ้ลละห์ น้นั จะใหค้ วามหมายไดด้ ีกวา่ เม่ือเป็นบริบทหน่ึงที่มีคาวา่ ญิฮาด เราสามารถเห็นความ เช่ือมโยงกนั น้ีระหวา่ งการกดขี่ข่มเหง การต่อสู้(คิตาล) และการญิฮาดอยา่ งชดั เจนไดจ้ ากตวั อยา่ งในอายะห์ อลั กรุ อ่านอายะห์ 2: 216-218 
  ในอายะห์อลั กุรอ่านเหล่าน้ีการญิฮาดน้นั เป็นเรื่องของการปกป้องศรัทธาของคนใดคนหน่ึงมากกวา่ ท่ีจะเป็นเร่ืองของการทาลายผอู้ ื่นโดยใชศ้ าสนา ญิฮาดไม่ไดม้ ีไวเ้พื่อบงั คบั ใหผ้ อู้ ื่นปฏิบตั ิตามความเชื่อของ ตนเพราะถา้ คนหน่ึงเช่ือวา่ ศาสนาน้นั สมบรู ณ์แลว้ ยอ่ มไม่มีความจาเป็นที่ตอ้ งบงั คบั ใหผ้ อู้ ื่นศรัทธาใน
ศ า ส น า ข อ ง ต น ก า ร บ งั ค บั น ้ นั จ ะ เ ก ี ่ ย ว ข อ้ ง ก ็ ต ่ อ เ ม ่ ื อ ผ หู ้ น ่ ึ ง ไ ด เ ้ ช ่ ื อ ไ ป โ ด ย ไ ม ่ ร ู ้ ต วั ว า่ ศ า ส น า ข อ ง ต น น ้ นั ไ ม ่ สมบูรณ์ ดงั ที่ไดก้ ล่าวไวอ้ ยา่ งชดั เจนในอลั กุรอ่านวา่ “ไม่มีการบงั คบั ใดในเรื่องของศาสนา แทนที่จะไป

บงั คบั ผอู้ ื่น ญิฮาดคือการหลีกเลี่ยงพวกเราท้งั หลายจากการหนั หลงั ใหก้ บั ศาสนาเม่ือมีผปู้ ฏิเสธไดต้ ่อสู้กบั เรา ในกรณีน้ีการต่อสู้กบั พวกเขาดีกวา่ การที่เรานิ่งเงียบ ดงั ที่ไดก้ ล่าวไวใ้ นอายะห์ 4:95 
  หน่ึงในเหตุผลที่วา่ ทาไมผทู้ ่ีทาการต่อสู้ดงั ที่กล่าวไวใ้ นอายะห์อลั กุรอ่านดูเหมือนจะใชค้ วามกลา้ หาญที่พวกเขามีเพอ่ื ทาสิ่งท่ีพวกเขาไม่ไดช้ อบแต่เป็นคาสอนของศาสนาเพื่อต่อสู้อยา่ งไม่เหน็ดเหนื่อยโดย ใชส้ ิ่งที่ล้าค่าที่พวกเขามี น่ีคือสิ่งท่ีบอกไวใ้ นอายะห์ที่มีคาวา่ ญิฮาดตวั อยา่ งเช่น ในอายะห์ 9:41,44, 81 ใน การต่อสู้(คิตาล)น้นั ความกลา้หาญน้ีเป็นสิ่งจาเป็นอยา่งยงิ่(ดงัท่ีไดก้ล่าวไวใ้นอายะห์2:216) 
  ความหมายของการญิฮาดในกรณีของการคิตาลหรือการต่อสู้อาจหมายรวมถึงความพยายามในการ ต่อสู้ภายในขอบเขตที่เหมาะสมซ่ึงมีกล่าวไวใ้ นอลั กุรอ่านอาทิเช่นในอายะห์ 2:190-193 ในอายะห์น้ี พระองคอ์ ลั เลาะห์ทรงแจง้ ให้ผศู้ รัทธาไดท้ ราบวา่ พวกเขาไดร้ ับอนุญาตใหท้ าการสู้รบกบั ผทู้ ่ีสู้รบกบั พวกเขา เท่าน้นั และพวกเขาจะไม่ล่วงละเมิดขอบเขตท่ีเหมาะสมน้ีไปสู่การทาสงครามนอกจากน้นั เป้าหมายท่ี ถูกตอ้ งตามหลกั การในการสงครามคือผทู้ ่ีปฏิบตั ิกบั ผทู้ ี่ข่มเหงและการต่อสู้จะหยดุ ลงถา้ หากวา่ อีกฝ่ายไดย้ ตุ ิ การต่อสู้ลง 


การใหบ้ริบทของคาวา่ญิฮาดในยคุปัจจุบนั

อาจจะสรุปไดว้ า่ แนวคิดของคาวา่ ญิฮาดในอลั กรุ อ่านน้นั เป็นความหมายท่ีกวา้ ง มีบริบทท่ี หลากหลายและอาจจะมีมุมมองที่เป็นพ้ืนฐานดงั ต่อไปน้ี 

  1. ทางานหนกัอยา่งจริงใจและความพยายามอยา่งไม่เหน็ดเหนื่อย

  2. ปกป้องความศรัทธาและขอ้เทจ็จริง(จากสิ่งเร้าท้งัภายในและภายนอก)

  3. อดทนต่อการเผชิญหนา้ กบั ความยากลาบากและความไมส่ ะดวกสบายท้งั ปวง

  4. มีความกลา้ ท่ีจะพาตวั เองหรือทรัพยส์ ่วนตนไปสู่อนั ตรายเพื่อต่อสู้กบั การกดขี่ข่มเหงหรือความ

    ไม่ยตุ ิธรรมใดๆ

  5. การใชว้ธิีที่เหมาะสมที่สุดท่ีมีอาทิเช่นสติปัญญากาลงักายกาลงัทรัพย์ฯลฯ

  6. มีความตงัใจและการกระทาอนัดีตามหลกัการศรัทธา 

  การจากดั ความหมายของญิฮาดใหเ้ป็นเพียงการต่อสู้ในสงครามเพ่อื ปกป้องตวั เองและจากดั ใหผ้ ทู้ ี่ กระทาเป็นเพยี งนกั รบเท่าน้นั เป็นสิ่งที่ไม่ถูกตอ้ งนกั ในความเป็นจริงพวกเราสามารถทาการญิฮาดตาม แนวทางและสภาพแวดลอ้มของตนเองไดต้ราบใดท่ีมนัยงัเป็นไปตามที่กล่าวมาขา้งตน้พวกเราสามารถทา ก า ร ญ ิ ฮ า ด ไ ด ใ้ น ฐ า น ะ ท ่ ี เ ป ็ น น กั ก า ร ศ ึ ก ษ า น กั ก ิ จ ก ร ร ม น กั ป ร ะ พ นั ธ ์ น กั ข ่ า ว น กั ว ทิ ย า ศ า ส ต ร ์ ห ร ื อ ผ เ ู ้ ช ี ่ ย ว ช า ญ ในวชิ าชีพเป็นตน้ พวกเราสามารถทาการญิฮาดไดโ้ ดยใชท้ กั ษะของเรา เสียงของเรา ความรู้ของเขา ทรัพยส์ ินของเรา กิจกรรมของเราหรือแมแ้ ต่คะแนนโหวตของเราเองก็ตาม เราสามารถทาการญิฮาดไดใ้ น บริบทของการศึกษาท่ีดีข้ึนกิจกรรมสิทธิมนุษยชนปกป้องสิ่งแวดลอ้ มการบรรเทาความยากจนการสร้าง สันติสุขการต่อสู้เพอ่ื ความเท่าเทียมกนั ทางเพศและในบริบทอื่นๆอีกมากมาย 
  อยา่ งไรก็ตาม ญิฮาดจะตอ้ งกระทาดว้ ยความต้งั ใจท่ีดี และสิ่งที่สาคญั ยงิ่ ไปกวา่ น้นั ก็คือจะตอ้ งไม่ กล่าวอา้ งหรือป่าวประกาศวา่ สิ่งที่เรากาลงั กระทากนั อยคู่ ือการญิฮาดหรือเราไดไ้ ปทาการญิฮาดมาแต่เราทา เพื่อหวงั ความเมตตาและรางวลั จากพระองคอ์ ลั เลาะห์ (ซ.บ.) ดงั ท่ีกล่าวไวใ้ นอลั กุรอ่านวา่ มนุษยจ์ ะถูก ทดสอบจากพระองคไ์ ม่วา่ เราจะเตม็ ใจทาการญิฮาดหรือไม่ก็ตาม ดงั น้นั มีแต่พระองคอ์ ลั เลาะห์เจา้ เท่าน้นั ที่ จะรู้ไดว้ า่ บุคคลใดในหมู่พวกเราที่ทาการญิฮาดอยา่ งแทจ้ ริง พวกเราไม่มีอานาจทีจะกล่าวอา้ งไดว้ า่ พวกเรา เป็ นมุญาฮิดีน (ผทู้ าการญิฮาด) เราตอ้ งมีจิตวญิ ญาณของการญิฮาด แต่การนาไปกล่าวอา้ งในที่สาธารณะวา่ เราเป็นมุญาฮิดีนนนั เป็นการแสดงถึงความไม่จริงใจ(ริยา)ผทู้ ี่อยากใหผ้ อู้ ื่นจดจาวา่ เป็นมุญาฮิดีนคือบรรดา ผทู้ ่ีตอ้ งประสบกบั ความผดิ หวงั ในอาคีเราะห์ 
  นอกจากน้นั เราควรท่ีจะต้งั คาถามดว้ ยเช่นกนั ในทุกๆคร้ังท่ีพยายามที่จะจากดั ความหมายข่ องคาวา่ ญิ ฮาดใหม้ ีความเกี่ยวขอ้ งแต่เฉพาะการสงครามหรือท่ีเรียกวา่ สงครามศกั ด์ิสิทธ์ิโดยผทู้ ่ีอา้ งวา่ เป็นมุญาฮิดีน วา่ พวกเขากาลงั ทาการญิฮาดหรือกาลงั ต่อสู้ในสงครามศกั ด์ิสิทธ์ิ เราไม่ควรที่จะลืมวา่ ญิฮาด และ คิตาล(การ ต่อสู้) น้นั ไม่ใช่คาเดียวกนั และในอลั กรุ อ่านก็ไม่เคยกล่าวถึงคาวา่ ญิฮาดในความหมายวา่ สงครามศกั ด์ิสิทธ์ิ ดงั ท่ีพบวา่ มีการขดั แยง้ กนั บ่อยคร้ังในทางประวตั ิศาสตร์น้นั แนวคิดของสงครามศกั ด์ิสิทธ์ิไม่แมแ้ ต่จะเป็น แนวคิดของชาวมุสลิมและความเก่ียวขอ้ งกนั ของคาวา่ ญิฮาดกบั คาวา่ สงครามศกั ด์ิสิทธ์ลว้ นเป็นแนวคิดใน ยคุปัจจุบนัทงัสิ้นการญิฮาดคือการแสวงหาเพื่อให้อยใู่นแนวทางของพระองคอ์ลัเลาะห์(ซ.บ.)ในขณะที่การ ต่อสู้ในสงครามศกั ด์ิสิทธ์ิที่กล่าวอา้ งข้ึนมาเองน้นั เป็นลิทธิเผด็จการ 

อสิ ลามแบบญฮิ าดและอจิ ติฮาด และความเข้าใจของชาวตะวนั ตก 

 
ผ้นู าเสนอท่านท่ี 2: ศาสตราจารย์ อามิน ไซคัล (Prof. Amin Saikal)

ศาสตราจารย์คณะรัฐศาสตร์ ผ้อู านวยการศูนย์อาหรับและอสิ ลามศึกษา มหาวทิ ยาลยั นานาชาติออสเตรเลยี 

  ความเขา้ ใจของชาวตะวนั ตกที่มีต่ออิสลามในปัจจุบนั ไดถ้ ูกแต่งเติมสีดว้ ยกบั ความหลากหลายของ ความหมายและการกาหนดคาจากดั ความของคาท่ีทาใหส้ ับสนซ่ึงมกั ทาใหเ้ ขา้ ใจความหมายผดิ มากกวา่ จะ เป็นการทาใหก้ ระจ่างในบทความน้ีจะทาการตรวจสอบคาเหล่าน้ีและการกาหนดคาจากดั ความในมุมมอง ของประวตั ิศาสตร์และหาโครงสร้างที่จะช่วยใหเ้ กิดความเชื่อมโยงสอดคลอ้ งเพื่อวเิ คราะห์ปรากฎการณ์ที่ หลากหลายและแตกต่างที่พวกเขาพยายามจะอธิบาย 
  การโตว้ าทีในปัจจุบนั และความไม่เห็นพอ้ งเกี่ยวกบั บทบาทของอิสลามภายในโลกมุสลิมอาจจะนา เราไปสู่แนวคิดของอิสลามที่ขบั เค่ียวกนั มาท้งั 2แนวคิดโดยแต่ละแนวคิดก็มีความหลากหลายมากมายซ่ึง ปรากฎข้ึนในสงั คมมุสลิมเมื่อไม่นานมาน้ีภายหลงั การเสียชีวติ ของท่านศาสดามูฮาหมดั 
  ทศั นะแรกถูกกาหนดโดยความเช่ือท่ีวา่ อิสลามไม่ไดม้ ีทฤษฎีเก่ียวกบั รัฐหรือแผนงานพิมพเ์ ขียวท่ี เฉพาะเจาะจงถึงสิ่งที่ใชก้่อต้งัรัฐบาลอิสลามและความเป็นหน่ึงเดียวของมุสลิมภายใตค้วามเป็นผนู้าแบบ อิสลามเพียงอยา่ งเดียวแต่เป็นเพียงการต้งั สมมติฐานเอาวา่ ท่านศาสดาไดท้ ิง้ หลกั การที่งดงามและมีค่าเอาไว้ บนพ้นื ฐานของคาสัง่ หา้ มทางศีลธรรมและจริยธรรมพ้ืนฐานที่ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอ่านและอลั ฮาดีษซ่ึง มุสลิมสามารถนามาปรับใชก้ บั ตนเองและการอาศยั อยใู่ นสังคมตามเงื่อนไขและกาลเวลาที่เปลี่ยนไป หรือ ในอีกนยั หน่ึงก็คือ สนบั สนุนใหน้ าเอาหลกั อิสลามมาประยกุ ตใ์ ชต้ ามระยะเวลาท่ีเปลี่ยนแปลง มิใช่ เวลาท่ี หยดุ นิ่ง เช่นน้ีนกั ปฏิรูปจึงมองวา่ เป็นที่อนุญาตใหม้ ุสลิมท่ีมีความรู้ไดม้ ีการตีความอยา่ งสร้างสรรคแ์ ละ ประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั การอิสลามโดยอยบู่ นพ้ืนฐานของหลกั เหตุผลดว้ ยกบั การทุ่มเทอุทิศตนเพ่อื ท่ีจะฟ้ืนฟูและ ปฏิรูปใหเ้ กิดแนวทางที่ดีท่ีสุดเพอ่ื สร้างและอาศยั อยใู่ นสงั คมมุสลิมที่มีถูกตอ้ งและเชื่อมโยงระหวา่ งกนั ทศันะน้ีอาจจะอธิบายไดว้า่เป็นอิสลามแบบนกัปฏิรูปหรืออิจติฮาจ 
  ทศั นะท่ีสองแยง้ วา่ ไม่มีความแตกต่างที่สาคญั ใดๆระหวา่ งศาสนาและการเมืองในอิสลามและท้งั สองอยา่ งก็เป็นเหมือนดา้ นท้งั สองของเหรียญเดียวกนั ดว้ ยเหตุน้ีทศั นะน้ีจึงสนบั สนุนความเขา้ ใจและการ นาเอาหลกัการอิสลามมาใชต้ามลายลกัษณ์อกัษรภายใตโ้ครงสร้างท่ีอิสลามไดถู้กก่อต้งัข้ึนมาผสู้นบัสนุน ทศั นะน้ีไดต้ ้งั สมมติฐานเอาวา่ วธิ ีท่ีดีท่ีสุดที่รัฐท่ีมีมุสลิมมากกวา่ จะเติมเตม็ ใหก้ บั ตวั เองไดค้ ือการก่อต้งั รัฐบาลอิสลาม ในขณะเรายอมรับถึงความศกั ด์ิสิทธ์ิของแนวคิดของประชาชาติอิสลามหรือสังคมไร้ พรมแดน บางคนอาจตระหนกั ถึงความถูกตอ้ งชอบธรรมของการเมืองและอาณาเขตท่ีเป็ นอิสระจากกนั โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ภายหลงั การล่มสลายของอณาจกั รออตโตมานหลงั สิ้นสุดสงครามโลกคร้ังท่ี 1 ภายใต้ เงื่อนไขที่วา่ พวกเขาถูกปกครองโดยกลุ่มคนและรัฐธรรมนูญอิสลาม พวกเขาชกั นาใหม้ ุสลิมทาตามหลกั เตา ฮีด (ความเป็ นพระเจา้ องคเ์ ดียว) และอานาจสูงสุดของพระเจา้ และอธิบายโองการอลั กุรอ่าน ซุนนะห์ (คา กล่าวและสิ่งที่ดีงามของศาสดามฮู าหมดั )รูปแบบการเป็นผนู้ าของท่านศาสดาและสังคมอิสลามในยคุ เริ่มแรกท่ีเป็นยคุ ทองและเคร่งครัดที่ท่านศาสดาไดก้ ่อต้งั ข้ึนมา นามาเป็นรูปแบบโมเดลที่ชดั เจนในการ ก่อต้งั รัฐบาลอิสลามและอณาจกั รของพระเจา้ บนพ้นื แผน่ ดินและอาศยั อยภู่ ายในรัฐอิสลามภายใตห้ ลกั ชารีอะห์หรือกฎหมายอิสลามบางคนซ่ึงโดยทวั่ไปจะเป็นนกัคิดลทัธิรวมอิสลาม(pan-islamist)ไดป้ฏิเสธ ความชอบธรรมเรื่องอาณาเขตของประเทศและสนบั สนุนการฟ้ืนฟูประชาชาติอิสลามภายใตค้วามเป็นผนู้ า แบบเดียว การกาเนิดข้ึนมาของทศั นะน้ีคือสิ่งท่ีกลายมาเป็นแนวคิดที่รู้จกั กนั ดีในปัจจุบนั คือ ญิฮาดหรือ อิสลามแบบต่อสู้ 
  ท้งั สองทศั นะน้ีไดก้ ่อให้เกิดการจาแนกชาวมุสลิมออกเป็น4กลุ่มดว้ ยกนั โดยมีทศั นคติและมุมมอง ที่แตกต่างต่อสงั คมที่มิใช่มุสลิมทวั่ ๆไปและสงั คมตะวนั ตกโดยเฉพาะ 4 กลุ่มที่กล่าวมาน้ีคือ อิจติญาด, ญิ ฮาด, นีโอฟันดาเมนทลั ลิสต์ (neo-fundamentalist) และมุสลิมแบบรากหญา้ เราจะไปทาความเขา้ ใจกบั แต่ ละกลุ่มในแง่ของแนวโนม้ เชิงอุดมคติและพฤติกรรมท่ียดึ ถือปฏิบตั ิ 
  กลุ่มแรกก่อร่างสร้างข้ึนมาจากนกั คิดนกั ปฎิรูปอิสลามสายกลางที่สนบั สนุนแนวคิดที่วา่ อิสลามเป็น แหล่งพลวตั ของการเปล่ียนแปลงทางการเมืองและสงั คม และมีแนวคิดที่ต่อตา้ นระบอบการปกครองแบบ
เ ผ ด ็ จ ก า ร ป ฏ ิ เ ส ธ ก า ร ใ ช ค้ ว า ม ร ุ น แ ร ง ใ น ท ุ ก ร ู ป แ บ บ เ พ อ่ ื ใ ห ้ บ ร ร ล ุ เ ป ้ า ห ม า ย เ ว น้ เ ส ี ย แ ต ่ ว า่ ถ า้ ห า ก ศ า ส น า อ ิ ส ล า ม ชีวติ และเสรีภาพท้งั ในระดบั บุคคลและสงั คมถูกคุกคามหรือแผน่ ดินถูกบุกรุก ถึงแมจ้ ะมีการแบ่งออกไปอีก หลากหลายประเภทท่ีแตกต่างกนั ภายในกลุ่มน้ี แต่ท้งั หมดน้นั ก็ต่างเห็นพอ้ งกบั สิ่งที่เรียกวา่ “แนวคิดอิสลาม แบบเสรีนิยม (Islamic liberalism)” “แนวคิดพหุนิยมการเมืองอิสลาม (Islamic political pluralism)” และยดึ หลกั การของอิสลามตามตวั บทอลั กรุ อ่านที่ไดก้ ล่าวไวว้ า่ “ไม่มีการบงั คบั ในการนบั ถือศาสนา” พวกเขา ดาเนินการส่วนใหญ่ภายใตอ้ งคก์ รท่ีไม่เคร่งครัดจนเกินไป ภายใตก้ ลุ่มเลก็ ๆ หรือในระดบั ปัจเจกบุคคล กลุ่ม ที่เด่นชดั บางกลุ่มหรือบางคนท่ีระบุเป็นกลุ่มมุสลิมสายน้ีคือกลุ่มนกั ปฏิรูปอิสลามชาวอิหร่านนาโดย ประธานาธิบดีมฮู าหมดั คอตามี (Muhammad Khatami), กลุ่มองคก์ รของอินโดนีเซีย นะฮด์ ะตุล้ อุลามะ (การ ตื่นตวั ของประชาชาติ) ซ่ึงปัจจุบนั ไดเ้ ขา้ ร่วมเป็ นส่วนหน่ึงกบั พรรคการเมืองใหม่ที่ช่ือวา่ Partai Kebangkit หรือพรรคการตื่นตวั แห่งชาติ (National Awakening Party) โดยก่อนหนา้ น้ีนาโดยประธานาธิบดีคนล่าสุด ของอินโดนีเซีย คือประธานาธิบดีอบั ดุรเราะมาน วาฮิด (President Abdurrahman Wahid) และกลุ่มที่ปัจจุบนั ไดล้ ่มสลายไปแลว้ คือ Refah Partisi (Welfare Party) ในตุรกี ซ่ึงนาโดย เนคเมตติน เออร์บาคนั (Necmettin Erbakan) ในช่วงปี 1990 และผรู้ ับช่วงต่อคือ พรรคพฒั นาและยตุ ิธรรม (The Justice and Development Party) หรือพรรค AKP นาโดยนายกรัฐมนตรี รอยบั๊ ตอยยบิ อรั ดูฆอน (Recept Tayyip Erdogan) ต้งั แต่ปี 2002 

  นกั ปราชญช์ าวมุสลิมและมุสลิมที่มีการศึกษาจานวนมากอยใู่ นกลุ่มน้ี พวกเขาปฏิเสธเหตุการณ์ โจมตีสหรัฐอเมริกาในวนัท่ี11กนัยายน2001และการก่อการร้ายในนามของอิสลามวา่เป็นสิ่งยอมรับไม่ได้ และเจบ็ ปวดที่รู้วา่ โอซามา บินลาเด็น และกลุ่มอลั กออิดะ เป็ นผรู้ ับผดิ ชอบต่อเหตุการณ์ท้งั หมดนนั่ พวกเขา ไดแ้ ยกอิสลามออกจากความสุดโต่งและตื่นกลวั ต่อผทู้ ี่กระทาการภายใตค้ วามสุดโต่งไม่วา่ จะเป็นใน ประเทศหรือต่างประเทศและทาใหม้ ุสลิมในทุกๆที่ตกอยภู่ ายใตก้ ารโอบลอ้ มในรูปแบบใดรูปแบบหน่ึง พวกเขาปฏิเสธการกระทาของพวกสุดโต่งน้ีต่อชาวมุสลิมท่ีพวกเขาตอ้ งการควบคุมไม่วา่ จะเป็นใน
อฟั กานิสถานหรือปากีสถานหรือท่ีใดๆก็ตาม พวกเขามองวา่ เหตุการณ์ 9/11 และเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ เกิดข้ึนต่อๆมาโดยฝีมือของพวกลทั ธิสุดโต่งน้ีเป็นการปลุกเร้าที่อนั ตรายและเป็นขอ้ อา้ งท่ีทาให้ สหรัฐอเมริกาและชาติพนั ธมิตรไดม้ ีโอกาสขยายและหยงั่ รากลึกในการบุกรุกของท้งั ชาวตะวนั ตกและไม่ใช่ ชาวตะวนั ตกในประเทศมุสลิม และทาใหก้ ารเมืองอิสลามหมดความสาคญั ลงมากกวา่ แต่ก่อน พวกเขา โตแ้ ยง้ วา่ ไม่วา่ เหตุผลของพวกเขาคืออะไร บินลาเดนและผตู้ ิดตามของเขาไดท้ าใหค้ วามพยายามของมุสลิม นบั เป็นสิบๆปีที่จะใหเ้กิดการปฏิรูปภายในประเทศเป็นอิสระจากการแทรกแซงจากต่างชาติและเสียงอนั เขม้ แขง็ เพ่ือชาวมุสลิมในเวทีโลกไดส้ ะดุดลง ดงั เช่นท่ีผนู้ าทางการเมืองอยา่ งซดั ดมั ฮุสเซนไดท้ าการบุกรุก คูเวตอยา่ งโง่เขลาในปี 1990 พวกเขาใหค้ วามสาคญั กบั คุณค่าของการเปลี่ยนแปลงทางววิ ฒั นาการและสันติ สุขและแสวงหาการทางานภายใตโ้ ครงสร้างในประเทศและระหวา่ งประเทศท่ีมีอยเู่พอื่ ก่อใหเ้กิดการปฏิรูป ทางโครงสร้าง พวกเขาเปิ ดกวา้ งต่อความทนั สมยั เช่ือในความกา้ วหนา้ ท่ีหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควบคุมดาเนินการ เสวนาความเชื่อทางศาสนาท่ีแตกต่างกนัไดเ้ป็นอยา่งดีและไม่รังเกียจที่จะใชค้วามรู้ของตะวนัตกเพื่อ ประโยชน์ของสังคมในยคุโลกาภิวฒัน์ 

   ในขณะเดียวกนั ก็มีนกั ปฏิรูปจานวนมากที่วพิ ากษว์ จิ ารณ์สหรัฐอเมริกาและชาติพนั ธมิตรบาง ประเทศไดอ้ ยา่ งสมเหตุผลที่ไม่พยายามที่จะสร้างความเขา้ ใจต่อการศรัทธา กฎเกณฑ์ ค่านิยมและการปฏิบตั ิ ของชาวมุสลิมเพ่ือท่ีจะสร้างความเขา้ ใจที่เขม้ แขง็ เพือ่ ประโยชนร์ ่วมกนั มากกวา่ ที่จะเป็นความสัมพนั ธ์ทาง ผลประโยชนแ์ ต่เพยี งดา้ นเดียว พวกเขายงั สงวนท่าทีในการวพิ ากษว์ จิ ารณ์อยา่ งรุนแรงที่สุดต่อการดาเนิน นโยบายของอเมริกาไม่วา่ จะเป็นการมองขา้ มสภาพที่เลวร้ายของชาวปาเลสไตน์หรือการเนน้ ยาพฤติกรรม ของกลุ่มมุสลิมแบบสุดโต่งเพอื่ ทาใหม้ ุสลิมทวัไปเส่ือมเสียไดง้ ่ายข้ึน ทศั นคติของมุสลิมกลุ่มน้ีที่มีต่อ
อ เ ม ร ิ ก า แ ล ะ ช า ต ิ พ นั ธ ม ิ ต ร ต ะ ว นั ต ก เ ป ็ น แ บ บ ท ้ งั ร ั ก แ ล ะ เ ก ล ี ย ด ใ น แ ง ่ ห น ่ ึ ง น ้ นั น กั ป ฏ ิ ร ู ป ก ็ พ ย า ย า ม ท ี ่ จ ะ ห า ประโยชน์จากเทคโนโลยี การศึกษาและตลาดของชาวตะวนั ตก และเขา้ ไปยงั ประเทศตะวนั ตกในฐานะผู้ อพยพและนกั ท่องเท่ียวไดอ้ ยา่ งปลอดภยั ในอีกแง่หน่ึงน้นั พวกเขาก็ไดแ้ สดงถึงความใส่ใจต่อนโยบายของ ชาติตะวนั ตกท่ีมีต่อโลกมุสลิมและการกล่าวอา้ งอยา่ งยโสถึงความเหนือกวา่ ชาวมุสลิมของชาติตะวนั ตก ในทางอิสลามน้นั นกั คิดอิสลามที่เป็นสายกลางน้ีอาจจะเรียกวา่ เป็น“อิจติฮาด” 
  กลุ่มที่สองน้ีอาจเรียกไดว้ า่ เป็นมุสลิมแบบนิยมความรุนแรง (radical Islamist) ซ่ึงมีความ หลากหลายเหมือนกนั ทางดา้ นอุดมคติและวธิ ีปฏิบตั ิ แต่อิสลามกลุ่มน้ีก็มีบางอยา่ งท่ีเหมือนกบั กลุ่มทางสาย กลางโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การยดึ ถือหลกั การพ้ืนฐานของอิสลาม แต่สิ่งที่แตกต่างกบั มุสลิมสายกลางก็คือความ เคร่งครัดเร่ืองศาสนาและชอบที่จะปฏิบตั ิทางสงั คมและการเมืองตามแบบประเพณีด้งั เดิมเสียมากกวา่ พวก เขายงั แตกต่างในเรื่องของการต้งั หลกั ชารีอะห์หรือกฎหมายอิสลามเป็นหลกั พ้นื ฐานในการดาเนินการของ รัฐพวกเขามองวา่การบีบบงัคบัทางการเมืองและสังคมและการใชค้วามรุนแรงภายใตส้ภาวะใดสภาวะหน่ึง เป็นวธิ ีการที่ถูกตอ้ งตามหลกั การที่จะป้องกนั และถือสิทธ์ิในการแปลความทางศาสนาและอตั ลกั ษณ์ทาง วฒั นธรรมดา้ นศาสนาและสร้างนโยบายท่ีถือวา่ มีความเป็ นอิสลาม พวกเขาไม่ต่อตา้ นความทนั สมยั เพียงแต่ ตอ้ งการใหแ้ น่ใจวา่ ความทนั สมยั และการแสดงออกมาของสิงที่ทนั สมยั นนั สอดรับกบั ความค่านิยมและหลกั ปฏิบตั ิของอิสลาม 
  พวกเขามีแนวโนม้ ที่จะกระทาการอยา่ งรุนแรงเพ่อื ท่ีจะชดเชยความไม่ยตุ ิธรรมในอดีตและปัจจุบนั ท่ีเกิดความขดั แยง้ ข้ึนมาในหมู่ชนมุสลิมโดยบุคคลภายนอก แต่ไม่แผข่ ยายการกระทาน้ีครอบคลุมไปถึง
ค ว า ม ไ ม ่ ย ตุ ิ ธ ร ร ม ท ่ ี ค ล า้ ย ก นั น ้ ี ท ่ ี เ ก ิ ด ข ้ ึ น โ ด ย ม ุ ส ล ิ ม ต ่ อ ม ุ ส ล ิ ม ห ร ื อ โ ด ย ม ุ ส ล ิ ม ต ่ อ ผ ทู ้ ี ่ ไ ม ่ ใ ช ่ ม ุ ส ล ิ ม พ ว ก เ ข า โ ต แ้ ย ง้ ถึงความชอบธรรมของอานาจภายนอกท่ีไม่ใช่มุสลิมหรือไม่ใช่อิสลามอยา่ งแทจ้ ริงและลม้ เลิกท่ีจะใหร้ ัฐบาล ของพวกเขาอยภู่ ายใตอ้ ิทธิพลและการควบคุมของอานาจเหล่าน้ี หรือไม่สนองตอบต่อปัญหาของนโยบายใน ประเทศหรือต่างประเทศท่ีประสบกบั ชาวมุสลิม พวกเขาถือวา่ เป็นความรับผดิ ชอบของชาติตะวนั ตก โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ อเมริกาท่ีทาใหเ้ กิดความเลวร้ายทางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ และความเส้ือมถอย ทางวฒันธรรมของสงัคมมุสลิมและรับผิดชอบต่ออิทธิพลของอาณานิคมยโุรปและของอเมริกาหลงัปี1945 ในอณาเขตมุสลิมท่ีจะสร้างความเสียหายต่อชาวมุสลิม ในเวลาเดียวกนั พวกเขายงั มกั จะยนื กรานวา่ สาเหตุที่ แทจ้ ริงของการท่ีอิสลามตกอยใู่ ตอ้ านาจของชาติตะวนั ตกน้นั เกิดจากการที่สังคมมุสลิมออกห่างจากกฎหมาย หลกัจริยธรรมอิสลามและการฟ้ืนฟอูิสลามท่ีแทจ้ริงคือการโค่นอานาจของชาติตะวนัตกบ่อยคร้ังที่พวกเขา ประสบความสาเร็จในการตา้ นทานอานาจมากกวา่ ที่จะจดั ต้งั การเผดจ็ การในชาติ 

  มุสลิมหลายๆกลุ่มในโลกมีลกั ษณะดงั เช่นที่กล่าวมาน้ี นบั ต้งั แต่กลุ่มอนุรักษน์ ิยม(รู้จกั กนั ในนาม สายแขง็ ) ของผนู้ าการปฏิวตั ิของอิหร่านในปี 1978-1979 ซ่ึงก็คือ อะยาตุล้ เลาะห์ รอฮุล้ เลาะห์ โคไมนี (Ayatullah Rohullah Khomeini) ท่ีไดร้ ับอานาจอยา่ งมากมายในอิหร่าน ไปจนถึงกลุ่มอิควานอลั มุสลิมูน (Ikhwan al-Muslimun กลุ่มภราดรภาพมุสลิม) ของอิยปิ ต์ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ภายใตก้ ารนาของ ซยั ยดิ กุฏุบ (Syyed Qutb) ซ่ึงภายหลงั ถูกสงั หารในคุกในปี 1966 และแนวร่วมอิสลามแห่งชาติซูดาน (Sudanese National Islamic Front) ซ่ึงนาโดยฮสั ซนั อบั ดุลเลาะห์ อลั ตุรอบี (Hassan Abdullah al-Turabi) และผนู้ า กลุ่มอลั กิอิดะและลูกนอ้ ง และบางส่วนของกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์หวั รุนแรงและกลุ่มเฮซบุลเลาะห์ของ เลบานอน (ท้งั สองกลุ่มน้ีเป็นผลิตผลโดยตรงไม่มากก็นอ้ ยจากการยดึ ครองของอิสราเอล) ก็จดั วา่ อยใู่ นกลุ่ม น้ีเช่นเดียวกนั เนื่องจากสมาชิกของพวกเขาส่วนมากมองวา่ การกระทาที่รุนแรงของชาวมุสลิมต่ออเมริกาหรือ ชาติพนัธมิตรเป็นการตอบสนองต่อการกระทาของอเมริกาที่ถูกตอ้งชอบธรรมกลุ่มเหล่าน้ีมองวา่อเมริกา เป็นศตั รูท่ีอนั ตรายที่สุด ไม่เพยี งแต่ใหก้ ารสนบั สนุนอิสราเอลในการยดึ ครองดินแดนปาเลสไตน์อยา่ งไม่ เหมาะสมเพยี งเท่าน้นั แต่ยงั สนบั สนุนการปกครองที่เผด็จการและทุจริตในประเทศมุสลิมหลายๆประเทศ อีกดว้ ย ซ้ึงพวกเขายนื ยนั วา่ เป็นกลยทุ ธ์ของอเมริกาท่ีจะทาใหป้ ระเทศมุสลิมน้นั ลา้ หลงั และทาใหแ้ น่ใจวา่ อเมริกามีอานาจในการเมืองโลก 
  กลุ่มมุสลิมนิยมความรุนแรงน้ีมองวา่ วกิ ฤตการณ์ระหวา่ งประเทศหลงั เหตุการณ์ 9/11 ส่วนมาก โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในประเทศมุสลิมเป็นกลยทุ ธ์ที่แยบยลของนกั สัจนิยมในสมยั สงครามเยน็ กลุ่มอนุรักษ์ นิยมแบบใหม่และกลุ่มชาวคริสเตียนท่ีกลบั ใจมานบั ถือศาสนาใหม่ ผซู้ ่ึงครอบงาการบริหารงานคร้ังแรกของ บุช และตอ้ งการที่จะแทนที่สหภาพโซเวยี ตโดยใชอ้ ิสลามเป็นศตั รู ทศั นะของอิสลามหวั รุนแรงมกั จะเห็นได้ จากความเป็นปรปักษก์ บั ยวิ ไซออนนิสต์ซ่ึงเป็นพนั ธมิตรกบั กลุ่มอนุรักษน์ ิยมแบบใหม่ภายใตบ้ ุชจูเนียร์ บางคนมองวา่ อเมริกาและความเจริญรุ่งเร่ืองเป็นสิ่งท่ีลดทอนคุณค่าและเป็นปฏิปักษก์ บั อิสลามและวถิ ีชิวติ แบบอิสลามในศพั ทท์ างอิสลามพวกเขามีความเป็นญิฮาด(ในความหมายของการต่อสู้)มากกวา่ ที่จะเป็น อิจติฮาดในดา้ นวธิ ีการท่ีพวกเขาฟ้ืนฟูทางสังคมและนโยบายต่างประเทศ 
  กลุ่มที่สามคือกลุ่มที่เรียกวา่ อิสลามแบบนีโอฟันดาเมนทลั ลิสต์ซ่ึงก็คือกลุ่มที่ยดึ ติดกบั การตีความ หลกั อิสลามตามลายลกั ษณ์อกั ษรอยา่ งเคร่งครัด สิ่งท่ีสาคญั มากท่ีสุดสาหรับพวกเขาก็คือตารามากกวา่ ท่ีจะ เป็นบริบทพวกเขามีความเคร่งครัดมากกวา่ คิดวา่ ฝ่ายตนถูกตอ้ งมีความมุ่งมนั่ แบ่งแยกชดั เจนหวาดกลวั ชาวต่างชาติและใชว้ ธิ ีการบงั คบั มากกวา่ กลุ่มที่เป็นอิสลามแบบหวั รุนแรงซะอีกการปกครองที่นิยมชมชอบ ก็คือการปกครองแบบองคก์ รเดียวมีผนู้ าคนเดียวมีอานาจแบบเบด็ เสร็จไม่เปิดรับความเป็นพหุนิยมใดๆไม่ วา่ จะมาจากภายในเองหรือไดร้ ับมาจากต่างประเทศ พวกเขาไม่เพียงแต่ใชค้ วามรุนแรงเป็นวธิ ีในการนามา ซ่ึงความเปลี่ยนแปลงเพียงเท่าน้นั แต่ยงั ใชใ้ นการปกครองดว้ ย ในกรณีน้ีกลุ่มน้ีก็ไม่ไดม้ ีความแตกต่างมาก นกั จากกลุ่มเผดจ็ การแบบมาร์กซิส-เลนนิสต์ในขณะที่ความเขา้ ใจในเรื่องศาสนาของพวกเขาเป็นเรื่องง่าย แต่กลบั ขาดความรู้ในเร่ืองทวั่ ไปและคบหาสมาคมกนั เฉพาะในกลุ่มศาสนาเท่าน้นั พวกเขาถูกมองวา่ เป็น พวกหวั รุนแรงหรือพวกหวั เก่าซ้ึงอยา่ งหลงั นี่เป็นคาท่ีทาใหเ้กิดการเขา้ ใจผดิ ในแง่ของระยะห่างที่แยก
ร ะ ห ว า่ ง น ี โ อ ฟ ั น ด า เ ม น ท ลั ล ิ ส ต อ์ อ ก จ า ก แ น ว ค ิ ด อ ิ ส ล า ม แ บ บ ค ล า ส ส ิ ค 

  กลุ่มตวั อยา่ งที่เป็นท่ีรู้จกั กนั ดีของแนวคิดกลุ่มน้ีก็คือกองทพั ตาลีบนั ภราดรภาพมุสลิมปากีสถาน และกลุ่มดีโอบนั ดี (Deobandi) เช่น กลุ่ม Jamiat-e Ulema-e Islam (สังคมแห่งนกั ปราชญท์ ี่มีความรู้) ของ ปากีสถาน และกลุ่ม Lashkar-i Taiba เน่ืองจากกลุ่มน้ีมีแนวคิดบางส่วนท่ีทบั ซอ้ นกนั กบั กลุ่มมุสลิมหวั รุนแรง (Radical Islamist) ดงั น้นั จึงมีความเช่ือมโยงกนั ทางดา้ นบุคคลและดา้ นองคก์ ร โดยที่องคก์ รก็ไดใ้ ช้ บุคคลเหล่าน้นั มาเป็นทรัพยากรเพ่อื วตั ถุประสงคท์ างดา้ นการป้องกนั และการกระจายกิจกรรมสู่ภายนอก
ร ว ม ถ ึ ง ก า ร ส ู ้ ร บ แ ล ะ ก า ร ก ่ อ ก า ร ร ้ า ย น ่ ี จ ึ ง เ ป ็ น ค ว า ม ส มั พ นั ธ ์ อ ย า่ ง เ ห ม า ะ เ จ า ะ ร ะ ห ว า่ ง ก ล ุ ่ ม อ ลั ก อ อ ิ ด ะ แ ล ะ ก ล ุ ่ ม ตาลีบนั ซ่ึงอลั กออิดะจะสนบั สนุนในส่วนของเงินและนกั สู้ชาวอาหรับในขณะท่ีกลุ่มตาลีบนั ก็ช่วยใหท้ ี่พกั และช่วยใหอ้ ลั กออิดะเป็นกองกาลงั ขา้ มชาติเป็นการตอบแทนนี่จึงเป็นความร่วมมือทางดา้ นบุคลากรที่หา ไดย้ ากระหวา่ งกองกาลงั ของชาติอาหรับและกองกาลงั ที่ไม่ใช่ชาติอาหรับ มุมมองที่ทบั ซอ้ นกนั น้ีจึงทาให้ เป็นแรงกระตุน้ ใหพ้ วกเขาช่วยเหลือซ่ึงกนั และเพื่อใหเ้ป้าหมายที่วางไวเ้ป็นจริง 

  กลุ่มท่ีส่ีมาจากเครือข่ายรากหญา้ ซ่ึงมีความรู้เกี่ยวกบั อิสลามแค่เพยี งพ้ืนฐานในระดบั ชุมชนและ โรงเรียนสอนศาสนาเท่าน้นั พวกเขาศรัทธาในศาสนาอิสลามซ่ึงอาจจะเก่ียวขอ้ งกบั การเมืองหรือไม่ เกี่ยวขอ้ งก็ไดข้ ้ึนอยกู่ บั วา่ การศรัทธาและวถิ ีชีวติ ของพวกเขาถูกคุมคามจากกองกาลงั ของศตั รูหรือไม่ กลุ่มน้ี ส่วนใหญ่จะเป็นกองทหารเดินเทา้ ของอิสลามซ่ึงถูกชกั นาโดยกลุ่มอิสลามหวั รุนแรงและกลุ่มนีโอฟันดา เมนทลั ลิสตไ์ ดง้ ่ายซ่ึงเป็นผลมาจากการท่ีชุมชนเหล่าน้ีเขา้ ถึงข่าวและการวเิคราะห์เชิงลึกและขอ้ มูลข่าวสาร ภายนอกทอ้ งถิ่นไดย้ าก ดงั น้นั พวกเขาจึงไม่มีเคร่ืองมือที่ดีพอในการท่ีจะพฒั นาความเห็นท่ีสมเหตุสมผล และเป็นอิสระในเร่ืองของประเดน็ ทางการเมืองหรือเหตุการณ์ท่ีจะมีผลกระทบต่อพวกเขาพวกเขาจึงเลือก จะเชื่อขอ้ มูลข่าวสารท่ีคดั กรองมาแลว้ โดยกลุ่มอิสลามท่ีมีอคติทางการเมือง กลุ่มอิสลามกลุ่มน้ีเป็นกลุ่มท่ี ประกอบดว้ยมุสลิมสามญัธรรมดาจานวนมากซ่ึงหากปล่อยไวล้าพงัก็ยงัคงใชช้ีวติประจาวนัไดโ้ดยเฉพาะ อยา่ งยงิ่ ในประเทศยากจน แต่พวกเขาก็ถูกชกั จงู และระดมพลไดง้ ่ายโดยกลุ่มอิสลามหวั รุนแรงและกลุ่มนีโอ ฟันดาเมนทลั ลิสต์ไม่วา่ พวกเขาจะอยใู่ นชานเมืองของอียิปตห์ รือปากีสถานนี่ถือเป็นกรณีตวั อยา่ งที่วถิ ีชีวติ และสภาพพ้ืนเมืองไดร้ ับผลกระทบท้งั โดยทางตรงและโดยทางออ้ มจากนโยบายของชาติตะวนั ตกหรือกลุ่ม อานาจท่ีไม่ใช่ตะวนั ตกผา่ นการแทรกแซงทางดา้ นการทหาร อิทธิพลทางการเมือง การคว่าบาตร และการ ขยายอานาจทางเศรษฐกิจหรือวฒั นธรรมสภาพการณ์ท่ีเลวร้ายของชาวมุสลิมเช่นน้ีในมือของชาวต่างชาติจึง เป็นเหมือนการกระตุน้ กลุ่มท่ีก่อนหนา้ น้ีไม่ไดเ้ป็นกลุ่มที่ขอ้ งเก่ียวกบั การเมืองใหด้ าเนินการทางการเมือง 
  กลุ่มตาลีบนั ไดเ้กณฑท์ หารกองกาลงั เดินเทา้ ใหม่จากกลุ่มคนเหล่าน้ีซ่ึงส่วนมากถูกไล่ที่เป็นกาพร้า และถูกทาใหย้ ากจนอนั เนื่องมาจากผลโดยตรงของการแทรกแซงของโซเวยี ตในอฟั กานิสถาน ทศั นคติของ คนกลุ่มน้ีเก่ียวกบั เหตุการณ์ 9/11 และผลท่ีตามมาหลงั จากน้นั จึงถูกปรับเปลี่ยนไปตามสิ่งที่พวกเขาไดร้ ับรู้ มาจากการบอกเล่าของนกั เทศนใ์ นทอ้ งถิ่นและนกั กิจกรรมกลุ่มอิสลามหวั รุนแรงและกลุ่มนีโอฟันดาเมนทลั ลิสตซ์ ่ึงมีท้งั ทรัพยากรและแรงจูงใจท่ีจะแสดงใหพ้ วกเขาเห็น อยา่ งไรก็ตามมุมมองของกลุ่มน้ีจึงมีต้งั แต่ ความเกลียดชงั อเมริกาข้นั รุนแรงไปจนถึงคนท่ีไม่ไดใ้ ส่ใจต่ออเมริกาเลย 
  ทศั นคติท่ีหลากหลายที่มีต่ออิสลามและมุสลิมในชาติตะวนั ตกและทศั นคติของมุสลิมที่มีต่อ ชาวตะวนั ตกโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ประเทศอเมริกาก่อให้เกิดความสบั สนและความเขา้ ใจผดิ ระหวา่ งสองฝั่งน้ี อยา่ งมากมายในขณะท่ีทศั นคติเหล่าน้ีถูกแกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ งต้งั แต่เหตุการณ์โศกนาฏกรรม9/11ก็ไดน้ ามาเป็น พ้ืนฐานในประเด็นปัจจุบนั และอดีตจานวนมากซ่ึงมีส่วนสาคญั ในการปรับเปล่ียนประเด็นเหล่าน้นั หากไม่ มีความเขา้ ใจอยา่ งชดั เจนต่อประเด็นเหล่าน้ีเริมตงั แต่ของการปกครองของนกั ล่าอาณานิคมชาวยโุ รปใน อาณาจกัรมุสลิมไปจนถึงการแทรกแซงอานาจของอเมริกาไปยงัรัฐและเสรีนิยมทางสงัคมในโลกมุสลิมก็จะ เกิดคาถามสาคญั ข้ึนมาวา่ ลทั ธิมุสลิมสุดโต่งน้ีเกิดข้ึนมาไดอ้ ยา่ งไร โดยเฉพาะอยา่ งยงิในช่วงปี 1970 ก็จะไม่ ถูกนามากล่าวไวใ้ นการโตว้ าที และคาถามที่ยากยงิในการที่จะทาอยา่ งไรเพ่ือพฒั นาความสัมพนั ธ์ทงั ทาง โครงสร้างและเป้ าหมายระหวา่ งชาติตะวนั ตกและอาณาจกั รอิสลามก็จะยงั ไม่สามารถแกไ้ ขได้ 
  คาวา่ สงครามต่อตา้ นการก่อการร้าย (war on terror) ซ่ึงเริ่มใชโ้ ดยบุชแต่โอบามานามาใชใ้ ส่ร้ายป้ าย สีน้นั ไม่ไดช้ ่วยใหส้ ถานการณ์ดีข้ึนเลย ถา้ เป็นอยา่ งน้นั ก็เท่ากบั เป็นการส่งเสริมกลุ่มอิสลามหวั รุนแรงและ กลุ่มนีโอฟันดาเมนทลั ลิสตซ์ ่ึงเป็นเพยี งกลุ่มเล็กๆในโลกมุสลิมในขณะที่กลืนกินเสียงของกลุ่มสายกลาง หรืออิจติฮาด ถึงเวลาแลว้ ท่ีชาติตะวนั ตกและกลุ่มมหาอานาจอื่นๆจะตอ้ งยตุ ิการตดั สินมุสลิมกลุ่มใหญ่จาก การกระทาของมุสลิมกลุ่มนอ้ ยและร่วมมือในนโยบายที่จะช่วยใหก้ ลุ่มอิสลามอิจติฮาดมีอานาจข้ึนมาซ่ึงท่าที ทางดา้ นศาสนาของพวกเขาจะถือเป็นตวั แทนของมุสลิมกลุ่มใหญ่ที่มีบทบาทสาคญั ในการปฏิรูปสังคมและ สนบั สนุนความสมั พนั ธ์กบั ชาติตะวนั ตกใหด้ ียงิ่ ข้ึน ในทางกลบั กนั อิสลามกลุ่มอิจติฮาดก็มีหนา้ ท่ีรับผิดชอบ ท่ีจะเผชิญหนา้ กบั กลุ่มญิฮาดผา่ นการเสวนาและความเขา้ ใจที่ดีข้ึน บางทีอาจจะเหมือนกบั สิ่งที่ ประธานาธิบดีอบั ดุรเราะมาน วาฮิดของอินโดนีเซียจากนิกายซุนน่ีและอดีตประธานาธิบดีโมฮมั หมดั คอตา มีของอิหร่านจากนิกายชีอะห์ไดก้ ล่าวเอาไว้นกั วชิ าการและบุคคลสาคญั ทางการเมืองท้งั สองท่านไดโ้ ตแ้ ยง้ วา่ อิสลามน้นั สามารถนาไปใชร้ ่วมกนั ไดก้ บั ระบอบประชาธิปไตยและคาแถลงการณ์สิทธิมนุษยชนระหวา่ ง ประเทศโดยยกเวน้การลงโทษประหารชีวิต 


ศาสนาและความรุนแรง 

บทความโดย ดร. โกลามาลี่ โคชรู (Dr. Gholamali Khoshroo) 
ทปี่รึกษาพเิศษของอดีตประธานาธิบดีคอตามีของอหิร่าน 

ในโลกท่ีตอ้ งพ่งึ พาอาศยั กนั และเชื่อมโยงกนั ซ่ึงภยั คุกคามในโลกมีอยทู่ วั่ ไปความปลอดภยั จึงกลายเป็นสิ่ง ทุกคนใหค้ วามใส่ใจมากที่สุดไม่มีประเทศใดหรือทวปี ใดที่ปลอดจากผลกระทบจากอนั ตรายของความ รุนแรงการก่อการร้ายและความทา้ทายดา้นความปลอดภยัการแข่งขนักนัดา้นอาวธุพนัธมิตรทางการเมือง และค่าใชจ้ ่ายดา้ นการทหารไม่สามารถนาสนั ติสุขและความเจริญรุ่งเรืองมายงั โลกได้อนั ที่จริงเรากาลงั ทา ใหโ้ ลกกลายเป็นสถานท่ีที่ไม่ปลอดภยั มากข้ึนโดยการใชจ้ ่ายไปกบั ระบบรักษาความปลอดภยั ใน ประวตัิศาสตร์ของมนุษยชาติไดพ้ บเห็นสงครามมานบั ไม่ถว้นเหตุเพราะความกลวัและการคุกคาม 
  ดงั น้นั เราตอ้ งปรับมุมมองเสียใหม่ การก่อต้งั องคก์ รยเู นสโก (UNESCO) ไดร้ ะบุวา่ “สงคราม เริ่มตน้ มาจากจิตใจของมนุษย์มนั เป็นความรู้สึกภายในจิตใจมนุษยท์ ี่จะตอ้ งสร้างการป้องกนั สันติภาพ ข้ึนมา” การจดั การทางดา้ นเศรษฐกิจและการเมืองของรัฐบาลก็ไม่อาจนาพาไปสู่สันติสุขได้ “ดงั น้นั สันติสุข จึงตอ้ งพบในความเป็นหน่ึงเดียวกนั ของจริยธรรมและสติปัญญาของมนุษย”์ 
  แ น ว โ น ม้ ข อ ง โ ล ก เ ช ่ น น ้ ี ไ ด น้ า ม า ซ ่ ึ ง โ อ ก า ส ท ่ ี จ ะ ก ่ อ ใ ห เ ้ ก ิ ด ค ว า ม เ ต ิ บ โ ต ท า ง ด า ้ น ค ว า ม ร ู ้ แ ล ะ วทิ ยาศาสตร์ เขา้ ถึงเทคโนโลยขี อ้ มูลข่าวสาร เขา้ ถึงตลาดโลกและช่วยใหเ้ กิดการเติบโตทางเศรษฐกิจและ ความทา้ ทายเช่น การกดั กร่อนของอตั ลกั ษณ์ทางวฒั นธรรม การเพิกเฉยต่อการพฒั นาท่ียงั่ ยนื และช่องวา่ งท่ี กวา้ งข้ึนระหวา่ งความรวยและความจนและการสร้างสรรคว์ ธิ ีการทางดา้ นความรุนแรงมากมาย นี่อาจนบั รวมต้งั แต่การเพิม่ จานวนข้ึนอยา่ งรวดเร็วของอาวธุ ในการทาลายลา้ งมหาศาลไปจนถึงเครือข่ายก่อการร้าย และการข่กู รรโชกอยา่ งลบั ๆ โครงสร้างทางการเมืองของโลกลม้ เหลวที่จะจดั การกบั ปัญหาของพวกนิยม สุดโต่งและความรุนแรงการแข่งขนั ดา้ นอาวธุ และการครองอานาจอยเู่พียงฝ่ายเดียว(เอกภาคีนิยม) 
  ความรุนแรงในยคุ โลกาภิวฒั น์เป็นปรากฎการณ์ที่มีหลายแง่มุมและมีการตีความหมายและนาไปใช้ แตกต่างกนั เราอาจจะระบุไดถ้ ึงแง่มุมและการใชค้ วามรุนแรงใชท้ ี่เก่ียวขอ้ งกนั ได้สามแบบดว้ ยกนั คือ 
  A: ความรุนแรงทางกาย คือการบีบบงั คบั ทางกายภาพเพื่อทารุณหรือใหไ้ ดร้ ับบาดเจบ็ ในกรณีน้ีคือ การทาใหผ้อู้่ืนไดร้ับบาดเจ็บหรือมีความกดดนัท้งัโดยส่วนตวัและทางสาธารณะในระดบัชาติหรือระดบั โลก ความรุนแรง ปัญหาดา้ นความปลอดภยั และความขดั แยง้ ทางการเมืองและสังคมเกิดข้ึนโดยการใชก้ าลงั 
  B: ความรุนแรงทางโครงสร้างเป็นผลมาจากความไม่เท่าเทียมกนั ทางดา้ นเศรษฐกิจและสังคมใน ระดบั โลก ซ่ึงความรุนแรงน้ีคือการรบกวนและความเสียหายในระดบั องคก์ รหรือสถาบนั ซ่ึงสามารถคาดเดา และป้องกนั ได้ความรุนแรงทางโครงสร้างยงัรวมไปถึงความยากจนท่ีเป็นสาเหตุใหเ้กิดการเผชิญกบั การ เพิม่ ข้ึนอยา่ งรวดเร็วของความไม่เท่าเทียมกนั และการลดทอนความสาคญั ของระบบสงั คม ท้งั ในระดบั โลก และระดบัชาติ 
  C:ความรุนแรงที่ตรงขา้มกบั เสรีภาพในกรณีน้ีความรุนแรงเกิดข้ึนจากการป้องกนั ไม่ใหค้ นใดคน หน่ึงสามารถสร้างอานาจข้ึนมาไดโ้ ดยการแข่งขนั และสร้างกลุ่มข้ึนมาใหม่ในมุมมองของฮนั น่าอาเร้นท์ (Hanna Arendt) การก่อการร้ายเป็นทงั รูปแบบที่มีอานาจนอ้ ยที่สุดและมีความรุนแรงมากที่สุดของรัฐบาล ผกู้ ่อการร้ายบงั คบั ลดทอนความสามารถในการสร้างอานาจของผคู้ นลง 
  จากแนวคิดที่ไดก้ ล่าวไปแลว้ ขา้ งตน้ เราจึงควรที่จะหาวธิ ีการเยยี วยารักษาและตวั เลือกที่เป็นสันติวธิ ี ในมุมมองของผมน้นั การเสวนาความยตุ ิธรรมและเสรีภาพเป็นตวั เลือกท้งั สามตวั เลือกที่จะทาใหโ้ ลกน้ี ปลอดจากความรุนแรง 

1. การเสวนา 
  ความปลอดภยั และสันติภาพจะไม่ปรากฎข้ึนหากไม่มีการสนทนากนั อยา่ งมีความหมาย และบท สนทนาน้นั ก็จะไม่ประสบผลสาเร็จโดยปราศจากการทาขอ้ ตกลงดา้ นมาตรฐานทางดา้ นศีลธรรมร่วมกนั และอยเู่หนือความเห็นแก่ไดแ้ละการมองอนาคตในระยะใกล้ปัจจุบนักระบวนการและแนวโนม้ทางดา้น การเมืองและวฒั นธรรมในตะวนั ออกกลางและในโลกไดแ้ สดงใหเ้ ห็นวา่ การเสวนากนั ในเรื่องวฒั นธรรม และศาสนาไม่ไดเ้ป็นเพยีงขอ้แนะนาทางศีลธรรมเท่าน้นั แต่ถือเป็นสิ่งที่ตอ้งทาเลยก็วา่ได้ 
  การเสวนาเทียบไดก้บัการใชส้ติปัญญาและการมองการณ์ไกลเพอื่ใหเ้ขา้ใจความหมายการคน้พบ ความจริงผา่ นการใชภ้ าษา ตรรกะและความเห็นอกเห็นใจ ระหวา่ งการเสวนาน้นั การคน้ หาพ้นื ฐานท่ีมี ร่วมกนั และแบ่งปันความคิดมีความสาคญั ในระดบั เดียวกบั การใหค้ วามสนใจกบั ความแตกต่างของท้งั สอง ฝ่ายในโลกพหุวฒันธรรมในปัจจุบนั การยอมรับความหลากหลายทางวฒันธรรมน้นัทาใหเ้ราไดต้ระหนกั ถึงวฒั นธรรมอ่ืนๆสิ่งที่เป็นเราในแง่ของวฒั นธรรมหรือศาสนาก่อใหเ้กิดอตั ลกั ษณ์ของเราซ่ึงอตั ลกั ษณ์น้ี ค ว ร ท ี ่ จ ะ เ ป ิ ด ก ว า้ ง ใ ห ก้ บั ผ อู ้ ื ่ น เ พ อ่ ื ท า ใ ห ช้ ี ว ติ ม น ุ ษ ย ม์ ี ค ุ ณ ค ่ า ม า ก ย งิ ่ ข ้ ึ น ช ี ว ติ ม น ุ ษ ย เ ์ ร า อ า ศ ยั ป ะ ป น อ ย ก่ ู บั ค ว า ม แตกต่างและความหลากหลายมากมายไม่มีใครสามารถนาพาชีวติ ที่มีสุขภาพดีและประสบความสาเร็จใน โลกน้ีไดเ้พียงลาพงั ในความเป็นจริงความสุขของทุกคนข้ึนอยกู่ บั ความสุขของผอู ่ืนดว้ ย 

2. ความยตุ ิธรรม 
  ความยตุ ิธรรมคือความปรารถนาและความตอ้ งการท่ีถูกแบ่งปันออกไปอยา่ งเป็นสากลและมีการ รับรู้และแสดงออกไปทวั่ โลกการคน้ หาความยตุ ิธรรมเป็นแกนสาคญั ของการมีส่วนร่วมในการตระหนกั รู้ โดยรวม ความไม่เห็นดว้ ยต่อความไม่เท่าเทียมกนั ทางเศรษฐกิจและสังคม การขาดความสามารถที่เพิม่ ข้ึน ของระบบการเมืองท่ีหลากหลายรวมถึงประชาธิปไตยของชาติตะวนั ตกในการสนองตอบอยา่ งพอเพียงต่อ ความไม่พอใจทวั่ โลก เนน้ ย้าใหต้ อ้ งรีบกระทาอยา่ งเร่งด่วนเพ่อื ตอบสนองต่อความไม่พอใจของคนทวั่ โลก การตอบสนองร่วมกนั จาเป็นตอ้ งใชส้ ติปัญญาท่ีคิดร่วมกนั ดงั น้นั จึงจะเกิดความร่วมมือจากหลากหลาย ประเพณี วฒั นธรรม และความเป็นกลางทางการเมืองเพ่อื นาไปสู่การเรียกร้องความยตุ ิธรรมโดยไม่จากดั เงื่อนไขที่หลากหลายและทอ้ งถินที่ทาการเยยี วยารักษา จะไม่มีการผกู ขาดและไม่มีแผนการท่ีกาหนดข้ึนเป็น สากลที่เหมาะกบั ทุกคน 
  นอกจากความอยดู่ ีกินดีทางเศรษฐกิจแลว้ ผคู้ นตอ้ งการวฒั นธรรมจิตวญิ ญาณและจริยธรรม เศรษฐกิจที่ปราศจากขอบเขตทางจริยธรรมก็ก่อใหเ้กิดความเสียหายต่อสภาพแวดลอ้ มที่ดีของมนุษย์และ แทนท่ีจะเพิม่ ความพึงพอใจก็จะนาการแข่งขนั ไปสู่ลทั ธิบริโภคนิยมที่ไม่รู้จกั พอและความเสียหายต่อ ทรัพยากรท่ีตอ้ งใชร้ ะหวา่ งยุคสมยั ของมนุษย์ 

3. ศาสนาและประชาธิปไตย 
  ในยคุ โลกาภิวฒั น์ ความเป็นหน่ึงเดียวและแนวคิดทางดา้ นศาสนาจะช่วยเติมช่องวา่ งของการเสื่อม ถอยของวฒั นธรรมและสถาบนั ทางสังคมซ่ึงสามารถช่วยค้าจุนความเขม้ แขง็ ของสงั คม ศาสนาทาหนา้ ที่ หลกั ในการสร้างความหมายและสร้างชุมชนศาสนามีแง่มุมหลกั 2แง่มุมคือความเช่ือและการเป็นส่วน หน่ึงร่วมกนั การเช่ือในพระองคอ์ ลั เลาะห์ (ซ.บ.) ผทู้ รงเมตตาปราณีจะช่วยใหผ้ คู้ นมีความใกลช้ ิดกนั มาก ยงิ่ ข้ึน 
  ในปัจจุบนั การฟ้ืนฟอู ิสลามข้ึนมาใหม่ซ่ีงเป็นปัจจยั ทางการเมืองที่มีอิทธิพลมากมีบทบาทสาคญั ใน ค ว า ม ส มั พ นั ธ ์ ร ะ ห ว า่ ง อ ิ ส ล า ม แ ล ะ ช า ต ิ ต ะ ว นั ต ก ก า ร เ ค ล ื ่ อ น ไ ห ว ท า ง ส ั ง ค ม ใ น ล กั ษ ณ ะ เ ช ่ น น ้ ี ม ี ค ว า ม อ ่ อ น ไ ห ว อยา่ งมากต่อการพฒั นาทางดา้ นการเมืองและสังคมของโลก สาหรับการเสวนาระหวา่ งอิสลามและชาติ ตะวนั ตกน้นั ไม่สมควรท่ีจะคาดหวงัใหม้ ุสลิมเป็นแยกศาสนาออกจากทางโลกเพื่อท่ีจะใหเ้ป็นกลุ่มที่ดี สาหรับการเสวนาการกระทาเช่นน้นั เป็นการไม่สร้างสรรคแ์ ละจะช่วยเพิม่ ช่องวา่ งใหม้ ากข้ึนและทาให้ ความไม่ไวใ้ จน้นั ฝังรากลึงลงไปอีก ดงั น้นั วธิ ีการที่เหมาะสมมากกวา่ ในการเขา้ ถึงสังคมมุสลิมก็คือการ สนบั สนุนหลกั การอนั มีเกียรติของประชาธิปไตยและยอมรับนบั ถือความเป็นกลางในโลกมุสลิม 
  ในขณะเดียวกนั ก็เป็ นความผิดหวงั อยา่ งมากที่ไดเ้ ห็นกลุ่มผคู้ ลงั่ และ Takfiri ในโลกมุสลิม ที่กล่าว อา้ งถึงการเขา้ ถึงขอ้ เทจ็ จริงเป็นกรณีพิเศษและเก่ียวพนั กบั จิตใจดา้ นมืดและอ่านคมั ภีร์ศกั ด์ิสิทธ์ิโดยไม่ลึกซ้ึง พวกเขามองกลุ่มอ่ืนท้งัท่ีเป็นมุสลิมและมิใช่มุสลิมวา่เป็นผปู้ฏิเสธศรัทธาและใหส้ัญญาวา่จะไดเ้ขา้สวรรค์ และขณะท่ีใหส้ ัญญาวา่ จะไดเ้ ขา้ สวรรคก์ ็กลบั กลายทาใหช้ ีวติ มนุษยต์ กสู่ขมุ นรก ความขดั แยง้ ต่อสาวกของ ศาสนาหรือความรุนแรงของนิกายยอ่ ยต่างๆและการเข่นฆ่าในศาสนาเป็นผลมาจากความคิดที่น่าขนลุกขน พอง 
  ในหลกั คาสอนของอีหม่ามอาลี (อีหม่ามคนแรกของนิกายชีอะห์) ผคู้ นท้งั หมดสามารถจาแนก ออกมาได้2กลุ่มคือเป็นพน่ี อ้ งในศาสนาหรือแค่ถูกสร้างข้ึนมาเหมือนกนั การอ่านตาราควรที่นาเอาความ ความเมตตากรุณาของพระเจา้ มารวมไวด้ ว้ ยเพ่อื ใหเ้ กิดความเขา้ ใจที่แจ่มแจง้ ศาสดาที่เป็นเลิศและนกั ปราชญ์ ที่ยงิ่ ใหญ่และนกั คิดท่ีมีศีลธรรมไดพ้ ยายามกนั อยา่ งอุตสาหะตลอดมาในประวตั ิศาสตร์ของมนุษยท์ ี่จะขจดั ความเห็นแก่ตวั ความกา้ วร้าวและการกดขี่ออกไปจากมนุษย์ ถึงแมจ้ ะมีความพยายามเหล่าน้ีแลว้ ก็ตาม แต่ ความหิวกระหายอานาจและผลประโยชนใ์ นอนาคตอนั ใกลข้ องมนุษยก์ ็เป็นสาเหตุให้เกิดความเสื่อมสลาย และสงครามในประวตั ิศาสตร์ 
  เราควรท่ีจะกา้ วขา้ มการแบ่งข้วั ทางโลกและทางศาสนาและสนบั สนุนใหม้ ีประชาธิปไตยที่เกี่ยวกบั ศาสนาในโลกของอิสลาม นโยบายที่ต้งั อยบู่ นพ้ืนฐานของการจากดั กลุ่มลทั ธิที่ไม่พงึ ประสงคใ์ นการฟ้ื นฟู อิสลามแลว้ ใชก้ ลุ่มหวั รุนแรงเพ่อื ใหบ้ รรลุบทสรุปทางการเมืองก็เป็นการโหมกระพือความรุนแรงและความ สุดโต่งใหม้ ากข้ึนไปอีก แนวโนม้ น้ีจะทาใหไ้ ม่มีความปลอดภยั และความมนั่ คงและทาใหห้ ลกั ศีลธรรมใน สงั คมอ่อนแอลง 

4. โลกต่อต้านความรุนแรงและความสุดโต่ง 
ความสนใจต่อแนวโนม้ ที่ไม่น่าไวใ้ จ จึงก่อให้เกิดการจดั ต้งั การประชุมสมชั ชาใหญ่แห่งสหประชาชาติท่ี ก่อต้งั ข้ึนมาโดยฉนั ทามติท่ีมีพ้นื ฐานตามขอ้ เสนอของประธานาธิบดีเราฮานี (President Rouhani) ของ อิหร่าน ซ่ึงเรียกร้องให้จดั ต้งั กลุ่ม WAVE (World against Violence and Extremism) ซ่ึงเป็นกลุ่มต่อตา้ น ความรุนแรงและความสุดโต่ง ปณิธานของกลุ่มน้ีไดป้ ระณามมาตรการต่างๆท่ีมาจากวฒั นธรรมของ ผกู้ ่อการร้าย เผดจ็ การและความสุดโต่งเช่น การใชอ้ านาจคุกคามต่อเขตแดนและอิสรภาพของชาติทาง การเมือง และยงั ประณามการปลุกปันใหเ้ กิดความเกลียดชงั ทางศาสนา ศีลธรรมและเช้ือชาติ 

  โดยสรุปแลว้ เส้นทางที่จะทาใหโ้ ลกปลอดจากความรุนแรงน้นั ผา่ นการเสวนา หลกั จริยธรรม ความ ยตุ ิธรรม การพฒั นาและเสรีภาพ ทุกประเทศควรท่ีจะไดร้ ับโอกาสที่เท่าเทียมกนั ในการพฒั นาทางดา้ น เศรษฐกิจและสังคม ซ่ึงมีความจาเป็นต่อสังคมระหวา่ งประเทศที่สันติสุขที่ทุกคนไดร้ ับประโยชน์จาก เสรีภาพทางเศรษฐกิจและสิทธิที่จะกาหนดชะตาทางการเมือง จริงๆแลว้ รูปแบบใดๆของการคว่าบาตรทาง เศรษฐกิจหรือการคุกคามทางการทหารจะแทนที่ดว้ ยการสนบั สนุนสันติภาพและความปลอดภยั สร้างวกิ ฤต แห่งมนุษยธรรมและเป็นการสร้างความขดั แยง้ ใหม้ ากยงิ่ ข้ึน 

  ดงั น้นั การขจดั ความสงสัยและความไม่ไวว้ างใจและสนบั สนุนการเคารพนบั ถือร่วมกนั และการ เสวนาเชิงโครงสร้างบนพ้นื ฐานท่ีเท่าเทียมกนั เป็นสิ่งจาเป็นในการสร้างสันติภาพและความสงบสุขนกั คิด เกี่ยวกบั จิตวญิ ญาณและบุคคลทางศาสนามีหนา้ ท่ีอุทิศตนในการเชิญชวนมนุษยม์ าสู่การเสวนา มิตรภาพและ สนั ติภาพรวมถึงความยตุ ิธรรมและเสรีภาพและการช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั 


การอภิปราย 

ดร.ฮาบาช (Dr. Habash) : ผมอยากจะเพิม่ เติมจากคากล่าวอา้ งของ ดร. มุกตีที่กล่าวถึงการญิฮาดในอลั กุ รอ่าน เราไดร้ ู้จกั วธิ ีการถึง 17 ระดบั ในการปฏิบตั ิกบั ผอู้ ื่น ซ่ึงเหมือนกบั ที่กล่าวไวใ้ นพนั ธสัญญาเดิมและ พนั ธสญั ญาใหม่ ในอลั กุรอ่านไดก้ ล่าววา่ “เจา้ ตอ้ งใหอ้ ภยั กบั ผทู้ ี่ปฏิเสธศรัทธา และเจา้ ตอ้ งรักพวกเขา” ดงั ที่ กล่าวไวใ้ นพนั ธสัญญาใหม่ตอนที่พระเยซูไดบ้ อกใหร้ ักศตั รูของเจา้ ระดบั ที่สองคือการใหอ้ ภยั พวกเขา ทาดี ต่อพวกเขา และไม่ต่อสู้กบั ผปู้ ฏิเสธ ท่านมีศาสนาของท่านและฉนั ก็มีศาสนาของฉนั นอกจากน้ี “ถา้ หากวา่ ใครทาร้ายเจา้ เจา้ ก็สามารถทาร้ายเขาไดเ้ ช่นกนั ” ท่านยงั ไดร้ ับอนุญาตใหป้ กป้ องตวั เองจากศตั รู “เรา จาเป็นตอ้ งต่อสู้กบั ผปู้ ฏิเสธการศรัทธาไดโ้ ดยสมบูรณ์” อะไรคือความหมายท่ีแตกต่างของสิ่งเหล่าน้ีจาก ระดบัแรกจนถึงระดบัสุดทา้ย 
  เราสามารถพบไดใ้ นอลั กุรอ่านวา่ มีอายะห์อลั กรุ อ่านเกี่ยวกบั สงคราม อายะห์ท่ีกระตุน้ ใหต้ ่อสู้กบั ผู้ รุกราน ซ่ึงก็พบไดเ้ ยอะในพนั ธสญั ญาเก่า พระเจา้ ขอใหโ้ มเสสเขา้ จ่โู จมและเผาเมืองน้นั เมืองน้ี แมแ้ ต่ใน พนั ธสญั ญาใหม่ก็มีกล่าววา่ “ขา้ ไม่ไดม้ ามอบสันติภาพขา้ มาเพื่อมอบดาบ”เราจาเป็นตอ้ งเขา้ ใจถึงสิ่งที่เป็น เป้ าหมายหลกั ของอายะห์น้ี มีสองวธิ ีในการอธิบายอายะห์น้ี การตีความตามสงครามเพอื่ ศาสนา (ครูเสด) เม่ือพวกเขาตดั สินใจที่จะจู่โจมโลกอิสลามเพราะการญิฮาดและการตีความอ่ืนๆ แต่พูดกนั อยา่ ง ตรงไปตรงมาเลยนะผนู้ าอิสลามทุกคนเช่ือวา่อายะห์ท่ีเกี่ยวกบั การญิฮาดเหล่าน้ีใชเ้พียงแต่ในช่วงสงคราม เท่าน้นั เมื่อเราตกอยใู่ นอนั ตราย ถา้ มีคนรอบขา้ งตอ้ งการท่ีจะฆ่าคุณ คุณก็มีสิทธ์ิที่จะป้ องกนั ตวั เองได้ 

นายกรัฐมนตรี Van Agt: คุณแบ่งแยกความแตกต่างของระบอบการปกครอง วถิ ีชีวติ วธิ ีในการประพฤติตน ระหวา่ งช่วงที่มีสนั ติภาพและช่วงสงคราม คาถามคือ แมแ้ ต่ในช่วงท่ีเกิดสงคราม เราก็มีหน่วยงานสภาการ ชาดสนธิสญั ญากฎหมายมนุษยธรรมระหวา่งประเทศพูดง่ายๆก็คือกฎหมายน้ีคือการทาสงครามทา อยา่ งไร ประพฤติตวั อยา่ งไรในช่วงสงคราม และตอ้ งทาอยา่ งไรเม่ือไปครอบครองประเทศอื่น ในช่วง สงครามใช่วา่ จะอนุญาตใหท้ าไดท้ ุกอยา่ ง 

ดร.ฮาบาช (Dr. Habash) : ผมต่อตา้ นการทาสงครามทุกชนิด ไม่แมแ้ ต่จะเชื่อในสงครามที่ถูกตอ้ ง สงคราม ทุกประเภทเป็นรูปแบบของความไม่ยตุ ิธรรมกฎของสงครามและกระบวนการทาสงครามในอิสลามเป็น กระบวนการเดียวกนั กบั สงครามในกฎหมายระหวา่ งประเทศ การฆ่าแบบตดั หวั การกรีดคอ การเผาหม่บู า้ น ไม่ไดอ้ ยใู่ นหลกั การของศาสนาใดเลย สถานการณ์เช่นน้ีจาเป็นตอ้ งถือวา่ เป็นเร่ืองที่ผดิ กฎหมายตาม กฎหมายอิสลาม ตอนท่ีน่าบีมูฮาหมดั ไดส้ ่งทหารไปยงั มาดีนะห์ ท่านไดก้ ล่าววา่ “อยา่ ฆ่าผหู้ ญิง อยา่ ฆ่าเด็ก อยา่ ฆ่าคนที่ทางานศาสนา ท่านมีสิทธ์ิที่จะต่อสู้กบั ผทู้ ่ีจู่โจมท่านเพียงเท่าน้นั ” 
 
ดร. อลั ซาเลม็ (Dr. Al Salem): ทุกคนต่างรู้กนั ดีวา่ ศาสนาคริสตแ์ ละอิสลามมีสงครามศกั ด์ิสิทธ์ิ และชาว คริสตก์ ็หลงั่ เลือดมากกวา่ ชาวมุสลิม แต่ต้งั แต่ที่พวกเขาแยกศาสนจกั รออกจากรัฐบาล พวกเขาก็เริ่มเปลี่ยน และใชศ้ าสนาเป็นวถิ ีของสงครามหรือต่อสู้ในนามของพระเยซู พวกเราชาวมุสลิมไดร้ ับคาสัง่ อยา่ งชดั เจน ในอลั กุรอ่านที่ใหต้ ่อสู้กบั ผทู้ ่ีไม่ใช่มุสลิม ซ่ึงน่ีเป็นระดบั สุดทา้ ยจาก 17 ระดบั ท่ีกล่าวไวใ้ นอลั กุรอ่าน อิสลามแบ่งออกเป็นสามระยะดว้ ยกนั คือในเมืองมาดีนะห์ท่ีไม่มีการต่อสู้ ในเมืองมกั กะห์ที่ใหต้ ่อสู้เพื่อ ป้องกนั ตวั เองแต่หลงั จากน้นั พระองคไ์ ดส้ ัง่ ใหต้ ่อสู้กบั ทุกคนดงั น้นั จึงเป็นที่แน่ชดั กบั ชาวมุสลิมทุกคนวา่ คาสงั่ สุดทา้ ยยอ่ มลบลา้ งคาสงั่ ก่อนหนา้ นนั่ ไดท้ ้งั หมด เราจาเป็นตอ้ งคุยกนั อยา่ งซ่ือสัตยถ์ า้ เราตอ้ งการท่ีจะ แกป้ ัญหาน้ี มนั ไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมกบั ปัญหาของพวกเราซ่ึงพวกเราต่างก็รู้กนั ดี 

ศาสตราจารย์ ไซคัล (Prof. Saikal) : ผมไม่เห็นดว้ ยกบั ดร.อลั ซาเลม็ อิสลามก็เหมือนกบั ศาสนศาสตร์ดา้ น อ่ืนที่เปิ ดกวา้ งกบั การตีความในวงกวา้ งข้ึนอยกู่ บั วา่ แง่มุมไหนท่ีคุณไดเ้ รียนมา อยา่ ลืมความจริงที่วา่ อลั กุ รอ่านไดก้ ล่าวถึงความสามารถทางปัญญาของผคู้ นในศตวรรษท่ี 7 เง่ือนไขไดม้ ีการเปล่ียนแปลง สิ่งท่ีกล่าว ไวใ้ นตาราก็เป็นสิ่งสาคญั แต่เราจาเป็นตอ้ งศึกษาตาราและนามาปรับใชก้ บั บริบทของเวลาและสภาพท่ี เปล่ียนไปนนั่ จึงเป็นวธิ ีที่อิสลามอยรู่ อดมาไดใ้ นปัจจุบนั โดยเป็นศาสนาแห่งพลวตั วธิ ีการท่ีเรามาใชต้ ีความ ใหแ้ คบท่ีสุดและนามาปรับใชใ้ นอิสลามไดก้ ลายมาเป็นท่ีมาสาคญั ของความตึงเครียดและความขดั แยง้ ไม่ เพยี งแต่ระหวา่ งโลกมุสลิมกบั ชาติตะวนั ตกหรือชาติท่ีเหลือเท่าน้นั แต่ยงั เกิดความขดั แยง้ ระหวา่ งมุสลิมดว้ ย กนั เองอีกดว้ ยนนั่ คือสิ่งท่ีเราจาเป็นตอ้ งหลีกใหห้ ่าง 

ประธานาธิบดี โอบาซานโจ (President Obasanjo): พวกเราบางคนอาจไม่ไดเ้ ป็ นเพียงผเู้ ห็นเหตุการณ์ เท่าน้นั แตย่งัไดร้ับผลกระทบไปดว้ยผมมาจากประเทศที่คร่ึงหน่ึงเป็นชาวคริสต์อีกคร่ึงหน่ึงเป็นมุสลิมจึง เป็นเรื่องสาคญั ที่ตอ้ งแยกพวกเขาออกจากกนั เพราะมนั ก่อใหเ้กิดผลกระทบกบั ประเทศเหมือนกบั ประเทศ ของผมและประเทศอื่นๆอีกมากมายที่มีจานวนของชาวคริสตม์ ากมายอยใู่ นสังคมที่มีมุสลิมเป็นประชากร ส่วนใหญ่และจานวนของมุสลิมจานวนมากท่ีอยใู่ นสงั คมที่มีชาวคริสตเ์ป็นประชากรส่วนใหญ่ จึงเป็นเร่ือง จาเป็นอยา่ งยงิ่ ท่ีตอ้ งพดู คุยกบั ท้งั สองฝ่ายตอนที่คุณบอกวา่ อลั กุรอ่านไดก้ ล่าววา่ “คุณตอ้ งต่อสู้กบั ผปู้ ฏิเสธ ศรัทธา” และในฐานะท่ีผมเป็นชาวคริสตจ์ ึงเป็นผทู้ ่ีไม่ศรัทธาตราบใดที่มองในมุมของมุสลิม และเมื่อวานผม ไดบ้ อกวา่ มีพ่นี อ้ งสองสายเลือดคนหน่ึงเป็นชาวคริสตแ์ ละอีกคนเป็นชาวมุสลิมความเขา้ ใจของผมก็คือคน ที่เป็ นมุสลิมไดอ้ ธิบายวา่ ความเป็ นพ่นี อ้ งมีพ้ืนฐานมาจากศาสนา ไม่ใช่สายเลือด และพี่นอ้ งคนที่เป็ นมุสลิม สามารถทาการญิฮาดกบั ผมได้ดงั น้นั นี่จึงตอ้ งหลีกหนีให้ห่างเพราะมนั จะกลายเป็นประเดน็ อยา่ งต่อเนื่อง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ประเทศต่างๆอีกมากในแอฟริกา 

ดร. เมตตานันโด (Dr. Mettanando) : ผมอยากจะต้งั คาถามกบั ดร.มุกตีและศาสตราจารยไ์ ซคลั เพอื่ พจิ ารณา ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งชนกลุ่มนอ้ ยและชนกลุ่มใหญ่ ผมอยากจะหยกิ ยกประเด็นหน่ึงในทิเบตข้ึนมาเมื่อพระ และแม่ชีไดต้ ่อสู้กบั จีนเพื่อความยตุ ิธรรม พวกเขาเลือกที่จะเผาตวั เองเพ่ือประทว้ ง พวกเขาทาร้ายตวั เอง นี่ เป็นเหตุการณ์ท่ีชนกลุ่มนอ้ ยชาวพทุ ธต่อสู้กบั อานาจของชนกลุ่มใหญ่คืออานาจของชาวจีนแต่ในทาง
กลบั กนั เมื่อชาวพุทธเป็ นชนกลุ่มใหญ่ในพม่า พวกเขาก็ประณามและกา้ วร้าวและแมแ้ ต่ฆ่าชาวมุสลิม ทาไม? เป็นเพราะค่านิยมท่ีแตกต่างกนั ใช่หรือไม่ท่ีทาใหม้ ีการนบั ถือศาสนาท่ีแตกต่างกนั 

ดร. โคชรู (Dr. Koshroo) : ในยคุ โลกาภิวฒั ณ์เช่นน้ี ศาสนาไดค้ ืนกลบั สู่สังคมเพอื่ สร้างความเขม้ แขง็ ใหก้ บั สงั คมและทาหนา้ ที่ในการสร้างเป้าหมายใหก้ บั สังคมแง่มุมท้งั สองของศาสนาคือความเชื่อและการเป็นส่วน หน่ึงร่วมกนั และการเชื่อในพระเจา้ จะนาพาคนใหม้ าอยดู่ ว้ ยกนั แต่การเป็นส่วนหน่ึงร่วมกนั อาจสร้างปัญหา ได้ น่ีคือสิ่งท่ีเรากาลงั ประสบอยู่ มีปัญหาเกิดข้ึนระหวา่ งชาวตะวนั ตกและอิสลามและมีการโตต้ อบกนั ทาง โครงสร้างระหวา่ งอิสลามและชาวตะวนั ตกไม่ไดต้ อ้ งการเรียกร้องใหส้ ังคมมุสลิมแยกตวั ออกมาจากทาง โลกน่ีเป็นเร่ืองไร้สาระแต่วธิ ีท่ีเหมาะสมและใชไ้ ดจ้ ริงมากกวา่ คือการสนบั สนุนใหใ้ ชห้ ลกั ประชาธิปไตย ในโลกมุสลิม 
  ถา้มองในทศันะของการญิฮาดพวกเรารู้สึกผดิหวงัท่ีกลุ่มลทัธิคลงั่ศาสนาปฏิบตัิกบัผอู้่ืนราวกบัวา่ เป็นพวกท่ีปฏิเสธการศรัทธา พวกเขาปิดก้นั นกั ปฏิรูปและอ่านคมั ภีร์ศกั ด์ิสิทธ์ิอยา่ งผวิ เผนิ โดยไม่สนใจ เง่ือนไขและเวลานี่ไม่ใช่ผลของการตีความจากอลั กรุ อ่านเท่านนั พวกเขายงั มองกลุ่มอื่นทงั ท่ีเป็นมุสลิมและ มิใช่มุสลิมวา่ เป็นผปู้ ฏิเสธศรัทธาและขณะที่ใหส้ ญั ญาวา่ จะไดเ้ขา้ สวรรคก์ ็กลบั กลายทาใหช้ ีวติ มนุษยต์ กสู่ ขมุ นรก ความารุนแรงของนิกายและการฆ่าผอู้ ่ืนเป็นผลอนั ร้ายแรงของความความคิดเช่นนนั และความคิดน้ี ก็มีอยใู่ นศาสนาของเรา ผคู้ นจานวนมากฆ่าเพราะนิกายหรือศาสนา ซ่ึงนนัมนั อนั ตรายมาก 
  การอ่านอลั กรุ อ่านควรจะกระทาโดยราลึกถึงความเมตตากรุณาต่อพระเจา้ เพ่อื ใหเ้ กิดความกระจ่าง ในอีกนยั หน่ึงก็คือศาสนาถูกนามาใชอ้ ยา่ งผดิ ๆเพื่อวตั ถุประสงคท์ างการเมือง แต่ศาสนาสามารถเป็นบทบาท ส า ค ญั ท ่ ี ใ ห เ ้ ก ิ ด ส นั ต ิ ภ า พ แ ล ะ ก า ร เ ส ว น า ท ้ ง ั ร ะ ห ว า ่ ง ศ า ส น า ท ้ ง ั ส อ ง แ ล ะ ร ะ ห ว า ่ ง ศ า ส น า เ ด ี ย ว ก นั ท ี ่ แ ต ก แ ข น ง ออกมาการเสวนาเพื่อสนบั สนุนใหเ้กิดมิตรภาพและการยอมรับนบั ถือร่วมกนั เป็นสิ่งที่ธรรมดาสามญั ใน ศาสนาของพวกเราการหลีกหนีจากความสุดโต่งและความรุนแรงไม่ใช่การปฏิเสธศาสนาแต่เป็นขอ้ ตกลง ร่วมกนั ในหลกั ประชาธิปไตย 

รอบบี ดร. โรเซ็น (Rabbi Dr. Rosen) : เม่ือเชา้ น้ีเราไดฟ้ ังการโตว้ าทีเกี่ยวกบั ความหมายของการญิฮาดและ แนวคิดท้งั หมดซ่ึงมีจานวนมากในฐานะที่ผมเป็นชาวยวิ เพียงคนเดียวที่นี่ไดเ้ตือนให้เราระลึกถึงหลกั การ สาคญั ของการวเิ คราะห์ตนเอง ต่อสู้กบั ความซื่อสัตยใ์ นตวั เองและต่อสู้กบั การคน้ หาความจริง ศาสนาทุก ศาสนามีหลกั ปฏิบตั ิที่แตกต่างกนั ชาวคริสตก์ ็มีแนวคิดในเรื่องพนั ธกิจพนั ธกิจคือแนวคิดที่ผมตอ้ งรับเอา ขอ้ ความและจาเป็นตอ้ งนาไปใหศ้ าสนาอ่ืนหรือคนกลุ่มอ่ืนแต่การสร้างสมดุลใหก้ บั แนวคิดพนั ธกิจคือ แนวคิดของผเู้ห็นเหตุการณ์ที่ผมไดก้ระทาคือวธิีในการใส่ใจเห็นอกเห็นใจหรือวธิีการคลา้ยกบัพระเจา้และ นนั่ เป็นวธิ ีในการเอาชนะใจผอู้ ื่น 
  ดงั น้นั คุณมีโมเด็ลท่ีต่างกนั มีวธิ ีการทางเวทมนตค์ าถาและวธิ ีการท่ีเป็นเหตุเป็นผลและแน่นอนคุณ มีวธิีการทางการเมืองซ่ึงการเมืองไดเ้ขา้มามีบทบาทพอไดฟ้ังความเห็นท่ีแตกต่างกนั สิ่งหน่ึงที่จ่โูจมผมก็คือ วธิ ีการพยายามทาญิฮาดในแง่มุมของการวิเคราะห์ตนเองคือการพยายามที่จะเขา้ อกเขา้ ใจผอู้ ื่น เมื่อวานน้ี อนั ที่จริงท่านนิพนธ์ไดก้ ล่าววา่ แนวคิดของความรักจากท้งั หมดน้ีอยทู่ ี่ไหนในคมั ภีร์ไบเบิ้ลเรามีแนวคิดวา่ “ให้ รักเพอื่นบา้นเหมือนดงัท่ีรักตวัเอง”และในพนัธสญัญาใหม่ก็ไดเ้พิม่เติม“การรักศตัรู”เขา้ไปอีกการสัง่ให้ รักเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คุณไม่สามารถสงั่ ใครใหร้ ักได้แต่คุณสามารถโนม้ นา้ วให้รักได้และผมก็หวงั วา่ จะเป็นเช่นน้นั และในความเป็นจริงฮิบรูด้งั เดิมไม่ไดบ้ อกวา่ “ใหร้ ักเพื่อนบา้ นเหมือนกบั รักตวั เอง” แต่ได้ กล่าววา่ “ใหแ้ สดงความรักกบั เพ่อื นบา้ นเพราะเขาและเธอเป็นเหมือนตวั คุณ”พวกเราท้งั หมดเป็นเหมือนกบั เด็กท่ีมาจากท่ีเดียวกนั สิ่งท่ีผมไดย้นิในการโตว้าทีก็เพื่อเหตุผลทางประวตัิศาสตร์ซ่ึงยงัขาดการวเิคราะห์ ตนเองในส่วนต่างๆของโลกท่ีเราอาศยั อยู่ แต่รวมถึงโลกมุสลิมดว้ ยและการขาดความสามารถในการ มองเห็นถึงความคิดเห็นของผอู้ ื่น 
  ตวั อยา่ งเช่น ผมขอโตแ้ ยง้ ในที่น้ีและพดู เท่าท่ีผมสามารถพดู ไดด้ งั ที่ผมรู้สึกเจบ็ ปวดลึกๆจากภายใน ดว้ ยกบั ความขดั แยง้ ในตะวนั ออกกลาง และความขดั แยง้ ระหวา่ งอิสราเอลและปาเลสไตน์ ผมอยฝู่ ่ ายซา้ ยคือ ฝั่งสันติภาพ แต่ความเป็นจริงคือไม่มีเรื่องไหนที่ขาวหรือดา ไม่มีเรื่องไหนที่มีเพียงดา้ นเดียว ตะวนั ออก กลางไม่ใช่ผลผลิตของการทาลายลา้ ง ตะวนั ออกกลางคือผลผลิตของ “ใครที่อยทู่ ี่นนั่ ก่อนที่จะเป็ นอิสลาม?” “เช้ือชาติสีผวิ อะไร?”“แตกแขนงกิ่งกา้ นสาขาออกมาเป็นอะไร”และพดู ง่ายๆก็คือผมตอ้ งปกป้องตวั เองจาก ผรู้ ุกราน และบางทีผรู้ ุกรานอาจจะไม่ใช่ผรู้ ุกรานพวกแรกก็ได้ 
  ดูเหมือนพวกเราจะมีโชคชะตาที่ตอ้ งมาต่อสู้และเข่นฆ่ากนั แต่พวกเราจาเป็นตอ้ งต่อสู้กบั แนวโนม้ ที่จะมองเห็นสิ่งท่ีเป็นสีขาวหรือสีดา และวธิ ีท่ีจะทาสิ่งน้ีไดก้ ็คือการแสดงความรัก และความเอาใจใส่ ผม พดู ไดอ้ ยา่ งสัตยซ์ ่ือเลยวา่ ไม่มีใครเลยสักคนที่ผมพบที่หอ้ งในวนั น้ีและไดพ้ ดู คุยที่ผมไม่ไดร้ ู้สึกรัก เพราะรัก ทาใหผ้ มรู้สึกวา่ ผมสามารถคน้ หาแนวทางท่ีถูกตอ้ งและคน้ พบวธิ ีการแกป้ ัญหา ถา้ เราอยากที่จะทาให้ บรรลุผล ดงั เช่นท่ีท่านนิพนธ์ไดก้ ล่าวไวค้ ือการแสดงความรัก และในการทาเช่นน้นั เราตอ้ งมองเห็นเรื่องราว ของผอู้ ่ืนและตระหนกั ไวว้ า่ ยงั มีเรื่องราวของคนอื่นๆอีก และเราตอ้ งมองหาวธิ ีที่จะเขา้ ถึงมนั ถา้ เราสามารถ ใกลช้ ิดซ่ึงกนั และกนั เท่าที่เป็นไปได้ 
 
นายกรัฐมนตรี เครเชี่ยน (Prime Minister Chre’tien): ผมเพียงแค่อยากจะหยบิ ยกประเด็นหน่ึงข้ึนมา
หลงั จากที่ไดฟ้ ังการโตว้ าทีไปแลว้ ไม่มีใครที่พดู เกี่ยวกบั ความจาเป็นในการแยกศาสนาออกจากการเมือง ผมมาจากสงัคมท่ีศาสนามีอิทธิพลเหนือการเมืองเมื่อ100กวา่ปีก่อนในปัจจุบนัการแยกระหวา่งศาสนจกัร และรัฐอยใู่ นประเทศของผมแลว้ ผมไดฟ้ ังคุณและประทบั ใจวา่ ศาสนาก็คือสงั คม อิทธิพลของศาสนาต่อ กระบวนการทางการเมืองน้นั เด่นชดั ในความคิดเห็นของผมนนั่ จะนาไปสู่การทารุณกรรมเพราะใน ความคิดผมจิตวญิ ญาณของบุคคลเป็นเร่ืองส่วนตวั เป็นความเชื่อมนั ของคุณโดยตรงต่อผสู้ ร้างซ่ึงสาคญั แต่ การแปลความหมายวา่ ความเชื่อในพ้ืนท่ีการเมืองจะนาไปสู่ความขดั แยง้ และผมไม่ไดย้ นิ เมื่อเชา้ น้ีวา่ จาเป็นที่ เราจะตอ้ งแยกการเมืองออกจากศาสนาและเม่ือคุณมีการแบ่งสรรปันส่วนที่เคร่งครัดเช่นน้ีจะทาใหเ้กิด ปัญหาดงัที่เกิดกบั ประธานาธิบดีของไนจีเรียซ่ึงปัญหาเกิดข้ึนมาจากการท่ีศาสนาอยเู่หนือการเมือง 


ศาสตราจารย์ ชาง (Prof. Chang) : ผมคิดวา่ ประเด็นพ้ืนฐานในการพยายามที่จะหาอิสระทางจริยธรรมของ ความเช่ือทางศาสนา แต่ผมเชื่อวา่ การอภิปรายของเราเมื่อเชา้ น้ีดูเหมือนจะเนน้ ไปท่ีประวตั ิศาสตร์สีเงิน หรือ เรากาลงั สุ่มเอาสิงท่ีโลกเป็นในปัจจุบนั แลว้ เรานาเอามาตีความออกมาแตกต่างกนั อาจจะเป็นประโยชน์ เล็กนอ้ ยท่ีจะมองประวตั ิศาสตร์เพื่อดูวา่ รัฐในปัจจุบนั เกิดข้ึนมาไดอ้ ยา่ งไรและในบริบทนนั อาจจะเป็น ประโยชนถ์ า้ เรามองในประเดน็ ของการญิฮาดมุญาฮิดีนเป็นตน้ และประเด็นเหล่าน้ีถูกตีความถูกนามาใช้ หรือใชไ้ ปในทางท่ีผดิ อยา่ งไร 
  เพราะเราอยใู่ นเวยี นนา ผมเลยจะเล่าในช่วงปี 1530ท่ีออตโตมานไดอ้ อกไปจากเวยี นนาหลงั จากพา่ ย แพ้ แมแ้ ต่ในช่วงเวลานนั สุลต่านของออตโตมานก็ยงั ไม่ใชค้ าวา่ ญิฮาด แต่ใชค้ าวา่ ระบบ กดั ญิส (Gadjis) ซ่ึง ก็คือการต่อสู้เพอื่ ขยายอณาเขตของอิสลามในคาจากดั ความของคุณนนั ผมไม่คิดวา่ จะเป็นจุดประสงคเ์พ่ือ การขยายอณาเขตเพ่อื อิสลามแต่กดั ญิสเป็นเครื่องมือท่ีมีประโยชนส์ าหรับสุลต่านซินเจียงไดก้ ลายเป็นรัฐ อิสลามเพราะมีกลุ่มคนไดท้าการญิฮาดในศตวรรษที่11ผคู้นที่ปัจจุบนัเป็นชาวอุซเบกิสถานและเตอกิสถาน ไดเ้ ขา้ โจมตีตะวนั ออก ผคู้ นนบั ถือศาสนาพุทธ ลทั ธิ Menschenism และศาสนาคริสต์ แต่การญิฮาดใน ศตวรรษท่ี 11 ไปจนถึงศตวรรษที่ 15 ไดท้ าใหซ้ ินเจียงเป็นพ้นื ท่ีท่ีมีมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่ ดงั นนั เราจะเห็น ไดว้ า่ ประวตั ิศาสตร์และความเชื่อทางศาสนาที่ทาใหป้ ระเทศดาเนินมา 


ประธานาธิบดี โอบาซานโจ : ผมเช่ือวา่ สิ่งที่ศาสนาทาไม่ใช่เพยี งแต่การกาหนดวา่ จะอยอู่ ยา่ งไรในสังคม มนุษย์หรือพวกเขามีการติดต่อทางการเมืองศาสนาและสังคมอยา่งไรเท่าน้นั แต่พวกเขายงักาหนดใหก้าร ลงโทษเป็นวธิ ีท่ีจะทาใหค้ ุณเชื่อในสิ่งที่ศาสนกาหนด ผมคิดวา่ สาหรับศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลามและ ศาสนายวิ ยงั มีชีวติ หลงั ความตายและมีการตดั สินข้ึนอยกู่ บั วา่ คุณใชช้ ีวติ อยา่ งไร ผมเช่ือวา่ ศาสนาอ่ืนอยา่ ง ฮินดู ชินโตก็ตดั สินจากสิ่งที่คุณทาเช่นเดียวกนั และคุณจะกลบั มาอยใู่ นสถานะที่สูงกวา่ หรือต่ากวา่ และ ลงโทษคุณเพอื่ ใหแ้ น่ใจในสิ่งท่ีศาสนากาหนด แลว้ คุณก็เก็บรักษามนั ไว้ ถา้ คุณไม่รักษามนั ไวก้ ็จะมีการ ลงโทษ 
  แต่เมื่อคุณข้ึนมาแลว้ พดู วา่ ศาสนาของคุณมองวา่ ผมเป็นผปู้ ฏิเสธและคุณควรท่ีจะต่อสู้กบั ผมเพราะ เป็นคาสงัสุดทา้ ยเช่ือฟังคาสังสุดทา้ ยใหต้ ่อสู้กบั ใครก็ตามท่ีไม่ใช่มุสลิมตอนน้ีมนั ทาใหผ้ มเป็นห่วงกบั
ทอ้ งถิ่นที่ผมมา ประเทศท่ีผมมา ภมู ิภาคท่ีผมมา และทาใหผ้ มเป็ นห่วงไปทวั่ โลก และน่ีคือประเด็น ผมเชื่อวา่ ไม่วา่ น้ีจะเป็นการตีความท่ีเสรีรหรือศาสดามฮู าหมดั ไดก้ าหนดสิ่งน้ีมาหรือไม่แต่สถานการณ์ไดเ้ปล่ียนไป แลว้ ผมมนั่ ใจวา่ ถา้ หากศาสดามูฮาหมดั ยงั คงอยใู่ นปัจจุบนั คาสัง่ ของท่านก็อาจจะแตกต่างออกไป 
  อยา่ งท่ีผมไดพ้ ดู กบั พีน่ อ้ งชาวคริสตข์ องผมวา่ ถา้ พระเยซูยงั คงอยทู่ ่านคงจะไม่ไปเยรูซาเล็มโดยใช้ ลา ท่านอาจจะนงั่ เฮลิคอปเตอร์ นนั่ คือความเปลี่ยนแปลงที่เราตอ้ งสนใจ ความกงั วลของผมก็คือเป็ นไป ไม่ไดแ้ น่ที่เราจะมีชิวติ อยใู่ นแอฟริกา โดยเฉพาะแอฟริกาตะวนั ตก ถา้ หากวา่ สารจากอลั กุรอ่านไดส้ งั่ ใหท้ า การญิฮาดกบั ผมู้ ิไดศ้ รัทธา แน่นอนวา่ ยอ่ มไม่เกิดความสงบสุข และอยา่ ปล่อยใหเ้ ราหลอกลวงตวั เราเองอยู่ เลยเราไม่มีบทบาทที่จะนาเอาสองฝ่ายมาถกประเด็นอยา่ งเคร่งเครียดกนั ผมคิดวา่ คุณคงจะช่วยได้ 

ดร. อลั ซาเลม็ : ก่อนอ่ืน ความเขา้ ใจท่ีเป็ นกลางของอลั กุรอ่านและซุนนะห์ไดน้ าพาผนู้ าทางศาสนาจากยคุ กลางมายงั ยคุ ของเรา และพวกเขาจะเขา้ ใจอลั กุรอ่านและซุนนะห์ในแบบสมยั ใหม่ ถา้ มีความเขา้ ใจใหม่ ทาไมเราจึงจาเป็นตอ้ งการผนู้ าทางศาสนา มีชีวติ ใหม่ ทุกอยา่ งใหม่หมด และนกั เศรษฐศาสตร์หรือวศิ วกรก็ ยอ่ มเขา้ ใจไดด้ ีกวา่ ผนู้ าศาสนา ปัญหาของการเขา้ ใจผดิ คือเราไม่มีนกั บวชหรือโบสถใ์ หป้ ฏิบตั ิตาม ใน อิสลามทุกคนสามารถเป็นผนู้ าศาสนาได้นนั่ คือปัญหาของเราเราทีประวตั ิศาสตร์มา1400ปี และมนั ก็ เปล่ียน ถา้ หากวา่ เริ่มท่ีจะเขา้ ใจหลกั การตามบริบท ทุกคนก็จะทาใหศ้ าสนากลายเป็นสิ่งที่เขาตอ้ งการ แต่ละ กองทพั ก็จะสู้รบกนั ตามความเขา้ ใจที่ตีความมาจากบริบท หลงั จากน้นั ก็จะไม่มีกฎใดๆ ดงั น้นั เราจึงตอ้ ง กลบัมาท่ีตารา 

ศาสตราจารย์ ไซคลั : คุณกาลงั พยายามบอกวา่ เราควรท่ีจะปฏิบตั ิตามอลั กุรอ่านที่ถูกเขียนข้ึนมาในศตวรรษที่ 7 ตามสภาพแวดลอ้ มในศตวรรษที่ 7 ใช่หรือไม่ หรือเราควรท่ีจะนาเอาบริบทมาพจิ ารณาในแง่ของการ นาเอาอิสลามมาประยกุ ตใ์ ชต้ ามการเปล่ียนไปของเวลาและสภาพแวดลอ้ ม สิ่งที่ท่านศาสดาไดเ้ หลือไวใ้ หเ้ รา คือการประยกุตใ์ชอ้ิสลามเวลาและสภาพแวดลอ้มที่เปล่ียนไปไม่ใช่เวลาที่หยดุนิ่ง 


5.การค้นพบจริยธรรมและบทบาทของจริยธรรมในการตัดสินใจในมมุ มองใหม่ 

ประธานวาระโดยฯพณฯจอร์จวาสซิลอิ ู 
อดีตประธานาธิบดีไซปรัส 
แมว้ า่ แนวคิดเร่ืองจริยธรรมสากล ท่ีมีอยใู่ นศาสนาสาคญั จะเป็นความคิดแบบสุดโต่งในปี 1987 ตอนท่ีสภา ปฏิสัมพนั ธ์เริ่มส่งเสริมแนวคิดดงั กล่าว แต่ปัจจุบนั กรอบความคิดน้ีเป็นที่ยอมรับร่วมกนั มากข้ึน ปัญหาคือ การนาเอาแนวคิดมาใชป้ ฏิบตั ิในการตดั สินใจทางการเมืองและเศรษฐกิจ 
  ผแู้นะนาท่านท่ี1ศาสตราจารยเ์คิร์กแฮนสันไดบ้ รรยายใหเ้ห็นวา่การนาจริยธรรมร่วมกนั มาใชน้ า ทางในการตดั สินใจทางการเมืองและเศรษฐกิจมีความยุ่งยากซับซ้อนเพียงใด ในทางธุรกิจการต่อสู้กัน ระหว่างผลกาไรกับจริยธรรมจะไม่มีวนั จบสิ้น ปัญหาสาคัญที่คอยเหนี่ยวร้ังบริษทั ต่างๆ จากการนา มาตรฐานทางจริยธรรมมาใชไ้ ดแ้ ก่ ความเสียเปรียบในการแข่งขนั แรงกดดนั จากตลาดการเงิน การตดั สินใจ เพื่อส่งเสริมสวสั ดิภาพของมนุษยใ์ นวงกวา้ งมกั ไม่มีอานาจตามกฎหมายมารองรับ ในส่วนของรัฐบาล การ ต่อสู้ระหวา่ งสามสิ่งซ่ึงไดแ้ ก่ มนุษยธรรม ผลประโยชน์ชาติ และผลประโยชน์ส่วนตนของผนู้ า จะดารงอยู่ เสมอ ศาสตราจารยแ์ ฮนสันถึงกบั เป็นห่วงวา่ จะมีคาตอบท่ีชดั เจนต่อการประยกุ ตจ์ ริยธรรมสากลกบั การเมือง และเศรษฐกิจไหม 
  ดร. มโน เมตตานนั โท ผแู้ นะนากรอบความคิดเรื่องการรวมตวั กนั ของศีลธรรม ดว้ ยการบรรยาย เรื่องมงคลสูตรซ่ึงเป็นกรอบความคิดโบราณเกี่ยวกบั ปฏิบตั ิในสิ่งที่นามาซ่ึงความสุขความเจริญ(มงคล)โดย ศาสนาพุทธนิกายเถรวาท คนไทยต่างก็มีส่วนในพฒั นาการทางสังคมผา่ นสิ่งน้ี และสร้างการรับรู้เก่ียวกบั สังคมวา่มีความเป็นพลวตั เขาไดเ้สนอต่อรัฐบาลไทยให้ใส่กรอบความคิดน้ีลงในบตัรประจาตวัประชาชน (จดั ให้ประชาชนผมู้ ีอายุ7ปีบริบูรณ์เป็นตน้ ไป)สามารถทาไดด้ ว้ ยการให้เครดิต(คะแนน)จากการที่เด็กๆ และเยาวชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางจริยธรรมโดยสมคั รใจผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้เป็นรางวลั (คะแนน)ประกอบเพื่อการศึกษาในระดบั สูงข้ึนและการฝึกอบรมวชิ าชีพ 
  ฯพณฯ ชีค เอ อลั -กรุ ายชิ นาเสนอทศั นะของเขาต่อจริยธรรมทางการเงิน วกิ ฤติการเงินโลกในระยะ หลงั เป็นผลจากการล่มสลายของจริยปฏิบตั ิ (พฤติกรรมที่ชอบดว้ ยหลกั จริยธรรม)ในอุตสาหกรรมการเงิน และการขาดความรับผิดชอบของผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมายต่อลูกคา้ สูงสุด ความโลภสอนให้เราปฏิบตั ิต่อผอู้ ื่น เสมือนเป็นวตั ถุให้แสวงหาประโยชน์ไม่ใช่ในฐานะท่ีเป็นมนุษยซ์ ่ึงตอ้ งไดร้ ับการดูแลเอาใจใส่ให้ไดต้ าม เป้าหมายที่ตอ้ งการศาสนาที่ยงิ่ ใหญ่สามารถช่วยภาคการเงินได้จริยธรรมมีความสาคญั และควรมีการสอน หลกั จริยธรรมพ้ืนฐานในบา้ นเรือนและโรงเรียน เพราะกฎเกณฑ์และขอ้ บงั คบั ต่างๆ ไม่สามารถมาแทนที่ ความซื่อสัตยส์ ุจริตของบุคคล เขาย้าวา่ การยดึ มนั่ ต่อค่านิยมทางศีลธรรมคือวธิ ีแกป้ ัญหาเดียวสาหรับสังคมท่ี กาลงั เส่ือมทรามและเกิดภาวะอนาธิปไตยทางวฒั นธรรม 
  ดร. ฮมั ซาห์ อลั ซาเลม เสนอเร่ืองการปลดปล่อยจริยธรรมของอิสลามและคานึงถึงในกระบวนการ ตดั สินใจโดยผนู้ ารัฐบาลชาติอิสลาม เขาบอกวา่ จริยธรรมของอิสลามอยภู่ ายใตข้ อ้ จากดั และขอบเขตเฉพาะ และไม่ไดก้ ลมกลืนกบั จริยธรรมของมนุษยท์ วั่ ไปในส่วนท่ีเก่ียวกบั การละทิ้งการใชค้ วามรุนแรงและการ นองเลือด การปลดปล่อยจริยธรรมอิสลามจากข้อจากัดดังกล่าว เป็นสิ่งที่ทาได้โดยการกาจดั สิ่งท่ีนัก นิติศาสตร์ไดน้ าเสนอไว้และใส่มนั ไวใ้ นศาสนาเม่ือหลายศตวรรษก่อนซ่ึงก็จะเป็นการกาจดั โครงสร้างทาง ศาสนาที่จูงใจพวกสุดโต่งทงั หลาย เขาบอกว่า บทบญั ญตั ิของนิกายวาฮะบีเหมาะที่สุดสาหรับการแก้ไข ขอ้ บกพร่องที่เกิดข้ึนในโลกมุสลิม 

ในการอภิปรายต่อมา หลายท่านพดู ถึงความไม่ลงรอยระหวา่ งความปรารถนาที่จะทาสิ่งต่างๆให้ถูกตอ้ งตาม หลกั จริยธรรม กบั การปฏิบตั ิจริง ผนู้ าทางการเมืองแยง้ ว่าจริยธรรมอย่างเดียวไม่เพียงพอ จึงตอ้ งพ่ึงความ ช่วยเหลือจากกฎเกณฑแ์ ละขอ้ บงั คบั เพราะมนุษยก์ ็ยงั คงเป็นมนุษยท์ ี่ยงั หลงอยใู่ นสิ่งยวั่ ยุนกั การเมืองเองก็ ตกอย่ภู ายใตค้ วามกดดนั เสมอ คดีการรับสินบน ซ่ึงเป็นการติดสินบนเพ่ือให้มีการหักลดหย่อนภาษีของ ธุรกิจกลบั ไม่ถูกลงโทษ ในท่ีสุดก็ถูกนามาอภิปราย บางรัฐบาลไม่เคยเห็นดว้ ยกบั การควบคุมอุตสาหกรรม การเงินตวั อย่างเช่นเพราะกลวั วา่ จะเป็นอนั ตรายต่อภาคส่วนเศรษฐกิจแนวหนา้ ของตนที่ประชุมพิจารณา กนั วา่ ควรจะกดดนั ผนู้ าใหป้ ฏิบตั ิตนอยา่ งมีจริยธรรมหรือไม่และควรกดดนั อยา่ งไร แบบอยา่ งของบทบาทที่ ด ี ซ ่ ึ ง ไ ด ก้ า ร ซ ื ่ อ ส ั ต ย ส์ ุ จ ร ิ ต แ ต ่ ก ็ ย งั ป ร ะ ส บ ค ว า ม ส า เ ร ็ จ ไ ด ้ เ ป ็ น ส ิ ่ ง จ า เ ป ็ น ซ ่ ึ ง ต ร ง น ้ ี ก า ร ศ ึ ก ษ า ม ี ส ่ ว น อ ย า่ ง ส า ค ญั นอกจากน้ีสานึกแห่งจริยธรรมก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ไดส้ าหรับคนในวงกวา้ ง ไม่ว่าจะเป็นส่ือ หน่วยงานนิติ บญัญตัิและวทิยาศาสตร์เพ่ือใหบ้ริษทัท้งัหลายและนกัการเมืองอยภู่ายใตก้ารตรวจสอบของสาธารณะและ มีการเนน้ ถึงความสาคญั ของความโปร่งใสดว้ ย 
  แมว้ า่ โดยรวมแลว้ ทศั นะท้งั หลายจะออกมาในเชิงมองโลกในแง่ร้าย แต่ก็ยงั พอมีเสียงที่มองโลกใน แง่บวกอย่บู า้ ง นนั่ คือมีการปรับปรุงแกไ้ ขสาคญั ๆ เกิดข้ึนในช่วงเวลาที่ผ่านมาจากการริเริ่มโดยคนๆเดียว หรือสถาบนั เลก็ ๆท่ีนาเอาพนั ธะสัญญาของตนมาเป็นสิ่งสาคญั สูงสุดในวาระของตนซ่ึงค่อยๆดาเนินการที ละข้นั ตอน จนมีอิทธิพลต่อการกาหนดวาระทางการเมืองไดใ้ นท่ีสุด นี่คือการสร้างจิตสานึก ดงั น้นั มนั จึง เป็นสิ่งท่ีจาเป็นต่อการเพมิ่ ปากเสียงของกลุ่มเกี่ยวกบั ประเดน็ ทางจริยธรรมใหด้ งั ข้ึนเรื่อยๆ 


จากจริยธรรมสากลสู่การตัดสินใจโดยยดึ หลักจริยธรรมในภาครัฐบาลและธุรกจิ 
 

ผ้แู นะนาท่านที่ 1 ศาสตราจารย์เคิร์ก แฮนสัน 
ผู้อานวยการบริหาร ศูนย์มาร์กกูลาเพ่ือการศึกษาจริยศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยซานตา คลารา สหรัฐอเมริกา 


บทนา 
รายงานน้ี ซ่ึงเป็นหน่ึงในสองฉบบั ท่ีจะนาเสนอต่อวาระเก่ียวกบั การตดั สินใจโดยยึดหลกั จริยธรรม ร่างข้ึน จากภูมิหลงั ของผมในฐานะศาสตราจารยด์ า้ นจริยธรรมของธุรกิจและองคก์ ร ที่นบั ถือนิกายโรมนั คาธอลิก ในหน้าถดั ไป ผมจะบรรยายถึงความยากลาบากของการนาหลกั จริยธรรมสากลซ่ึงแมจ้ ะเป็นที่ยอมรับกนั ทวั่ ไป มาใชใ้ นทางปฏิบตั ิเพื่อประกอบการตดั สินใจทางการเมืองและเศรษฐกิจ 
  การแสดงบทบาทผูน้ าเพ่ือการส่งเสริมจริยธรรมสากลของสภาปฏิสัมพนั ธ์นบั ว่ามีอิทธิพลอย่าง มากไม่ใช่เฉพาะในการพิจารณาของสภาเท่าน้นั แต่ยงัมีอิทธิพลต่อการพิจารณาของสหประชาชาติและ องคก์ รอ่ืนๆอีกมากมาย ดว้ ยมีความเขา้ ใจกนั วา่ ไม่มีวาระใดที่สาคญั ไปกวา่ การคน้ หาและการรับรองวาระวา่ ดว้ ยศีลธรรมร่วมของทุกศาสนาและที่จริงของมนุษยชาติท้งั มวลอีกแลว้ ความเช่ือเร่ืองศีลธรรมร่วมกนั น้นั อาจเป็นความคิดสุดโต่งสาหรับสมยั ปี 1987 ซ่ึงเป็นตอนท่ีสภาเริ่มส่งเสริมเรื่องน้ี แต่แนวคิดน้ีก็เป็นที่ ยอมรับและรับรองอยา่ งแพร่หลาย 
  แต่ภารกิจน้ีไม่ใช่เร่ืองง่ายเลยเพราะศาสนาและวฒั นธรรมของแต่ละชาติต่างก็มีการสร้างประมวล กฎเกณฑท์ างศีลธรรมตามประเพณีของตนอยแู่ ลว้ และบางศาสนาซ่ึงรวมถึงนิกายโรมนั คาธอลิกของผมดว้ ย บางคร้ังก็สร้างความแตกต่างระหว่างสิทธิและคุณค่าของชนต่างชนช้นั ไม่ว่าจะเป็นทาสหรือผูท้ ่ีนบั ถือ ศาสนาอ่ืน แต่โชคดีที่โรมนั คาธอลิกและตริสต์ศาสนาโดยทวั่ ไป ไดท้ าการเปลี่ยนแปลงคร้ังสาคญั ในช่วง ศตวรรษที่แลว้ โดยหนัมายดึหลกัจริยธรรมและบทบญั ญตัิทางจริยธรรมสากลและใหเ้สรีภาพทางศาสนาแก่ ทุกคน 
  ปัจจุบนั มีโครงการที่เป็นแบบอยา่ งและดาเนินการโดยนกั เทววิทยาของศาสนาต่างๆ ซ่ึงมีส่วนร่วม ในการเสวนาเพื่อทาความเขา้ ใจความแตกต่างและสิ่งที่มีอยู่ร่วมกนั ในความเชื่อทางเทววทิ ยาและความเชื่อ ทางจริยธรรมของตน ในสภาพแวดลอ้ มเช่นน้ี เอกสาร “ปฏิญญาวา่ ดว้ ยความรับผิดชอบของมนุษย”์ ซ่ึงร่าง ข้ึนและไดร้ ับความช่วยเหลืออย่างดีเย่ียมโดยที่ปรึกษาของสภาคือ ฮนั ส์ คุง ยงั คงเป็นสัญลกั ษณ์ของสิ่งท่ี สามารถบรรลุได้โดยคนท่ีมีเจตนาดี การประชุมคร้ังน้ี เป็ นการรวมตัวกันของผูน้ าทางศาสนาจาก หลากหลายประเพณี แสดงใหเ้ ห็นถึงพลงั แห่งวสิ ัยทศั น์ดงั กล่าว 

ปัญหาทวั่ ไปของการขยบั จากหลกั การทางจริยธรรมสู่การตัดสินใจโดยยดึ หลกั จริยธรรม 
การขยบั จากจริยธรรมสากลสู่การสร้างความเขา้ ใจร่วมกนั ว่า ควรจะนาเอาจริยธรรมมาใช้ประกอบการ ตดั สินใจทางการเมืองและเศรษฐกิจเป็นงานที่มีความซับซ้อนยิง่ กว่า เพราะการเลือกเกี่ยวกบั จริยธรรมใน สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจข้ึนอยกู่ บั บริบททรัพยากรที่มีอยู่และวฒุ ิภาวะ(ระดบั ของพฒั นาการ)ของ โครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ทาการตัดสินใจ ประมวลจริยธรรมสาหรับการตัดสินใจและ มาตรการทางการเมืองและเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ทาไดย้ ากแต่ก็ใช่วา่ จะทาไม่ไดเ้ลย 
  ปัญหาท้าทายท่ีสุดก็คือบริบท การเลือกทางศีลธรรมข้ึนอยู่กับว่า น่าจะบรรลุซ่ึง “สิ่งท่ีดี” ใน สถานการณ์ที่มีซบั ซ้อนเช่นน้ีอย่างไรตวั อย่างเช่นการตอบสนองต่อปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดย ประเทศหน่ึงต่อพลเมืองของตนเอง จะข้ึนอยู่กับว่าการแทรกแซงแบบไหนจะทาให้เรื่องราวดีข้ึนได้ดี มากกว่า ในสถานการณ์หน่ึง การแทรกแซงทาง “จริยธรรม” อาจเป็นการแทรกแซงแบบใช้อาวุธ โดย พนั ธมิตรของประเทศต่างๆแต่ในสถานการณ์อ่ืนใชม้ าตรการลงโทษแต่บางสถานการณ์แค่แสดงการตาหนิ ก็เพียงพอในทานองเดียวกนั การตอบสนองของธุรกิจต่อปัญหาเศรษฐกิจตกต่าอาจใช้วิธีปลดคนงานใน กรณีหน่ึง ทาการฝึกอบรมพนกั งานใหม่ หรือบางกรณีใช้วิธีอนุญาตให้พนกั งานลาหยุด ในบางกรณีภาวะ เศรษฐกิจตกต่าเกิดข้ึนในระยะส้ัน บางกรณีไม่มีความหวงั วา่ จะมีการกลบั มาจา้ งงานใหม่ในบางบริษทั หรือ อุตสาหกรรมเลย 
  ความทา้ ทายประการที่สองคือขีดความสามารถและทรัพยากรของตวั แสดง การแทรกแซงทางทหาร ในอีกฟากหน่ึงของโลกหรือในความขดั แยง้ ซ่ึงเกิดข้ึนในหลายพ้ืนที่อาจเป็นไปไม่ได้ธุรกิจหน่ึงอาจพบวา่ ตนไม่มีขีดความสามารถท่ีจะรักษาและทาการฝึกอบรมเพิม่ เติมแก่พนกังานในช่วงเศรษฐกิจของบริษทัตกต่า 
  ความท้าทายประการที่สาม คือข้ันตอนของพฒั นาการ สังคมที่มีความมั่งคงั่ พอท่ีจะให้การ สนบั สนุนและจดั การฝึกฝนใหม่แก่พนกั งานเชื่อกนั ว่ามีพนั ธะกรณีต่อการทาเช่นน้นั มากกวา่ สังคมท่ีมีข้นั ของประวตั ิการพฒั นานอ้ ยกวา่ บริษทั บางแห่งแยง้ วา่ หลกั การเดียวกนั ที่ใชก้ บั พวกตน กล่าวคือการตดั สินใจ โดยยดึ หลกั จริยธรรมและใหค้ วามสนใจต่อผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียทุกคนมากข้ึนก็เป็นสิ่งท่ีบริษทั มีพนั ธะกรณี ว่าจะตอ้ งทาตาม ก็ต่อเมื่อบริษทั มีการเติบโตและมีเสถียรภาพพอ การตอบสนองต่อความทา้ ทายดงั กล่าว ต อ้ ง อ า ศ ยั ก า ร พ ฒั น า บ ร ร ท ดั ฐ า น แ ล ะ ม า ต ร ฐ า น ท า ง ศ ี ล ธ ร ร ม ท ี ่ ผ ู ก ม ดั ร ั ฐ บ า ล แ ล ะ ธ ุ ร ก ิ จ ใ ด ๆ ไ ม ่ ว ่ า จ ะ อ ย ่ ู ใ น พฒั นาการข้นั ใดก็ตาม แต่มาตรฐานบางอย่างจะมีผลผกู มดั จริงๆ ก็ต่อเม่ือมีการพฒั นาในข้นั ท่ีสูงข้ึนแลว้ เท่าน้นั 

ความพยายามของโรมันคาธอลกิในการจัดการกบัการตัดสินใจโดยยดึหลกัจริยธรรมในทางปฏิบัติ 
ในส่วนของนิกายโรมนั คาธอลิกน้นั พระสันตะปาปาและองคก์ รของบิชอปและผนู้ าของโบสถ์ต่างๆ ได้ พยายามที่จะอธิบายเก่ียวกบั การประยุกต์ประเพณีทางศีลธรรมไปใช้ในการกาหนดนโยบาย กับแวดวง การเมืองและเศรษฐกิจได้อย่างเหมาะสม ในสมณสาส์นของพระสันตะปาปาและแถลงการณ์อภิบาล แห่งชาติ เช่น สมณสาส์น รีรัม โนวารัม (Rerum Novarum) ปี 1891 ของพระสันตะปาปาลีโอท่ี 13 ถือวา่ เป็น สมณสาส์นที่เก่ียวขอ้ งกบั สังคมสมยั ใหม่ฉบบั แรก ส่วนสมณสาส์น คาริตัส อิน เวอริตาเต (Caritas in Veritate หรือ ความรักในความจริง) โดยพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 คือสารฉบับล่าสุด พระ สันตะปาปาฟรานซิสท่ี 1 ไดอ้ อก “อิวานเกลิ โกดิอุม” (Evangelii Gaudium หรือ ความชื่นชมยินดีแห่ง พระวรสาร) เม่ือวนั ที่ 24 พฤศจิกายน ปี 2013 ซ่ึงเป็ นสารเตือนใจเกี่ยวกบั ปัญหาการเมือง นโยบาย และ เศรษฐกิจท้งั หลาย ในประเพณีทางศีลธรรมของโรมนั คาธอลิกน้นั คาแนะนาหรือสารเตือนใจน้ีไม่ไดอ้ า้ ง อานาจในระดบั เดียวกนั กบั ที่ปรากฏอยใู่ นสมณสาส์น ท่ีสหรัฐอเมริกา องคก์ รบิชอปนิกายคาธอลิกแห่งชาติ ได้ออกจดหมายอภิบาลท่ีมีชื่อเสียงสองฉบบั ด้วยกนั ในทศวรรษ 80 ว่าดว้ ยหัวขอ้ ซ่ึงเป็นข้อกงั วลของที่ ประชุมน้ี ฉบบั แรกคือการเผยแพร่อาวธุ นิวเคลียร์และสันติภาพ และอีกฉบบั คือ ความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ แต่ในการอภิปรายเรื่องการรวบอานาจและการกระจายอานาจในศาสนจกั รโรมนั คาธอลิก(แก่ศาสนจกั รใน ทอ้ งถิ่น) ปรากฏว่าทางวาติกนั สั่งระงบั การออกแถลงการณ์ในลกั ษณะดงั กล่าวเพิ่มเติมในสหรัฐฯ รวมท้งั การประชุมของบิชอปแห่งชาติดว้ ย 
  สมณสาส์นที่ออกมาตามลาดบั น้นั มีสาระสาคญั หลายประการ หน่ึงในน้นั คือ ชีวิตและศกั ด์ิศรีของ มนุษยท์ ุกผทู้ ุกนาม, ความสาคญั ของครอบครัว, ชุมชนและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย, สิทธิและความ รับผดิ ชอบของมนุษย,์ พนั ธะกรณีพิเศษต่อผยู้ ากไร้และผดู้ อ้ ยโอกาส, ศกั ด์ิศรีของงานและสิทธิของคนงาน, ความเป็นน้าหน่ึงใจเดียวกบั ทุกคนบนโลกใบน้ี, และความเอาใจใส่และความเคารพต่อสภาพแวดลอ้ มทาง กายภาพ ท้งั น้ีหลกั การพ้ืนฐานที่รองรับเอกสารเหล่าน้ีคือสิ่งที่เรียกว่า “การเสริมอานาจปกครอง” และ ขอ้ เสนอวา่ การตดั สินใจและการนาไปปฏิบตั ิ ควรเกิดข้ึนในระดบั ที่เกิดผลในทอ้ งถิ่นท่ีสุด 
  สาหรับสมณสาส์นฉบับล่าสุด คาริตัส อิน เวอริตาเต พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงต้ัง ขอ้ สังเกตไวเ้รื่องหน่ึงว่าตลาดไม่สามารถดารงอยู่“เพื่อตวั มนั เอง” เพียงอยา่ งเดียวแต่ตอ้ งถูกสร้างข้ึนเพื่อ สนองต่อมนุษยท์ ุกคนการแสดงความห่วงใยเป็นพิเศษต่อช่องวา่ งระหว่างคนรวยกบั คนจนโป๊ปเบเนดิกต์ กระตุน้ ผนู้ าธุรกิจใหท้ าการตดั สินใจเพื่อตอบสนองต่อ “ผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสีย” ซ่ึงไดร้ ับผลจากการดาเนินงาน ของพวกบริษทั ดว้ ยการนาหลกั การ “การให้ของขวญั ” มาใชต้ ามท่ีโครงสร้างทางเศรษฐกิจดารงอยเู่ พื่อการ ตอบสนองต่อมนุษยท์ ุกคน ในสารเตือนใจ ปี 2013 พระสันตะปาปาฟรานซิสที่ 1 ไดพ้ ูดถึงความจาเป็ นของ การคานึงถึงผลประโยชน์ในการตดั สินใจดว้ ย โดยทรงแสดงความเสียใจต่อ “ระบบเศรษฐกิจของการกีดกนั และ การหลงใหลเงินอยา่ งไม่ลืมหูลืมตาคร้ังใหม” 

ปัญหาเฉพาะบางอย่างของการนาหลกัจริยธรรมมาใช้ในการตัดสินใจ 
ในฐานะนกั จริยธรรมธุรกิจคนหน่ึง ผมใชเ้ วลาท้งั ชีวติ เพื่อจดั การกบั ภารกิจของการผลกั ดนั ให้มีการนาหลกั จริยธรรมมาใช้ประกอบการตดั สินใจ หลายคนเขียนหนงั สือเก่ียวกบั ความตึงเครียดโดยธรรมชาติ ระหวา่ ง ตรรกะของทุนนิยมและการให้ความสาคญั ต่อการสร้างผลกาไรสูงสุดกบั ค่านิยมทางจริยธรรมความตึง เครียดน้ีเป็นจริงและแสดงตวั ตนของมนั ให้เห็นอยา่ งชดั เจนในปัจจุบนั ท้งั ที่มีความพยายามประนีประนอม ท้งั สองฝ่ายแลว้ 
  ความพยายามท่ีดีงามเพื่อการประนีประนอมระหว่างจริยธรรมกับลัทธิทุนนิยม ได้แก่ “หลัก จริยธรรมสากล”จานวนมากมายที่บรรดาเอ็นจีโอ(องคก์ รที่ไม่ใช่ของรัฐบาล)และธุรกิจต่างๆนาไปใชเ้พื่อ จดั การกบั พฤติกรรมทางการคา้ โดยเฉพาะ หน่ึงในน้นั คือมาตรฐานห่วงโซ่อุปทานเพื่อเป็นแนวทางในการ ปฏิบตั ิต่อพนกั งานและสิ่งแวดลอ้ ม มาตรฐานทางดา้ นสิ่งแวดลอ้ มโลกในส่วนที่เกี่ยวกบั การใชน้ ้าและมลพิษ การทาการคา้ในยามท่ี“เกิดความขดัแยง้ดา้นวตัถุดิบ”และพนัธะสัญญาต่อการต่อสู้การฉ้อราษฎร์บงัหลวง ดว้ ยความหวงั วา่ หลกั จริยธรรมสากลและมาตรฐานอ่ืนๆที่คลา้ ยกนั จะแกป้ ัญหาพ้ืนฐานสามประการที่ธุรกิจ ทวั่ โลกกาลงั เผชิญอยู่ 
  ปัญหาแรกคือความเสียเปรียบในการแข่งขนั ธุรกิจต่างๆจะรู้สึกว่าตนสามารถดาเนินการอย่างมี ความรับผิดชอบโดยไม่เสียเปรียบในการแข่งขนั ถา้ ร่วมมือกนั นาแนวปฏิบตั ิทางธุรกิจท่ีชอบดว้ ยจริยธรรม และดว้ ยความเขา้ ใจกนั อยา่ งแพร่หลาย ความจริงก็คือไม่มี หลกั จริยธรรมโดยสมคั รใจแกไ้ ขปัญหาน้ีไดโ้ ดย สมบูรณ์ เพราะย่อมจะตอ้ งมีธุรกิจที่พร้อมจะละเลยมาตรฐานทางจริยธรรมเพื่อประหยดั เงินของตนเสมอ จะตอ้ งมีประเทศที่มาตรฐานทางกฎหมายหย่อนยาน และบริษทั ที่สามารถดาเนินการดว้ ยตน้ ทุนที่ต่ากว่า เสมอ 
  ปัญหาที่สองคือ แรงกดดนั อยา่ งหนกั จากตลาดการเงิน ซ่ึงเรียกร้องใหบ้ ริษทั ตอ้ งดาเนินธุรกิจอยา่ งมี ผลกาไรอยา่ งต่อเน่ืองโดยดูเป็นรายไตรมาสกนั เลยทีเดียวผนู้ าธุรกิจหลายคนซ่ึงเชื่อวา่ การตดั สินใจโดยยึด หลกั จริยธรรมเป็นผลดีต่อความสามารถในการทากาไรในระยะยาว จึงรู้สึกวา่ ถูกบงั คบั ให้ตอ้ งหลีกเลี่ยงการ ตดั สินใจที่ตอบสนองประโยชน์ของมนุษย์ และการตดั สินใจที่ชอบดว้ ย “หลกั จริยธรรม” เพื่อรักษาผลการ ดาเนินงานในระยะส้นั ใหส้ ูงเขา้ ไว้ซ่ึงไม่เป็นผลดีต่อท้งั ผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียท่ีถูกละเลยผลประโยชน์ และต่อ ตวั เศรษฐกิจเอง 
  ปัญหาที่สามคือ การขาดอานาจทางกฎหมายรองรับในบางประเทศ เพื่อการสนบั สนุนผจู้ ดั การใน สาขาวิชาชีพต่างๆ ให้ตัดสินใจโดยคานึงถึงสวสั ดิภาพของมนุษย์ในวงกวา้ ง กฎบตั รของบริษัท ใน สหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ผกู มดั คณะกรรมการบริษทั และผจู้ ดั การใหต้ อ้ งสนองประโยชน์ของผถู้ ือหุ้น เท่าน้นั ไม่ใช่ใครอ่ืน แมว้ า่ จะพอมีช่องวา่ งสาหรับการวนิ ิจฉยั หรือการตดั สินใจทางธุรกิจอยบู่ า้ ง แต่พวกเขาก็ ถูกโตแ้ ยง้ ถา้ มนั เกี่ยวขอ้ งกบั ผลประโยชน์ในระยะยาวของผถู้ ือหุน้ 
  ปัญหาที่สี่ซ่ึงผูท้ ่ีอย่ใู นวงการธุรกิจอา้ งถึงคือ ไม่มีหลกั จริยธรรมสากลหรือฉันทามติเก่ียวกบั หลกั จริยธรรมสากล ในขณะที่บริษทั ก็ตอ้ งเผชิญกบั ความคาดหวงั เร่ืองจริยธรรมที่ขดั แยง้ กนั จากวฒั นธรรมของ ชาติที่แตกต่างกนั ไป คนทาธุรกิจบางคนถึงกลบั ยกเลิกความรับผิดชอบทุกอย่างในจุดน้ี และบอกว่าจะ ตอบสนองเฉพาะที่กฎหมายกาหนดเท่าน้นั ในแต่ละเขตอานาจตามกฎหมายท่ีตนเขา้ ไปทาธุรกิจเท่าน้ัน จริงๆแลว้ “ปรัชญาของการปฏิบตั ิตามกฎ”ไดก้ ลายเป็นแนวปฏิบตั ิของการทางานที่สาคญั ของบริษทั ระดบั โลกหลายแห่งแมไ้ ม่ใช่ส่วนใหญ่ 

จะสร้างความก้าวหน้าสู่การตัดสินใจโดยยดึ หลกั จริยธรรมสากลอย่างไร 
ช่วงตน้ ของรายงานน้ี ผมได้พูดถึงพฒั นาการของหลกั จริยธรรมการดาเนินธุรกิจการคา้ โดยสมคั รใจเป็น หลายสิบหรือเป็นร้อยๆขอ้ หลกั จริยธรรมดงั กล่าวช่วยให้ “ทุกฝ่ายมีโอกาสโดยทดั เทียมกนั ” และทาให้ ผจู้ ดั การมีความชอบธรรมในการโตแ้ ยง้ ว่าหลกั จริยธรรมโดยสมคั รใจเป็นส่วนหน่ึงในการปกป้องและ ส่งเสริมผลประโยชน์ในระยะยาวของผถู้ ือหุน้ 
  ไม่มีพลงั ใดจะแปลงฉันทามติเกี่ยวกบั หลกั จริยธรรมสากลให้กลายเป็นการตดั สินใจโดยยึดหลกั จริยธรรมได้ไม่วา่ จะเป็นกิจการทางการเมืองหรือเศรษฐกิจแต่หลกั จริยธรรมโดยสมคั รใจและพฒั นาการท่ี เกี่ยวขอ้ งโดยเฉพาะอื่นๆ อีกหลายอยา่ งจะเป็ นผลดีต่อการแปลงฉนั ทามติใหเ้ ป็ นการปฏิบตั ิได้ 
  ปัจจุบนัมีขบวนการในระดบัโลกผลกัดนัใหม้ีการออกกฎหมายและขอ้กาหนดในบางส่วนเพ่ือให้มี การนาบรรทดั ฐานสากลเก่ียวกบั สิทธิมนุษยชน มลพิษทางสิ่งแวดลอ้ ม การฉอ้ ราษฏร์บงั หลวง รวมท้งั สิทธิ ผบู้ ริโภคมาปฏิบตั ิ การรณรงคด์ งั กล่าวไดร้ ับการสนบั สนุนจากสหประชาชาติ โออีซีดี (องคก์ ารเพื่อความ ร่วมมือและการพฒั นาทางเศรษฐกิจ) และสมาคมเศรษฐกิจระดบั ภูมิภาค ตวั อย่างของความพยายามเพื่อ ผลกั ดนั จริยธรรมโดยสมคั รใจที่มีความโดดเด่นที่สุดอยา่ งหน่ึงคือ ขอ้ ตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) ซ่ึงปัจจุบนั มีอายุไดส้ ิบกวา่ ปีแลว้ และประกอบดว้ ยหลกั สากลของการดาเนิน ธุรกิจของบริษทั 10 ประการ และมีบริษทั และสมาคมต่างๆ ร่วมลงนามในขอ้ ตกลงหลายพนั รายดว้ ยกนั โดย ในบางส่วนมีความคืบหน้าอย่างมาก ตัวอย่างเช่นหลักสากลเรื่องการต่อต้านการทุจริตในประเทศ อุตสาหกรรมส่วนใหญ่แต่ก็อย่างที่หลายคนคาดไว้การนากฎหมายมาบงั คบั ใช้ให้เป็นมาตรฐานตอ้ งใช้ เวลานานและไม่ค่อยมีความสอดคลอ้ งกนั มากนกั 
  ดว้ ยตระหนกั วา่ การปฏิบตั ิตามกฎหมายและขอ้ กาหนด จะส่งผลให้เกิดเป็ นการดาเนินธุรกิจที่ดีข้ึน และส่งผลเสียต่อสวสั ดิภาพของมนุษยน์ ้อยลง จึงเกิดขบวนการเพื่อส่งเสริมให้มี “การปฏิบตั ิตามหลัก จริยธรรมของบริษทั ” ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น(บางคร้ังเรียกว่า“ขบวนการเพื่อจริยธรรมของ บริษทั ” แต่การใชช้ ื่อแบบน้ีทาให้เกิดการเขา้ ใจผิด) แนวปฏิบตั ิที่เป็นเลิศเพื่อการปฏิบตั ิตามหลกั จริยธรรม ของบริษทั ซ่ึงไดแ้ ก่หลกั จริยธรรมในการดาเนินธุรกิจของบริษทั ความพยายามดา้ นการศึกษา ข้นั ตอนวธิ ีใน การสารวจตรวจสอบและวินยั น้นั มีการอภิปรายและดาเนินการอย่างกวา้ งขวางโดยบริษทั ขนาดใหญ่เป็น ส่วนใหญ่ อยา่ งไรก็ดี แมจ้ ะมีความพยายามปฏิบตั ิตาม แต่บางคนก็แยง้ วา่ “การกระทาความผิด” ของบริษทั เป็นสิ่งที่เกิดข้ึนอยา่ งแพร่หลายในระยะหลงั 
  ท่ีสหรัฐอเมริกาและท่ีอ่ืนๆ ขอ้ จากดั ทางกฎหมายต่อความสามารถของบอร์ดและผจู้ ดั การมืออาชีพ ไดก้ ระตุน้ ให้เกิดขบวนการใหม่เพ่ือการบญั ญตั ิกฎหมายธรรมาภิบาลทางเลือก อนั เป็ นการใหอ้ านาจแก่ “B Corporation” (บี คอร์ปอเรชนั่ หรือ benefit corporation) จดั ต้งั และไดร้ ับมอบหมายเพื่อเป็น ธุรกิจเพ่ือสังคม โดยเฉพาะ ปัจจุบนั มีรัฐต่างๆในสหรัฐฯ ให้การรับรองกฎหมาย บี คอร์ปอเรชนั่ เกือบคร่ึงหน่ึงจากท้งั หมด 50 รัฐ แต่จานวนและขนาดของธุรกิจท่ีจดั ต้งั ภายในกฎหมายดงั กล่าวยงั คงนอ้ ยมาก 
  ประการสุดท้าย องค์การทางศาสนาได้เพิ่มความพยายาม ในการจดั การกับประเด็นเรื่องการ ตดั สินใจทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยในส่วนของโรมนั คาธอลิกน้นั ตระหนกั ดีวา่ ศาสนจกั รตอ้ งจดั การ กบั เร่ืองการตดั สินใจในทางปฏิบตั ิ แต่ท้งั น้ีก็ตอ้ งขอความช่วยเหลือจากศาสนาอ่ืนดว้ ย เนื่องจากมีผนู้ าทาง ศาสนาท่ีมีประสบการณ์เก่ียวกบั การตดั สินใจทางการเมืองและเศรษฐกิจไม่กี่คน ไม่มีความเชี่ยวชาญมาก พอที่จะพดู ในประเด็นในดงั กล่าวไดอ้ ยา่ งน่าเชื่อถือ และเมื่อมีการกระตุน้ เตือนจากการแสดงความคิดเห็น เก่ียวกบั การตดั สินใจทางเศรษฐกิจในสมณสาส์น คาริตัส อิน เวอริตาเต (ความรักในความจริง)ของโป๊ ปเบเน ดิกต์ทางสานกัวาติกนัและองคก์รของโรมนัคาธอลิกจึงสนบัสนุนการประชุมผปู้ฏิบตัิการเพื่อขยายวิสัยทศัน์ เร่ืองธุรกิจท่ีมีความรับผดิ ชอบของโป๊ปเบเนดิกต์หน่ึงในความพยายามดงั กล่าวคือการเผยแพร่หลกั คาสอน เร่ือง“กระแสเรียกของผนู้ าธุรกิจ”(VocationoftheBusinessLeader)โดยสมณสภาเพื่อความยุติธรรมและ สันติ (Pontifical Council for Justice and Peace) เอกสารดงั กล่าวส่งเสริมให้มีการเสวนาว่าจะแปลง จริยธรรมสากลใหเ้ ป็นการตดั สินใจทางเศรษฐกิจท่ีชอบดว้ ยจริยธรรมอยา่ งไร 

ภารกิจท่ีกล่าวถึงในรายงานน้ีมีสองมิติด้วยกนั คือ มิติที่หน่ึง เราตอ้ งถามตวั เองว่าตอนน้ีจะประยุกตค์ วาม เขา้ ใจร่วมกนั เกี่ยวกบั หลกั จริยธรรมสากล กบั การตดั สินใจเรื่องการเมืองและการคา้ ที่ยุ่งยากซับซ้อน โดย เป็นการตดั สินใจที่ต้งั อยบู่ นหลกั จริยธรรมสากลอยา่ งแทจ้ ริงไดอ้ ยา่ งไร ประการที่สองเราตอ้ งหาวิธีเพื่อให้ มีการนาพนั ธะสัญญาต่อการตดั สินใจโดยยึดหลกั จริยธรรม มาปฏิบตั ิในองค์กรขนาดใหญ่มีข้นั ตอนการ ทางานแบบระบบราชการซ่ึงบางคร้ังอาจมีการต่อตา้ นได้ ภารกิจท้งั สองดูแลว้ น่าหนกั ใจและไม่มีวนั จบสิ้น ในขณะท่ีบริบททางการเมือง/เศรษฐกิจก็มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงจาเป็นตอ้ งมีการตดั สินใจและ อภิปรายกนั ว่าจะประยุกตห์ ลกั จริยธรรมสากลในสภาวะปัจจุบนั อย่างไร และการตดั สินใจว่าจะประยุกต์ หลกั การดงั กล่าวในบริบทของวนั พรุ่งน้ีอย่างไรดว้ ย ลกั ษณะขององคก์ รเองก็มีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลา เช่นกนั จึงตอ้ งมีการทบทวนเก่ียวกบั การใชโ้ ครงสร้างและสิ่งจูงใจในองคก์ รเพื่อจูงใจให้มีการเลือกดาเนิน ธุรกิจท่ีชอบดว้ ยหลกั จริยธรรมอยา่ งต่อเนื่อง 
  ความเป็นจริงดงั กล่าวบอกให้รู้ว่า ไม่มีคาตอบท่ีชดั เจนและยงั่ ยืน ต่อคาถามว่าจะประยุกต์หลัก จริยธรรมสากลในโลกของการเมืองและเศรษฐกิจอยา่งไรองค์กรหลากหลายประเภทและระดบั จาเป็นท่ี จะตอ้ งตดั สินใจในเรื่องดงั กล่าว และในส่วนของผูน้ าทางการเมืองและธุรกิจเอง ก็ตอ้ งเปิดกวา้ งต่อการ ดาเนินกระบวนการดงั กล่าวอยา่ งต่อเนื่องดว้ ย 
  รายงานฉบบั น้ีมีจุดโฟกสั ที่การตดั สินใจโดยยดึ หลกั จริยธรรมขององคก์ รทางเศรษฐกิจ ท้งั น้ีองคก์ ร ที่มีภารกิจในการกาหนดนโยบายและทางการเมือง ก็ได้มีการดาเนินกระบวนการตดั สินใจในลักษณะ ดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แต่ไม่มีหลักการข้อใดตัดสินได้ตลอดกาลว่า ควรมีการแทรกแซงเพื่อ มนุษยธรรมเมื่อใด การตดั สินใจดว้ ยความรับผิดชอบซ่ึงเป็นการเคารพต่อสิทธิของผทู้ ี่ไดร้ ับผลกระทบทุก ฝ่าย และการยอมรับความรับผิดชอบท่ีแต่ละฝ่ายตอ้ งแบกรับไวน้ ้นั ตอ้ งอาศยั การเสวนาและการตดั สินใจ อยา่ งต่อเน่ือง เพื่อตอบสนองต่อกรณีเฉพาะและบริบทที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในองคก์ รของรัฐบาล น้ัน การต่อสู้ระหว่างข้อกังวลท้งั สาม ซ่ึงได้แก่ข้อกังวลเร่ืองมนุษยธรรม ผลประโยชน์ของชาติ และ ผลประโยชน์ส่วนตวั ของผูน้ า จะตอ้ งมีความตึงเครียดเกิดข้ึนเสมอ เช่นเดียวกับในธุรกิจซ่ึงมีการต่อสู้ ระหวา่ งผลกาไรและจริยธรรมตลอดเวลา 


มงคลสูตร แสดงให้เห็นว่าสังคมคือสมบตั ิร่วมของคุณธรรมของมนุษย์ (Commonwealth of Morality) 

การตีความพุทธธรรมอยา่ งเป็นระบบ

ผนู้ าเสนอที่ 2 : ดร.นายแพทย์ มโน เมตตานนั โท เลาหวณิช

ตาแหน่ง : อาจารย์ วิทยาลยั แพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ และ กรรมการ อนุ กรรมาธิการศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม วฒุ ิสภา ประเทศไทย ( สมยั นายแพทยจ์ กั รธรรม ธรรมศกั ด์ิ เป็ นประธานอนุกรรมาธิการฯ) 

  แมว้ า่ พระพทุ ธศาสนาไดม้ ีคาสอนจานวนมากเกี่ยวกบั จิตภาวนา และการพฒั นาตนเอง พระพุทธเจา้ ไม่เคยทรงตรัสถึงระบบการบริหารจดั การสังคมที่สมบูรณ์แบบและสังคมในอุดมคติ (Utopia)พระพุทธเจา้ ทรงเป็นพระศาสดาผสู้ ละโลก เพื่อแสวงหาแก่นสารของจิตวญิ ญาณ แมใ้ นพุทธศาสนาท่ีสอนกนั ตามจารีต ประเพณีไม่สนใจในเรื่องการเข้าสู่ศตวรรษใหม่ของความเจริญรุ่งเรื่อง แม้พระพุทธศาสนามีคาสอนที่ เก่ียวกบั สังคมและคดีศึกษาทางโลกกระน้นั ชาวพุทธเถรวาทท่ีเครงครัดไม่ค่อยใยดีอะไรกบั ปัญหาสังคม และความชดั แยง้ ทางสังคมที่ไม่เก่ียวของกบั ศาสนา 
  กระน้นั ขา้ พเจา้ พบว่าในพระพุทธศาสนามีคาสอนท่ีเก่าแก่อยู่ในพระสูตรสาคญั สูตรหน่ึง นนั่ คือ มงคลสูตร ซ่ึงเป็นพุทธดารัสที่วา่ ดว้ ยมงคล หรือ ลางบอกเหตุที่ดี (Good Omens) ซ่ึงสามารถนามาตีความคา สอนของพระพุทธเจา้ ไดอ้ ยา่ งเป็นระบบ ซ่ึงขา้ พเจา้ ยงั เช่ือต่อไปอีกวา่ พระสูตรน้ีสามารถเป็นพ่ืนฐานของ การสร้างชุมชนแห่งสันติภาพและความเป็นธรรมได้มงคลสูตรน้ีเป็นที่รู้จกั กนั อย่างแพร่หลายในฐานะท่ี เป็นส่วนหน่ึงของบทสวดพระปริตรซ่ึงพระภิกษุและแม่ชีสวดกนั ในงานมงคลแลพิธีการในเทศกาลเฉลิม ฉลองต่าง ๆ 
  มงคลสูตรตานานท่ีมาว่าเป็นบทสนทนาระหวา่งพระพุทธเจา้กบั เทวาตนหน่ึงซ่ึงปรากฏตนในเช ตวนั เพื่อมาถามปัญหาว่า"อะไรคือมงคล?" ซ่ึงเป็นคาถามอนั เป็นที่ถกเถียงกนั ในหมู่เทวดาและมนุษย์ ท้งั หลายมายาวนาน และพระพุทธเจา้ ทรงแสดงมงคลท้งั สิ้น 38 มงคล ซ่ึงเรียงอย่างเป็นระบบแสดงการ พฒั นาชีวติ อยา่ งบรู ณาการ อาจเรียกไดว้ า่ เป็นจริยธรรมทางสังคม และเป็นพื่นฐานการพฒั นาสังคม 

มงคลสูตร 
  คาว่า "มงคล" เป็ นศพั ทท์ ่ีตรงกนั ท้งั ในภาษาสันสกฤตและบาลี ซ่ึงมีรากของความเชื่อในสังคม จารีตนิยมวา่ก่อนเหตุการณ์ใดๆท่ีสาคญั เกิดข้ึนน้นั จะมีลางบอกเหตุเกิดข้ึนก่อนเป็นความเชื่อในเรื่องโชค ลางซ่ึงแพร่หลายในสังคมสมยั ใหม่และในโลกของพระพุทธศาสนา วฒั นธรรมต่าง ๆ มีความเชื่อในเรื่อง โชคลางท่ีหลากหลายตวัอยา่งเช่นในบางสังคมเช่ือวา่มีสีท่ีนาโชคท่ีหากสรวมใส่เสื่อผา้สีน้นั ๆจะมีความ เจริญรุ่งเรือง หรือ ลกั ษณะของอวยั วะร่างกาย ตาแหน่งรวมทง้ รูปลกั ษณ์ของบา้ นหรือสิ่งปลูกสร้างจะนาโชค มาสู่ผเู้ป็นเจา้ ของ 
  มงคลสูตรเป็นพระสูตรขนาดส้นั ในพระไตรปิฏกประกอบดว้ยโศลกในภาษาบาลีเพยีง12โศลกๆ แรกเปิดดว้ ยมงคลว่า "การไม่คบคนพาล" "การคบบณั ฑิต" "การบูชาสิ่งที่ควรบูชา" โดยที่แต่ละโศลก ยกเวน้ โศลกสุดทา้ ยปิดดว้ ยประโยควา่ "นี่คือมงคลอนั สูงสด"มลคลสูตรน้ีเป็นสูตรเดี่ยวในพระไตรปิฏกที่ นาเสนอการตีความพุทธธรรมในเชิงปฏิบตั ิอย่างเป็นระบบ และนาเสนอหลักการปฏิบัติอย่างเป็นรูป แบบอยา่ งเป็นรูปธรรมอยา่ งคนเส้นคงวา และแสดงวา่ พระพุทธเจา้ ทรงปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมที่พระองคท์ รง แสดงอยา่ งครบถว้ นตามมงคลเหล่าน้ี 
  ท้งั 12 โศลกของมงคลสูตร แสดงทศั นะที่มองโลกแบบองคร์ วมของพระพุทธศาสนา มงคลหรือ ลางดีท้งั หลาย ไม่ไดน้ าเสนอแบบเปะปะ แต่มีการจดั เรียงลาดบั ความสาคญั อย่างเป็นระบบ เรียงกนั อย่างมี นยั สาคญั จากภายนอกสู่ภายใน ง่ายไปยาก นาผูป้ ฏิบตั ิสู่แนวทางการพฒั นาชีวิตของตนดว้ ยมงคลต่าง ๆ จนกระทงั่ สู่การปฏิบตั ิจิตภาวนาในข้นั สูง (จิตปราศจากความโศก ปราศจากทุลี จิตเกษม) ความหมายของ มงคลนนั เชื่อมโยงกบั ความสุข ความสาเร็จที่กาลงั จะมาถึงในอนาคต ในนยั หน่ึงมงคลสูตรคือ การปฏิรูป ความเช่ือในเร่ืองโชคลางในสังคนอินเดียในยุคโบราณ สู่จริยธรรม ในยุคแรก ๆ ที่คณะภิกษุและภิกษุณีใน พระพุทธศาสนาตอ้ งเผชิญกบั ความเชื่อในเรื่องโชคลางของขลงั ในสังคมทอ้ งถินของอินเดียโบราณ 
  ในอีกนยั หน่ึงมงคลสูตรแสดงให้เห็นถึงความสัมพนั ธ์ระหว่างหลกั ธรรมในพระพุทธศาสนา ซ่ึง แสดงกระบวนการพฒั นาทางจิตวิญญาณ เมื่อปฏิบตั ิมงคลหน่ึงก็จะนาไปสู่อีกมงคลหน่ึง นอกจากน้นั แลว้ มงคลยงั นาสู่จริยธรรมทางสังคมไดแ้ ก่ความรับผิดชอบต่อบุพการี ลูก คู่ครอง ญาติและมิตรสหาย ซ่ึงเป็น การแสดงความสมัพนัธ์ของมนุษยใ์นสังคม 
  ดว้ ยเหตุท่ีมงคลหรือลางดี อนั เป็นสัญญลกั ษณ์ท่ีเชื่อมต่อกับอนาคต มงคลสูตรจึงแสดงให้เห็น สงัคมท่ีมีพลวตัรของการเปล่ียนแปลงความสาเร็จหรือลม้เหลวของสังคมจึงข้ึนอยกู่บัคุณธรรมของสมาชิก ในสงั คม สามารถเรียกไดว้ า่ สังคมคือสมบตั ิร่วมของสมาชิกในสังคม ความดีที่สมาชิกคนหน่ึงของสังคมได้ สร้างข้ึนเป็นสิ่งที่หล่อเล้ียงและขบั เคล่ือสังคมท้งั หมดไปในทิศทางท่ีควรจะเป็น โลกทศั น์ที่มงคลสูตรสร้าง ข้ึนทาให้เราเห็นไดว้ า่ อบายมุขและการผดิ ศีลธรรมเป็นอปั มงคล ทาใหส้ ังคมชวั่ ร้ายมากข้ึนและเสื่อมทราม ลง จึงเป็นหนา้ ท่ีของสมาชิกแต่ละคนในสงั คมท่ีจะเปลี่ยนอปั มงคลสู่มงคล 
  ระบบการตีความมงคลสูตรน้ีจึงนามาจากรูปแบบของกระบวนการที่เป็นที่รู้จกั ในพระพุทธศาสนา วา่ ปฏิจจสมุปปาท ชีวิตมนุษยแ์ ต่ละคนจึงถูกกาหนดดว้ ยพฤติกรรมของมนุษยค์ นอื่น ๆ ความสาเร็จหรือ ลม้ เหลวของเรายอ่ มมาจากธรรมท่ีเราประพฤติปฏิบตั ิ เม่ือเราปฏิบตั ิมงคลหน่ึง ก็จะนาสู่มงคลอ่ืน ๆ อีกดว้ ย ไปพร้อม ๆ กัน และเมื่อปฏิบตั ิมงคลได้ท้งั หมด ย่อมนาสู่ความสุขความสาเร็จของชีวิตอย่างแน่นอน เพราะฉะน้ันมงคลสูตร จึงเป็นระบบจริยธรรมทางสังคมของพระพุทธศาสนา และยงั สร้างความเข้าใจ เกี่ยวกบั มิติทางสงั คมของพระพุทธศาสนาอีกดว้ ย ทาใหเ้ ห็นวา่ ความสุข และความสาเร็จในชีวิตน้นั ตอ้ งมาก จากจริยธรรมของเราเอง และมวลรวมของความดีท่ีสมาชิกของสังคมโดยรวมไดส้ ร้างข้ึน ยอ่ มนาสู่มวลรวม ของความสุขในสังคมดว้ย 

พระพทุ ธเจ้าในทศั นะของมงคลสูตร คือผ้เู ปลย่ี นโลก 
  ตามนยั ของมงคลสูตรพระพุทธเจา้ คือ ตน้ แบบในอุดมคติของความดี พุทธองค์ทรงสะสมมงคล ต่างจนครบท้งั หมดที่ให้พระองค์เองเป็ นมงคลแรกของโลก ในคติธรรมในพุทธศาสนา พระพุทธเจา้ ทรง บาเพญ็ บารมีในฐานะท่ีเป็นพระโพธิสัตว์ซ่ึงตรงกบั มงคลท่ี5มีบุญท่ีสะสมไวแ้ ต่ปางก่อน(ปุพฺเพกตปุญฺญ ตา) 
  การตดั สินพระทยั ออกบวช ทิง้ ความสุขในวงั เป็นบรรพชิต เป็นอีกหน่ึงมงคลที่ทาให้ประพฤติธรรม จนตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณพุทธประวตั ิเป็นเรื่องราวการปฏิบตั ิมงคลแต่ละมงคลจนครบท้งั 38มงคล แม้ว่าอาจมองได้ว่าทรงทิ้งลูกเมียเพื่อแสวงหาความสุขส่วนตน ทิ้งหน้าที่ของสามีและพ่อที่ดี กระน้ัน พระองค์มิไดท้ ิ้งความรับผิดชอบความเป็ นสามีและพ่อที่ดีเลย หลงั ตรัสรู้แลว้ ทรงเสด็จกลบั ไปโปรดญาติ และครอบครัว เป็ นตน้ แบบของการสะสมมงคลต่าง ๆ จนครบถว้ น พระพุทธเจา้ จึงทรงเป็ นผทู้ ี่ "ทาอยา่ งไร พดู อยา่ งน้นั และพดู อยา่ งไรทาอยา่ งน้นั " ชีวติ พระองคท์ ้งั ชีวติ จึงเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกบั พระธรรม 

มงคลสูตรกบั การพฒั นาประชาธิปไตย 
  ถึงแม้ว่าในพระไตรปิ ฎก ไม่ปรากฏหลกั ฐานว่า พระพุทธเจา้ ไม่เคยบญั ญตั ิคาจากัดความของ "สังคม" หรือระบอบการปกครองใดทีเหมาะที่สุดสาหรับมนุษย์แต่เป็นสิ่งที่ชดั เจนวา่ หากสมาชิกในสังคม ปฏิบตั ิมงคลในมงคลสูตร การจดั ระเบียบและการพฒั นาสังคมย่อมเกิดข้ึนพร้อม ๆ กนั พระธรรมคาสอน น้นัก็มิใช่เป็นไปเพอ่ืใหม้นุษยเ์ขา้ถึงนิพพานเท่าน้นั แต่เป็นไปเพื่อการอนุเคราะห์ต่อมนุษยท์ุกคนในโลกอีก ดว้ ย มนุษยจ์ ึงพน้ ทุกขไ์ ปพร้อม ๆ กบั การพฒั นาสังคม 
  ยิ่งไปกว่าน้ันมงคล38 ไม่มีการเลือกปฏิบตัิทางเพศหรือลาเอียงต่อเพศภาวะใดภาวะหน่ึงและ สามารถนามงคลแต่ละมงคลมาประยุกต์ในสังคมได้มงคลของฆราวาสก็ใช้ได้กบั มงคลของสมณะเพศ มงคลของชายก็ใชไ้ ดก้ บั หญิงเช่นกนั 
  โลกทศั น์จากมงคลสูตร สังคมจึงไม่ใช่การที่มนุษยห์ ลาย ๆ คนมารวมตวั อยดู่ ว้ ยกนั แบบตวั ใครตวั มนั หากแต่มนุษยม์ ีความเช่ือมโยงต่อกนั และกนั แและต่อสิ่งแวดลอ้ มอีกดว้ ย สังคมท่ีเจริญแลว้ คือสังคมที่มี สมาชิกของสังคมเคารพในกฎระเบียบในสังคมมีความเอ้ืออาทรต่อกนั และกนั และมีส่วนร่วมในกิจกรรม ทางสงั คมอนั หลากหลาย ไม่วา่ จะเป็ นทางวชิ าการ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณกรรม ปรัชญาและศาสนา ฯลฯ โดยท่ีมีความรับผดิ ชอบต่อกนั ทางนสวสั ดิการต่าง ๆ ทางสังคม 
  สาหรับชาวพุทธมงคลสูตรจึงเป็ นพระสูตรที่แสดงวิธีการตีความพระธรรมคาสอนของพระพุทธเจา้ แบบองคร์ วมท่ีเป็นระบบในรูปแบบน้ีการปฏิบตั ิธรรมแบบตดั ช่องนอ้ ยแต่พอตวั จึงไม่อาจเป็นไปได้มนุษย์ จาเป็นตอ้ งเป็นปัจจยั เก้ือกูลต่อกนั และกนั เสมอมงคลสูตรยงั สนบั สนุนการสานเสวนาระหว่างศาสนาและ ต่างความเช่ือซ่ึงเป็นความจาเป็นในการปฏิบตั ิธรรมและไม่ใช่เป็นเพียงทางเลือกที่ชาวพุทธจะปฏิบตั ิ หรือไม่ปฏิบตั ิก็ได้ แต่เป็นสาระแก่นสารของพุทธธรรมก็วา่ ได้การรู้จกั ศาสนาอ่ืนมากข้ึนทาใหร้ ู้จกั ศาสนา ของตนเองมากข้ึน ซ่ึงโดยส่วนตวั แลว้ เห็นวา่ ชาวพทุ ธควรตระหนกั ในความสาคญั ของมงคลสูตรที่เก่าแก่น้ี 
  ยิ่งไปกว่าน้นั สาระของมงคลสูตร ยงั แสดงให้เห็นว่า ผูน้ าศาสนาต่าง ๆ พึงร่วมมือกนั สนบั สนุน ศกั ด์ิศรีของความเป็นมนุษย์และยตุ ิการแสวงหาเหตุผลวา่ ศาสนาของใครดีที่สุดศาสนาท่ีดีที่สุดคือศาสนาที่ หลายหลากแต่มีจุดยืนร่วมกนั ในการสร้างคุณประโยชน์สูงสุดต่อมนุษยชาติ ศาสนาและองคก์ รทางศาสนา ท้งั ปวงพงึ ตระหนกั ถึงบทบาทของตนในการสร้างโลกแห่งสันติภาพและความเป็นธรรม 

ขอแนะนาและยทุ ธศาสตร์ในการประยกุ ต์มงคลสูตร 
  ความเจริญกา้ วหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์เป็นปัจจยั สนบั สนุนอนั สาคญั ใน การประยุกตม์ งคลท้งั หลายในการขบั เคลื่อนสังคม และการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ จากผลงานการวิจยั ของ นายอบั ปราฮมั มาสโลว์ (Abraham Maslow) ปรมาจารยค์ นหน่ึงทางจิตวิทยาการสร้างแรงบนั ดาลใจ ปิ รามิด ของความตอ้งการตามทฤษฎีของเขาสามารถเป็นกรอบในการประยกุตม์งคลสูตรในสังคมได้ 
 ่  ในประเทศไทย รัฐไดจ้ ดั ให้มีบตั รประจาตวั ประชาชนอเนกประสงค์ ซ่ึงสามารถเชื่อมต่อกบั ระบบ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของราชการ ซ่ึงรัฐสามารถนามาใช้เป็นฐานในการสร้างระบบการให้คะแนนความดี
้ั
สาหรับประชาชนบตั รประจาตวั ประชาชนน้ีรัฐเป็นผจู้ ดั ให้แก่ประชาชนแต่ละคนตงั แต่อายุ7ขวบและรัฐ

เองก็มีขอ้ มูลของประชาชนแต่ละคนในคลงั ขอ้ มูลอยแู่ ลว้ ซ่ึงในปัจจุบนั มีเฉพาะเจา้ หนา้ ท่ีของรัฐเท่าน้นั ท่ีมี ส ิ ท ธ ิ ใ น ก า ร เ ข า้ ถ ึ ง ข อ้ ม ู ล เ ห ล ่ า น ้ ี แ ม ม้ ี ก ฎ ห ม า ย ป ก ป ้ อ ง ส ิ ท ธ ิ ค ว า ม เ ป ็ น ส ่ ว น ต วั ข อ ง ป ร ะ ช า ช น แ ต ่ ล ะ ค น 
  การเพิม่ แฟ้มขอ้ มูลเก่ียวกบั การทาความดีของประชาชนซ่ึงมีบตั รประจาตวั ประชาชนเอนกประสงค์ น้ีจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้และเพมิ่ อานาจของประชาชนมากข้ึนโดยแสดงคะแนนความดีท่ีประชาชนแต่ละคน ได้ทาปรากฏบนเวบ็ ไซด์แสดงต่อสาธารณะชนอย่างเป็นธรรมและโปรงใสและประชาชนที่ลงทะเบียน สามารถเขา้ ดูคะแนนสะสมในการทาความดีไดท้ ุกเม่ือและคะแนนท่ีแต่ท่านไดเ้ป็นดชั นีท่ีแสดงสมบตั ิร่วม ของสงั คมในการทาความดี สมาชิกของสังคมแต่ละคนจึงมีความรับผดิ ชอบร่วมกนั ในการขบั เคลื่อนสังคม 
  ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาแบบเถรวาทย่อมยอมรับระบบการให้คะแนนความดีได้ง่าย เน่ืองจากมีรากฐานจากมงคลสูตรในพระไตรปิฎกอนั เป็นสิ่งท่ีตนเองคุน้ เคยอยู่แลว้ ระบบน้ีจะทาให้เกิด ขอ้ มูลเชิงประจกั ษ์ ในการพฒั นาอาชีพและทรัพยากรมนุษยส์ าหรับประชากรทุกคนในชาติ 
  ระบบการให้คะแนนความดีน้ีสามารถพฒั นาเพ่ือส่งเสริมกิจกรรมจิตอาสาอย่างมากซ่ึงจะเป็น ประโยชน์ในการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์เช่นใชค้ ะนนความดีน้ีประกอบการพิจารณาการรับนกั ศึกษาเขา้ เรียนในโรงเรียนแพทย์แทนท่ีจะใชค้ ะแนนจากการสอบขอ้ เขียนอยา่ งเดียวในกรณีน้ีการเป็นนกั เรียนแพทย์ ได้ น่าจะมีคะแนนกิจกรรมบาเพญ็ ประโยชนใ์ นการดูแลผปู้ ่ วยในโรงพยาบาล หรือในศูนยพ์ ฒั นาสุขภาพใน ชุมชน ระบบคะแนนความดี ยอ่ มจะเป็นเคร่ืองมือท่ีรัฐจะสร้างความฝันแลความหวงั แก่เยาวชนในอนาคต และสนับสนุนงานพฒั นาทรัพยากรมนุษย์โดยตรงเป็นการดึงดูดประชาชนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรม การเมือง ศาสนา มนุษยธรรม และแกไ้ ขปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม 
  ในกิจกรรมเร่งด่วนทางสังคมระบบคะแนนความดียอ่ มเป็นเครื่องมีอสาคญั เพ่ือใหป้ ระชาขนหรือ เยาวชนเขา้ มีส่วนร่วมการการสานเสวนาทางศาสนาระหวา่ งศาสนิกต่างความเช่ือ มีปฏิสัมพนั ธ์ร่วมกนั เพ่ือ สันติภาพและความสร้างสรรค์ 
  เม่ือนามงคลสูตรมาประยกุ ตก์ บั กรอบความคิดทางจิตวทิ ยาแรงจูงตามปิรามิดของความตอ้ งการตาม ทฤษฎีของอบั ราฮมั มาสโลว์ ยอ่ มเป็นการเสริมแรงในการพฒั นาทรัพยากรมนุษยแ์ ละกิจกรรมทุกประเภทที่ ตอ้ งการจิตอาสาเพอื่ ใหม้ ีส่วนร่วมในโครงการเพื่อสาธารณะประโยชน์ต่าง ๆ นนั่ คือ การสร้างระบบการให้ คะแนนความดีหรือโซเชียลเครดิต (Social Credit System) 

บทสรุป 
  เป็นการควรที่รัฐบาลไทยจะจดั ระบบคะแนนความดีโดยอาศยั การให้คะแนนฝ่ายระบบสารสนเทศ และคอมพิวเตอร์ เพื่อการขบั ดนั การพฒั นาสังคม เพื่อสานฝันและแรงบนั ดาลใจแก่ประชาชนในการมีส่วน ร ่ ว ม ใ น ก ิ จ ก ร ร ม น า น า ช น ิ ด ข อ ง จ ิ ต อ า ส า ร ะ บ บ ส า ร ส น เ ท ศ ท ี ่ จ า ก ดั อ ย เ ่ ู ฉ พ า ะ ก า ร ใ ช ง้ า น ข อ ง ข า้ ร า ช ก า ร ค ว ร เ ป ิ ด พ้ืนท่ีใหป้ ระชาชนตรวจสอบการทากิจกรรมของตนผา่ นอินเตอร์เน็ตซ่ึงโปร่งใส สามารถตรวจสอบไดโ้ ดย สาธารณชนระบบการใหค้ ะแนนตอ้ งวางอยบู่ นหลกั การของความยตุ ิธรรมและเป็นกลางและเนื่องจากขอ้ ดี ที่เป็ นบตั รประจาตวั ประชาชนที่ทุกคนตอ้ งมีต้งั แต่อายุเพียง 7 ขวบ ซ่ึงเป็ นช่วงเวลาท่ีเหมาะสนในการสร้าง จิตสานึก 
  กิจกรรมของเยาวชนเหล่าน้ีควรที่จะครอบคลุ่มกิจกรรมทุกรูปแบบ นับแต่กิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกบั การศึกษา เช่นการปลูกตน้ ไม้ การรับใชส้ ังคม และกิจกรรมจิตอาสาทงัั หมด อินเตอร์เน็ตสามารถแสดงผล การทากิจกรรมต่าง ๆ อย่างรวดเร็วทนั ใจ แต่ระบบน้ีก็ยงั ตอ้ งมีระบบการตรวจสอบว่ากิจกรรมที่เกิดขึน เหล่าน้นั เกิดข่ึนจริงระบบโซเชียลเครดิตน้ีจะเป็นพ่้ืนฐานของการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่มีส่วนร่วม ของประชาชนสิทธิมนุษยชนศกั ด์ิศรีความเป็นมนุษย์ตลอดจนความสามคั คีของคนต่างความเชื่อทาง ศาสนา ยิงไปกว่านันระบบน้ีจะสนับสนุนระบบสาธารณะสุข ของชาติ ที่มีชุมชนเป็นศูนย์กลาง ซ่ึง สนบั สนุนใหส้ มาชิกแต่และคนในสงั คมดูแลกนั และกนั ตลอดซีวติ ซ่ึงจะทาใหร่้ ัฐประหยดั งบประมาณดา้ น สุขภาพ และยกระดบั คุณภาพการดูแลเอาใจใส่สมาชิกในชุมชนทอ้ งถินต่าง ๆ ทวัประเทศ 


จริยธรรมทางการเงิน 

รายงานโดย ฯพณฯ ชีค อบั ดุลลาซิซ อลั -กรุ ายชิ
อดีตผ้วู ่าการธนาคารกลางแห่งซาอดุ อิ าระเบยี และ สมาชิกสภาปฏิสัมพนั ธ์ 

ในวาระของการจดั ศาสนเสวนาของเราและในฐานะสมาชิกท่ีไม่เกี่ยวกบั การเมืองของสภาทางานราชการ และแวดวงธุรกิจมานาน ผมจึงขอเลือกที่จะแบ่งปันทศั นะของผมกบั ท่านท้งั หลาย ในหัวขอ้ จริยธรรมใน ธุรกิจ โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งดา้ นการเงิน ปัญหาการขาดค่านิยมทางจริยธรรมคือปัจจยั สาคญั ของการเกิดภาวะ ฟองสบู่แตกทางการเงินในปี 2007 ซ่ึงนาไปสู่วกิ ฤติการณ์ท่ีปัจจุบนั โลกยงั คงอยใู่ นภาวะของการฟ้ื นตวั เมื่อ พจิารณานอกแวดวงการเงินจะพบวา่ค่านิยมทางจริยธรรมไม่ไดร้ับความสาคญั เพราะธุรกิจผลิตสินคา้และ บริการที่ผบู้ ริโภคสามารถตรวจสอบใกลช้ ิดอยแู่ ลว้ ตวั อยา่ งเช่น ถา้ คุณวางแผนวา่ จะซ้ือรถยนตส์ ักคนั คุณ สามารถทดสอบขบั ขี่รถยนต์สักสองคนั แลว้ จึงตดั สินว่าคนั ไหนตรงกบั ความตอ้ งการของคุณมากที่สุด บริษทั ที่ผลิตรถยนต์คุณภาพไม่ดีก็จะไม่สามารถอยรู่ อดในตลาด แต่การเงินน้นั มนั แตกต่างเพราะตอ้ งอาศยั ความไวว้างใจ 

จริยธรรมทางการเงิน 
นายธนาคารรู้ดีว่าช่ือเสียงทางด้านจริยธรรมของตนน้ันคือส่วนสาคญั ของการรักษาธุรกิจเอาไว้แล้ว จริยธรรมธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางการเงินลม้ เหลวโดยสิ้นเชิงไดอ้ ย่างไร? คาตอบส้ันๆ ผมคิดว่าเป็น เพราะการให้ความสาคญั ต่อผลประโยชน์ระยะส้ันและวฒั นธรรมของการให้เงินโบนสั แล้วเราพอจะทา อะไรเพ่ือเป็นการฟ้ืนฟูมาตรฐานทางจริยธรรมในธุรกิจและการเงินไดบ้ า้ ง? ผมขอเริมตน้ ดว้ ยการพูดถึง ประเดน็ สาคญั สองประการต่อไปน้ี 

    • (1) ความแตกต่างระหวา่ งความซื่อสัตยเ์ ชิงบวกและเชิงรับ และ
    • (2)ความสาคญั ของความเป็นผนู้ า 


ความซื่อสตั ยเ์ชิงรับหมายถึงการท่ีคนละเวน้ จากการทาสิ่งที่ไม่ซ่ือสตั ย์แต่มนั เป็นความจริงที่น่าเศร้าใจท่ีคน ส่วนใหญ่เป็นผทู้ ่ีมีความซ่ือสัตยเ์ชิงรับแต่กลบั ไม่มีความซ่ือสัตยเ์ชิงรุก(หมายถึงทาสิ่งท่ีถูกตอ้ งเพ่ือดารง จริยธรรมเอาไว)้ ความซ่ือสัตยเ์ชิงรับเป็นสิ่งที่บงั คบั ไดด้ ว้ ยตารวจและกฎหมายถ้าเป็นในทางธุรกิจก็คือ เจา้หนา้ที่ผปู้ฏิบตัิงานดว้ยความซื่อสัตย์แต่ความซื่อสตัยเ์ชิงรุกเกิดจากภายในตวับุคคลและต้งัอยบู่นค่านิยม ท่ีเขาเรียนรู้มา ความซื่อสตั ยเ์ ชิงบวกเป็ นสิ่งที่เรียนรู้จากตน้ แบบ (role model) เช่นในสังคมก็คือพ่อแม่ คุณครู บุคคลท่ีคุณยกยอ่ ง และในทางธุรกิจคือเจา้ นาย โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เจา้ นายคนแรกตอนที่คุณเริ่มตน้ ทางาน เรา ไม่สามารถบญั ญตั ิแนวปฏิบตั ิในการทาธุรกิจอย่างมีจริยธรรมดว้ ยกฎหมายและขอ้ กาหนดเพียงอยา่ งเดียว เพราะมาตรฐานดงั กล่าวตอ้ งมาจากภายในใจเราเช่นกนั 
  วิกฤติการเงินโลกในระยะหลงั โดยรวมแล้วเกิดจากความเสื่อมทรามของสังคมและตน้ ทุนทาง จริยธรรมของนายธนาคารท้งั หลาย แมว้ า่ วกิ ฤติคร้ังน้ีจะถูกเช่ือมโยงกบั มาตรการความเสี่ยงท่ีไม่รัดกุม อตั รา ความสามารถในการก่อหน้ีของลูกคา้ และการเพิกเฉยต่อสภาวะที่ส่อเคา้ วา่ จะเกิดฟองสบู่แตกในตลาดที่อยู่ อาศยั สาเหตุสาคญั อยทู่ ี่การล่มสลายโดยสิ้นเชิงของพฤติกรรมท่ีชอบดว้ ยจริยธรรมในอุตสาหกรรมการเงิน และการขาดสานึกของความรับผิดชอบในฐานะผูร้ ับผดิ ชอบต่อลูกคา้ ตวั อย่างเช่น วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ (สินเช่ือท่ีผูก้ ู้มีเครดิตหรือคุณภาพต่ากว่ามาตรฐาน หรือผูท้ ี่มีรายได้ต่า) โดยมีแรงจูงใจคือตอ้ งการเน้น ปริมาณมากกว่าคุณภาพของสินเชื่อ ตวั แทนรับจานองเองก็ถูกกระตุน้ ใหด้ ึงผจู้ านองให้ไดม้ ากที่สุดโดยไม่ คานึงคุณสมบตั ิของผูก้ เู้ ลย ธนาคารทาการอนุมตั ิการจานอง ปล่อยเงินแก่ลูกคา้ และขายสัญญาดงั กล่าวเขา้ กองกลางและถูกขายต่อให้นกัลงทุนมาตรฐานในการรับรองความเส่ียงก็ตกต่าเช่นกนั (ไดแ้ก่การปล่อย ส ิ น เ ช ื ่ อ แ ก ่ ผ ทู ้ ่ ี ไ ม ่ ม ี ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ช า ร ะ ห น ้ ี ) ด ว้ ย เ ห ต ุ น ้ ี น กั ล ง ท ุ น ค น ส ุ ด ท า้ ย จ ึ ง ก ล า ย เ ป ็ น เ ห ย ื ่ อ ข อ ง แ น ว ปฏิบตั ิที่เลวร้ายของธนาคารในเกมสกปรกและเตม็ ไปดว้ ยความละโมบน้ี 
 
  บทบาทของบริษทั จดั อนั ดับความน่าเชื่อของสถาบนั ทางการเงิน ก็เต็มไปดว้ ยความขดั แยง้ ของ ผลประโยชน์ จนถึงข้นั ที่ทาใหเ้ กิดความสงสยั ใน “ความสัมพนั ธ์แบบการอยรู่ ่วมกนั ” ของบริษทั ดงั กล่าวกบั ธนาคาร การจดั อนั ดบั ความน่าเชื่อถือของผลิตภณั ฑ์ที่มีโครงสร้างซบั ซอ้ นที่ขยบั สูงข้ึน ทาให้มนั ดูมีความ เสี่ยงน้อยแต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ดังน้ัน จึงมีการพ่ึงพิงและมีความเขา้ ใจเก่ียวกบั การจดั อนั ดบั ความ น่าเชื่อถืออยา่ งผดิ ๆ 
  สิ่งท่ีอนุมานไดจ้ ากวกิ ฤติสินเช่ือซบั ไพรมค์ ือ จริยธรรมธุรกิจและค่านิยมของบริษทั กาลงั ถูกทา้ ทาย ในโลกท่ีแสนละโมบอนั เน่ืองจากความบกพร่องเชิงโครงสร้างในแง่ของการดาเนินงานและกากบั ดูแลของ ธนาคารการปรับแกไ้ ขขอ้ บงั คบั ในอุตสาหกรรมการเงินใหม่อีกคร้ังจึงมีเป้าหมายเพ่ือตอบโตต้ ่อแนวปฏิบตั ิ ท่ีไร้จริยธรรมการธนาคารท่ีมีจริยธรรมจึงเป็นประเดน็ ร้อนในปัจจุบนั และสาระสาคญั ก็คือความสุจริตและ จริยธรรมควรมาจากภายในโดยสมคั รใจ ค่านิยมทางศีลธรรมควรไดร้ ับการส่งเสริมที่ธนาคารในฐานะที่เป็น ส่วนหน่ึงของการฝึกอบรมพนกังานดว้ย 

ความเกยี่วพนัระหว่างศรัทธาและจริยธรรม 
ในส่วนของความเกี่ยวพนั ระหวา่ งจริยธรรมและศรัทธาน้นั พบวา่ ทุกศาสนาต่างพร่าสอนเรื่องศีลธรรมและ จริยธรรมนอกเหนือจากเรื่องอ่ืนๆ ศาสนาสาคญั ของโลกสามารถใหค้ วามช่วยเหลือไดใ้ นส่วนน้ี ตวั อยา่ งเช่น ศาสนาอิสลามไม่เพียงแต่กาหนดมาตรการป้ องกันทางกฎหมายเท่าน้ัน แต่ยงั มีระบบศีลธรรมท่ีมี ประสิทธิผลอย่างมากด้วย เป็นท่ีทราบกันดีว่าชุมชนที่มีการยึดมัน่ ต่อศาสนาอย่างเคร่งครัดมกั มีอตั รา อาชญากรรมต่ากวา่ เพราะศาสนาสอนเราใหม้ องดูผอู้ ่ืนวา่ เหมือนกนั กบั เรา และตอ้ งปฏิบตั ิต่อพวกเขาอยา่ งดี จริงๆแล้วค่านิยมทางศีลธรรมมีความสาคญั อย่างยิ่งต่อสวสั ดิภาพ (ความอยู่ดีมีสุข)โดยรวม กล่าวอย่าง กวา้ งๆ จริยธรรมที่พบเห็นทวั่ ไปในทุกศาสนาน้นั มีหลกั การพ้นื ฐานอยหู่ า้ ประการดว้ ยกนั ดงั น้ี 

    • จงอยา่ ทาร้ายผอู้ ื่น
    • ทาทุกอยา่งใหด้ีข้ึน
    • เคารพผอู้ ื่น
    • มีความเป็ นธรรม
    • ทาตวัใหเ้ป็นที่รัก 


ค่านิยมดงั กล่าวมีอยใู่ นทุกวฒั นธรรม และควรสัง่ สอนในบา้ นเรือนและหอ้ งเรียน เพื่อสังคมที่ดีกวา่ 

  อย่างที่เราทราบกนั อยู่แลว้ ว่า จริยธรรมและศีลธรรมมกั มีความเกี่ยวขอ้ งกบั ศาสนา แต่โรงเรียนก็ สามารถให้บทเรียนสาคญั เกี่ยวกบั การคิดและการกระทาเชิงจริยธรรม ยงั มีโอกาสสาหรับการสั่งสอนคน หนุ่มสาวในโรงเรียนและวิทยาลยั เกี่ยวกบั หลกั จริยธรรมท่ีเรารู้ว่าใช้ได้ผล ปัจจุบนั พวกเขาเรียนรู้จาก วฒั นธรรมผบู้ ริโภคคือ“ความโลภเป็นสิ่งดี”แต่จริงๆแลว้ ความโลภคือแนวทางแห่งชีวติ ที่ไม่ดีเพราะความ โลภทาให้เราละทิ้งผลประโยชน์ในปัจจุบนั เพ่ือแลกกบั ผลประโยชน์ในอนาคตที่เป็นเพียงมายาเช่นที่คน ทวั่ ไปตอ้ งสูญเสียเงินออมของตนไปกบั ฟองสบู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ หรือความโลภทาให้เราโยนความ มนั่ คงในอนาคตเพ่ือแลกกบั ความพึงพอใจเล็กๆน้อยๆชวั่ ครู่ชวั่ ยาม ความโลภสอนเราให้ปฏิบตั ิต่อผูอ้ ่ืน เหมือนวตั ถุเพื่อการแสวงหาประโยชน์ ไม่ใช่สิ่งที่พระเจา้ สร้างข้ึนและมีเป้ าหมายที่ตอ้ งการเช่นเดียวกบั เรา 
  อิสลามในฐานะที่เป็ นวิถีแห่งชีวิตที่ครอบคลุมรอบดา้ น ประกอบดว้ ยระบบศีลธรรมที่สมบูรณ์ ซ่ึง เ ก ิ ด จ า ก ห ล กั ค ว า ม เ ช ื ่ อ พ ้ ื น ฐ า น ใ น พ ร ะ เ จ า ้ อ ง ค เ ์ ด ี ย ว ซ ่ ึ ง เ ป ็ น พ ร ะ ผ ทู ้ ร ง ส ร ้ า ง แ ล ะ ผ คู ้ ้ า จ ุ น จ กั ร ว า ล 

บรรษัทภิบาลในภูมิภาค MENA 
บรรษทั ภิบาลเป็นกรอบความคิดค่อนขา้ งใหม่สาหรับภูมิภาค MENA (ตะวนั ออกกลางและอเมริกาเหนือ) แมจ้ ะอยู่ในช่วงเริ่มตน้ สาหรับภูมิภาคน้ี ทว่าบรรษทั ภิบาลก็ไดส้ ร้างความคืบหนา้ ที่สาคญั ภูมิภาคแห่งน้ี กาลงั เดินบนเส้นทางท่ีถูกตอ้ ง แต่ความทา้ ทายยงั คงมีอยู่ เช่นท่ีซาอุดิอาระเบีย หลกั การพ้ืนฐานของบรรษทั ภิ บาล (ความโปร่งใส, การรายงานเป็นประจา และการตรวจสอบอยา่ งเป็นอิสระ) มีการบงั คบั ใชโ้ ดยเคร่งครัด จริงๆแลว้ บรรษทั ภิบาลที่แทจ้ ริงน้นั ตอ้ งตอบสนองวตั ถุประสงคน์ โยบายสาธารณะเป็นสาคญั ธรรมาภิบาล ช่วยลดความอ่อนไหวของตลาดต่อวกิ ฤติการเงิน ส่วนการกากบั ดูแลท่ีอ่อนแอลดความเช่ือมนั่ ของนกั ลงทุน การนาหลกั ธรรมาภิบาลมาใชท้ าใหเ้ป็นการเพมิ่ ภาระแก่ทุกคน(ผคู้ วบคุมผนู้ าธุรกิจและนกั ปฏิรูป) 

สรุป 
โดยสรุปแลว้ หลกั จริยธรรมไม่ใช่ยาครอบจกั รวาล หากมีการละเลยโดยต้งั ใจ กฎเกณฑแ์ ละขอ้ บงั คบั ไม่ใช่ สิ่งท่ีมาทดแทนความสุจริตของบุคคล ทาไดแ้ ค่เพียงบงั คบั ให้เกิดความซ่ือสัตยเ์ ชิงรับเท่าน้นั ความซ่ือสัตย์ เชิงรุกตอ้ งมาจากหลกั จริยธรรมท่ีเราเรียนรู้ต้งั แต่เด็กและในการทางานคร้ังแรกของเรา การเปล่ียนแปลงควร มาจากภายในและโลกขององคก์ รบริษทั ก็ควรมีผนู้ าท่ีมีเขม็ ทิศศีลธรรมผนู้ าธุรกิจและการเมืองตอ้ งแสดงให้ เห็นวา่ ตนเป็นผมู้ ีจริยธรรมจากการใชช้ ีวติ หรือนยั หน่ึง ความเป็นผนู้ าเกิดจากการกระทา ไม่ใช่โดยตาแหน่ง ความโลภไม่ใช่แนวทางท่ีดีของการใชช้ ีวิตที่มีคุณค่า หรือไม่ใช่แนวทางท่ีดีในการบริหารธุรกิจให้ประสบ ความสาเร็จเช่นกนั 
  สิ่งสาคญั ก็คือ การสอนจริยธรรมในโรงเรียน เป็นการใหแ้ นวทางใหม่ของการศึกษาศีลธรรม เพราะ มนั สาธิตให้เห็นว่าแบบอย่างท่ีต้งั มนั่ บนหลกั จริยธรรมน้นั มีอิทธิพลต่ออุปนิสัยในการคิด และกระตุน้ นกั เรียนใหค้ ิดดว้ ยตวั เอง และพฒั นาเกณฑ์ตดั สินทางศีลธรรมท่ีดี นกั เสรีนิยมอาจเรียกมนั วา่ ขบวนการเชิง ปฏิกิริยา แต่จริงๆแลว้ ดูเหมือนเป็นแนวทางท่ีถูกตอ้ ง การยดึ มนั่ ต่อค่านิยมทางศีลธรรมเป็นวิธีเดียวในการ แกป้ ัญหาศีลธรรมเส่ือมถอย และภาวะอนาธิปไตยทางวฒั นธรรมในสังคมสมยั ใหม่ นอกจากน้ีผูม้ ีส่วนได้ ส่วนเสียก็สามารถแสดงบทบาทสาคญั ในการแสดงความรับผิดชอบต่อชุมชนของบริษทั กรณีที่มีการ ประพฤติผิดหลกั จริยธรรม ดว้ ยการรวมจริยธรรมธุรกิจเป็นปัจจยั หน่ึงในการตดั สินใจสั่งซ้ือและการลงทุน ของบริษทัดว้ย 

 

การปลดปล่อยและการกระตุ้นให้มีการนาหลกั จริยธรรม 
ของศาสนาอิสลามมาใช้ในการตัดสินใจทางการเมือง 

รายงานโดย ดร. ฮัมซาห์ห์ โมฮัมเหม็ด อลั ซาเลม 
ศาสตราจารย์,มหาวทิยาลยัปรินซ์สุลต่าน,คอลมันิสต์,สานักข่าวอลัจาซีรา,ซาอดุอิาระเบยี 

เหตุผลของการแสวงหาหลกั จริยธรรมร่วมกนั คือสมมติฐานที่วา่ โลกของเรามีชีวติ เดียว และการเห็นพอ้ งกนั เรื่องพ้ืนฐานจริยธรรมโดยธรรมชาติร่วมกันของมนุษย์ แต่จริยธรรมท่ีว่าน้ีคือแก่นของศาสนาท่ีคนมี ความเห็นต่างและต่อสู้กนั ภายใตค้ าขวญั ของตน หลกั ฐานของเรื่องน้ีคือพระวจนะของศาสดาแห่งศาสนา อิสลาม คือ มูฮมั หมดั (ขอสันติสุขจงมีแด่ท่าน) โดยท่านได้ทาให้ศาสนาเป็นรูปเป็นร่างข้ึนมาจากหลกั จริยธรรม ท่านตรัสวา่ “เราถูกส่งมาเพ่อื ทาใหจ้ ริยธรรมที่ดีงามน้นั ครบถว้ นสมบูรณ์ “ ( บนั ทึกโดยอิหม่าม บุ คอรี )” 
  รายงานของผม ขออุทิศแด่ศาสนาอิสลามนิกายซุนนี ผศู้ รัทธาในทุกศาสนาต่างก็มีหลกั การพิจารณา ของตน เรา ชาวมุสลิม ค่อนขา้ งมีความพิเศษในส่วนน้ี เรายงั คงไม่มีการแบ่งแยกศาสนาออกจากชีวิตและ การเมืองศาสนาคือปัจจยั หลกั ในการกาหนดวฒั นธรรมระบุวิธีคิดของเราดงั นนั จึงเป็นปัจจยั ที่มีอิทธิพล ต่อการตดั สินใจและการเลือกของเรา ผมจะให้ความสาคญั ต่อวิธีแก้ปัญหาที่เป็นการยุติช่องว่างระหว่าง อิสลามและตะวนัตก 
  ปัจจุบนั มีความเส่ียงต่อการแบ่งแยกตามแนวคิดของพวกยดึ มนั่ ในหลกั การพ้ืนฐานระหวา่ งตะวนั ตก และอิสลามมากข้ึนดงั น้นั การเผยแพร่หลกั จริยธรรมร่วมกนั จึงดูเหมือนมีความจาเป็นและมีความเร่งด่วน มากข้ึน และปัญหาที่ผมจะพูดถึงก็คือ “เราจะปลดปล่อยหลกั จริยธรรมของอิสลาม เพ่ือใหม้ นั เป็นส่วนหน่ึง ในขอ้ พิจารณาของผนู้ าในรัฐอิสลามไดอ้ ยา่ งไร?” 
  คาถามน้ีต้งั อยู่สมมติฐานของการมีอยู่ของจริยธรรมท่ีถูกตีกรอบและจากัด และเชื่อว่าถ้ามีการ ปลดปล่อยจริยธรรมใหเ้ป็นอิสระก็จะถูกรวมไวเ้ป็นขอ้ พิจารณาของผนู้ าทางการเมืองของรัฐอิสลามเมื่อใด ที่มีการพูดถึง “จริยธรรม” เราหมายถึงเฉพาะส่วนหน่ึงของมนั เท่าน้นั ซ่ึงไดแ้ ก่หลกั จริยธรรมเรื่องความ เมตตา ที่ศาสนานามาใช้ในการจดั การกบั ศาสนาและหลกั การอื่น แมจ้ ะมีความแตกต่างระหว่างกนั ก็ตาม ตวั อยา่ งเช่น ผมไม่ไดม้ ีความยตุ ิธรรมและมีความศรัทธาเพราะศาสนาและหลกั การของผม แต่ความยตุ ิธรรม และความศรัทธาตอ้ งเป็นคุณลกั ษณะของผมไม่วา่ จะนบั ถือศาสนาและหลกั การอะไรก็ตามดงั น้นั คาตอบท่ี ผมพยายามจะนาเสนอ จึงตอ้ งประกอบดว้ ยความหมายของขอบเขตของหลกั จริยธรรมอิสลาม แก่นของ ขอ้ เสนอของผมจะเป็นวิธีในการดึงหลกั จริยธรรมอิสลามออกมา และประกอบข้ึนเป็นหลกั จริยธรรมของ มนุษยท์ วั่ ไป ประการสุดทา้ ย ผลลพั ธ์ของการดึงเอาหลกั จริยธรรมออกมา จะเป็นแนวทางที่ผนู้ ารัฐอิสลาม นาเอาจริยธรรมดงั กล่าวไปใชใ้ นกระบวนการตดั สินใจ 

ประการแรกเลย คาถามต้งั อยบู่ นสมมติฐานวา่ หลกั จริยธรรมอิสลามช่วยยบั ย้งั การใชค้ วามรุนแรงและการ ต่อสู้อย่างมีขอบเขต ดังน้ันจึงจาเป็นต้องถามว่า “ศาสนาซ่ึงรวมถึงอิสลามด้วยน้ัน เรียกร้องให้มีการ หลีกเลี่ยงสงครามและการนองเลือดใช่ไหม?”แต่ท่ีไม่เหมือนศาสนาอื่นก็คือตริสตศ์ าสนาและอิสลามเลือก การทาสงครามศกั ด์ิสิทธ์ิเพ่ือเผยแพร่ศาสนาของตน ในทางปฏิบตั ิ ศาสนาทวั่ ไปต่างก็มีเหตุผลของการทา สงครามส่วนใหญ่ หรือมนั คือเหตุผลเพ่อื ทาใหส้ งครามทางเศรษฐกิจและการเมืองมีความชอบธรรม ไม่วา่ จะ เป็นการต่อสู้ภายในหรือระหว่างศาสนา ดงั น้นั จริยธรรมในการเปลี่ยนศาสนา จึงไม่สอดคลอ้ งกนั กบั หลกั จริยธรรมมนุษยท์ วั่ ไป เวน้ แต่ภายใตข้ อ้ จากดั เฉพาะ และขอบเขตเฉพาะ กล่าวคือจริงๆแลว้ ศาสนาถูกจากดั โดยขอ้ จากดั และการกาหนดขอบเขตดงั กล่าว 
  ทฤษฎีของอิสลามและคริสต์ศาสนา เรียกร้องให้มีความเห็นอกเห็นใจกันในหมู่ชน และมีการ ประพฤติดีในการจดั การกบั ชาติอ่ืน ขณะเดียวกนั ท้งั สองต่างก็เรียกร้องใหม้ ีการต่อสู้กบั ชาติอ่ืนภายใตข้ อ้ อา้ ง ของสงครามศกั ด์ิสิทธ์ิเช่นสงครามเพ่ืออุดมการณ์นิกายและการเมืองกรอบความคิดที่ท้งั สองฝ่ายยกข้ึนมา เช่นความเป็นความเป็นน้าหน่ึงใจเดียวกนั สนั ติภาพและการประพฤติดีถูกจากดั ดว้ ยความจริงที่วา่ อานาจ สูงสุดการเคารพนบั ถือและกฎเกณฑเ์ป็นสิ่งที่ตริสตศ์ าสนาและอิสลามเท่าน้นั ที่มีได้ส่วนสาวกของศาสนา อ่ืนถือเป็นชนช้นั สอง ซ่ึงจะถูกเรียกเก็บภาษี ค่าธรรมเนียม และบรรณาการ ส่วนความเป็นความเป็นน้าหน่ึง ใจเดียวกนั ความเห็นอกเห็นใจ และการประพฤติชอบจะถูกแสดงออกในรูปของการไม่ทาลายเกียรติ ทรัพยส์ ินและเลือดเน้ือของชนช้นั สอง 
  ขอ้ จากดั น้ีเป็นอุปสรรคขดั ขวางหลกั จริยธรรมของอิสลามเรื่องความเห็นอกเห็นใจจากการรวมเขา้ ดว้ ยกนั กบั หลกั จริยธรรมของมนุษยท์ วั่ ไป ในการละเวน้ การใช้ความรุนแรงและการนองเลือด ซ่ึงสามารถ เอาชนะไดด้ ว้ ยการอภิปรายวา่ จะเป็นอิสระจากองคป์ ระกอบที่ขดั ขวางจริยธรรมอิสลามจากการปรับให้เขา้ กันกับหลกั จริยธรรมของมนุษย์ เพ่ือบรรลุสิ่งที่ศาสดามูฮัมหมดั (ขอสันติสุขจงมีแด่ท่าน)ได้ตรัสไวว้ ่า “แทจ้ ริงแลว้ เราถูกส่งมาเพื่อทาให้จริยธรรมที่ดีงามน้นั ครบถว้ นสมบูรณ์ “ น่ีคือกรอบความคิดเร่ืองความ เป็นน้าหน่ึงใจเดียวกนั และจริยธรรมในการปฏิบตั ิต่อศาสนาอื่นของมุสลิม 
  เราสามารถทาให้ประวตั ิศาสตร์ท่ีเหนือกว่าในบางคร้ังของอิสลามเป็ นแนวทาง ด้วยการ ต้งั สมมติฐานว่าจริยธรรมอิสลามสามารถแสดงบทบาทสาคญั ในการตดั สินใจของนักการเมืองอิสลามได้ ไหม? หรือเราควรต้งั คาถามใหม่ว่า “เหตุใดมุสลิมจึงมกั ปฏิบตั ิต่อผูท้ ี่ไม่ใช่มุสลิม(คนนอกศาสนา) ดว้ ย ความเมตตายิง่ กวา่ ที่ปฏิบตั ิต่อมุสลิมต่างนิกายเสียอีก ? เหตุผลของเร่ืองน้ีเป็นเพราะมีคาสั่งเรื่องการปฏิบตั ิ ต่อชาติอ่ืนปรากฏอยใู่ นบญั ญตั ิแห่งกฎหมายชาริอะห์ของอิสลามเอาไวอ้ ยา่ งชดั เจน แต่ในส่วนที่เกี่ยวกบั ชาว มุสลิมต่างนิกายกลบั ไม่มีกล่าวไว?้ หรือวา่ การปฏิบตั ิต่อคนนอกศาสนาอยา่ งดีทาให้ผนู้ าทางการเมืองมุสลิม ไดร้ ับประโยชน์? ไม่ตอ้ งสงสัยเลยวา่ สมมติฐานขอ้ ที่สองถูกตอ้ ง เพราะสหายอาวุโสของศาสดามูฮมั หมดั (ขอสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ต่างก็ต่อสู้กนั และกนั ในการสู้รบ เต็มไปดว้ ยการใชค้ วามรุนแรงและการไร้ความ เมตตา คาสัง่ เรื่องการปฏิบตั ิต่อคนนอกศาสนาอยา่ งดี ปรากฏอยใู่ นบริบทของหลกั จริยธรรมทวั่ ไปในบญั ญตั ิ วา่ ดว้ ยความเมตตาและการกุศล ผมไม่เช่ือว่าจริยธรรมของอิสลามจะเป็นเหตุผลของการปฏิบตั ิอย่างดี แต่ เป็นขอ้ อา้ งเพื่อใหไ้ ดม้ าซ่ึงผลประโยชน์อื่นมากกวา่ 

  การปฏิบตั ิต่อคนนอกศาสนาอยา่ งดีและแตกต่างของมุสลิมในช่วงแรกๆของวฒั นธรรมน้นั มีเหตุผล ทางสังคมเศรษฐกิจและการเมืองเหตุผลทางสังคมก็คือมุสลิมไม่ไดเ้กลียดเผ่าพนั ธุ์อื่นชาวอาหรับซ่ึงเป็น พาหะ(ผเู้ผยแพร่)ศาสนาอิสลามและเป็นจุดกาเนิดของกฎเกณฑแ์ ละการครอบงาคือคนกลุ่มน้อยส่วนคน อ่ืนๆคือชนกลุ่มใหญ่การดารงอยู่ของคนนอกศาสนาไม่ไดท้ าให้เกิดการความเสียหายทางการเมืองหรือ ปัญหาทางเผา่ พนั ธุ์ เช่น โรคหวาดกลวั ชาวต่างชาติ และความเกลียดชงั ผไู้ ม่เห็นดว้ ยทางศาสนาและประเพณี ความแปลกแยกโดยธรรมชาติ มีอยู่ในชุมชนที่มีความเป็นเอกพนั ธุ์(มีคุณสมบตั ิเหมือนกนั )เป็นเรื่องปกติ ชุมชนมุสลิมไม่มีความเป็นเอกพนั ทางเผา่ พนั ธุ์เพราะถูกครอบครองโดยชาวอาหรับ 
  เหตุผลทางการเมืองคือความสาคญั ของส่วยที่คนนอกศาสนาจ่ายให้และประสบการณ์ที่พวกเขา แบ่งปันแก่ชาวมุสลิมอีกเหตุหน่ึงคือความเป็นไปไม่ไดท้ ่ีคนนอกศาสนาจะลุกข้ึนต่อสู้เพื่อการปกครองรัฐ อิสลาม เพราะความแตกต่างทางศาสนา ดว้ ยเหตุน้ี ผนู้ าทางการเมืองจึงพบวา่ จริยธรรมที่อิสลามนามาใช้ จะ ช่วยสนองผลประโยชนส์ าธารณะได้จึงยอมรับมนั ซ่ึงเป็นการประชาสัมพนั ธ์ท่ีดีจากการปฏิบตั ิต่อคนนอก ศ า ส น า เ ป ็ น อ ย ่ า ง ด ี ต า ม ท ่ ี บ ญั ญ ตั ิ ไ ว โ้ ด ย ก ฎ ห ม า ย ช า ร ิ อ ะ ห ์ ข อ ง อ ิ ส ล า ม โ ด ย ไ ม ่ ม ี ก า ร ต ่ อ ต า้ น ท า ง เ ผ ่ า พ นั ธ ุ ์ จ า ก ชาวมุสลิม ควรจะเนน้ ไวด้ ว้ ยวา่ จริยธรรมผลกั ดนั ผนู้ ามุสลิมใหย้ อมรับมนั ไดก้ ็ต่อเม่ือมนั มีประโยชน์เท่าน้นั
คาถามต่อไปคือ “เหตุใดมุสลิมจึงยนื หยดั อย่างโดดเด่ียวในการดารงวิธีการแต่เก่าก่อน เช่นที่ปรากฏในการ คิดเรื่องสงครามศกั ด์ิสิทธ์ิ?” ในยคุ สมยั ใหม่ บทบาทของศาสนาถูกจากดั เฉพาะเรื่องจิตวิญญาณและชีวิตหลงั ความตาย ปัจจุบนั ชาวมุสลิมส่วนใหญ่ไม่ไดใ้ ชศ้ าสนาเป็นเหตุแห่งการทาสงครามหรือเครื่องมือเพื่อการจุด ประกายความเกลียดชงั โดยไม่เป็นธรรมหรือความไม่ชอบแบบกระหายเลือดอย่างชดั เจนอีกต่อไป เวน้ แต่ เพื่อเป็นการตอบแทนกนั ?ความเกลียดชงั ทาให้เกิดการตอบโตค้ วามเกลียดชงั การใชค้ วามรุนแรงทาใหเ้กิด การตอบโตก้ ารใชค้ วามรุนแรงบทบาทของศาสนาในสงครามร่วมสมยั ควรเป็นไปเพ่ือเผยแพร่ความอดทน และการปลอบขวญั ในหม่ทู หารและในยามที่เจบ็ ปวดรวดร้าวจากความตายและการฝังศพ 
 เหตุผลของเรื่องน้ีก็คือ มุสลิมยงั คงปฏิเสธและไม่ยอมรับความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์และทาง เศรษฐกิจเก่ียวกบั ความลา้ หลงั ของพวกเขา เม่ือพบวา่ เทียบกบั ชาติต่างๆแลว้ ไม่มีอะไรให้ภูมิใจไดเ้ ลย จึงใช้ ศาสนาอิสลามเพ่ือแข่งขนั เรื่องเกียรติยศกบั ชาติอื่นๆ ศาสนาอิสลามกลายเป็นเกียรติและศกั ด์ิศรีเดียวท่ีคน เหล่าน้ีมีในการเผชิญหนา้ กบั ชาติอื่นๆ ดว้ ยเหตุน้ี มุสลิมจะไม่ยอมรับกรอบความคิดใดๆ ที่วางศาสนาโดย ทดั เทียมกนั เพราะพวกเขาเชื่อว่าการทาเช่นน้นั จะทาให้สูญเสียสิ่งท่ีแยกแยะพวกเขาจากรัฐท่ีดอ้ ยพฒั นา ท้งั หลาย และทาใหพ้ วกเขาอย่ใู นระดบั เดียวกบั โลกศิวิไลซ์ เพราะวิธีแกป้ ัญหาใดๆ ที่มีกรอบความคิดเร่ือง ความทดั เทียมกนั ทางศาสนา จะใชไ้ ม่ไดผ้ ล ถา้ ไม่ไดม้ าจากกรอบความคิดของอิสลาม 

  เป็นความจริงที่วา่ ลทั ธิสุดโต่ง(คลงั่ ศาสนา) คือปรากฏการณ์ของมนุษยโ์ ดยธรรมชาติ ซ่ึงพบเห็นใน ชุมชนทวั่ ไป อาจจะพูดไดว้ ่าลทั ธิสุดโต่งคือส่วนหน่ึงของการแจกแจงแบบปกติของความคิดทางสังคมใน ทุกพ้นื ที่พบเห็นไดใ้ นทุกศาสนาวฒั นธรรมและประชาชนแต่บางคร้ังก็ไม่เป็นท่ีปรากฏต่อสาธารณะลทั ธิ สุดโต่งปรากฏข้ึนในฐานะปัจจยั ที่มีอิทธิพลในสองกรณี 
 

  • ・เมื่อโครงสร้างทางปัญญาของสังคมจูงใจและช่วยเร่ืองการแสดงตวั ของลทั ธิก่อการร้ายเช่นชุมชน อิสลาม 
  • ・เมื่อลทั ธิสุดโต่งปรากฏข้ึนในฐานะปฏิกิริยาทดั เทียมและปฏิกิริยาตอบโตต้ ่อลทั ธิสุดโต่งที่เป็น ปฏิปักษ์ทางศาสนา ไดแ้ ก่ การแสดงตวั ของลทั ธิสุดโต่งในชุมชนท่ีไม่ใช่มุสลิม ในฐานะปฏิกิริยาต่อลทั ธิ สุดโต่งของอิสลาม 


ความภูมิใจของชาวมุสลิม คือศูนยก์ ลางของการทา ญิฮาด และการสู้รบท้งั โดยตรงและโดยออ้ ม การทาญิ ฮาดทาให้ชาวมุสลิมกา้ วออกจากความไม่รู้และความยากจนของคาบสมุทรอาหรับ และครอบครองมงกุฎ ของกษตั ริย์ การทาญิฮาด คือการพิสูจน์ความเมตตาของมุสลิมต่อชาติอ่ืน และก่อต้งั อาณาจกั รที่สร้างอารย ธรรมทางวทิ ยาศาสตร์และอารยธรรมเมืองความเชื่อว่าศาสนาอิสลามคือทางเลือกอื่นนอกเหนือจากอารย ธรรมสมยั ใหม่ ควบคู่กบั ความฝันของการสร้างรัฐอิสลามที่ปกครองดว้ ยระบบคอลีฟะห์ และความภูมิใจ ของการทา ญิฮาด ทาให้ศาสนาอิสลามกลายเป็นเครื่องมือสาหรับนกั ฉวยโอกาสและพวกสุดโต่งไดอ้ ย่าง ง่ายดาย ชาวมุสลิมมกั จะตอ้ นรับและส่งเสริมขบวนการหรือพรรคการเมืองอิสลามใหม่เสมอ 
  ในบริบทน้ี อนั ตรายของการสร้างลทั ธิสุดโต่งในหมู่ชาติมุสลิมดว้ ยกนั รุนแรงยิงกว่ากบั ชาติอ่ืนๆ เสียอีก ท่ีเป็นเช่นน้ีเพราะมุสลิมโดยทวัไปมีชีวิตอยู่เพื่อความฝันน้ีในชีวิตปัจจุบนั ของตน ไม่เหมือนกบั คน อื่นๆ นอกจากน้ี ชาวมุสลิมยงั อ่านคมั ภีร์กุรอานทงั กลางวนั และกลางคืนและฟังบทบญั ญตั ิเรื่อง ญิฮาด และ ทรัพยเ์ชลยศึก (spoils) 
  แนวปฏิบตั ิของการใชศ้ าสนาเพื่อเป็นแหล่งเพาะความเกลียดชงั หรือใชเ้ ป็นเครื่องมือเพื่อการบรรลุ เป้ าหมายของตน และผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนบุคคลและของส่วนรวม(สาธารณะ) ก็ปรากฏอยู่ใน ศาสนาอ่ืนเช่นกนั ดงั ที่ปรากฏในบอลข่าน ปัจจุบนั เริมสังเกตเห็นบ่อยครังวา่ ความเกลียดชงั เกิดข้ึน ในฐานะ ท่ีเป็นปฏิกิริยาต่อการตอบโตค้ วามเกลียดด้วยศาสนา สิงน้ีแสดงให้เห็นในความขดั แยง้ ทางชาติพนั ธุ์ใน ประเทศดอ้ ยพฒั นา รวมทงั ยงั พบว่าเป็นปฏิกิริยาในอเมริกาและยุโรปหลงั เหตุการณ์โจมตี 11 กนั ยายน ถา้ มุสลิมสุดโต่งหยุดการยวัยุความเกลียดชังทางศาสนา ฝ่ายอื่นๆ ก็คงไม่มีเหตุผลแสดงปฏิกิริยาของตน แน่นอน 
  คนที่มีขอ้ มูลดีย่อมรู้ว่าสังคมยโู ทเปีย(ดินแดนในอุดมคติ)ของมนุษย์ตามที่ศาสนาต่างๆเรียกร้อง ตอ้ งการ รวมทงั อิสลามดว้ ยนนั ไม่มีวนั เกิดข้ึนไดจ้ ริงในระดบั ชุมชนไม่วา่ จะเป็นช่วงเวลาใดๆก็ตาม ความ จริงที่ไม่มีการป่าวประกาศคืออิสลามยุคปัจจุบนั เป็นศาสนาเดียวที่มีแนวปฏิบตั ิจากแง่มุมทางจิตวิญญาณ และรูปแบบของการเคารพสักการะนานหลายศตวรรษ แต่ความสาคญั ของศาสนาในส่วนน้ี เป็นที่เห็นพอ้ ง กนั เป็นเอกฉนั ทโ์ ดยผมู้ ีปัญญาทงั หลาย เพราะความสาคญั และอิทธิพลของมนั ในการปฏิรูปชุมชนนนัเอง 


ในส่วนของการปฏิบตั ินนั สิงที่มีการประยุกตใ์ ชก้ นั มากท่ีสุดในปัจจุบนั ไม่มีอะไรเกี่ยวขอ้ งกบั อิสลามเลย ชุมชนมุสลิมภายใตก้ ารปกครองของอิสลามก็เป็นไปตามหลกั นิติศาสตร์ของมนุษย์ไม่มีอะไรเกี่ยวขอ้ ง ศาสนาเลย หลกั นิติศาสตร์น้ีมีการสะสมไปตามกาลเวลานานนบั ศตวรรษในสมยั ที่ผลประโยชน์ของบุคคล ปนเปกบั ผลประโยชน์ทางการเมืองด้วยความระมดั ระวงั ด้วยความเคร่งครัด ความเชี่ยวชาญและอย่าง ฟุ่มเฟือย เป็นเพราะแรงจูงใจและขอ้ โตแ้ ยง้ ของลทั ธิสุดโต่ง และขอ้ จากดั ของจริยธรรมอิสลาม เกิดจากและ มีพ้ืนฐานจากหลกั นิติศาสตร์ของมนุษยท์ ี่วา่ น้ี วธิ ีจดั การกบั หลกั นิติศาสตร์ของมนุษยใ์ นศาสนาอิสลามนิกาย ซุนนี แตกต่างจากวิธีจดั การในศาสนาและหลกั การอื่นๆ อานาจทางศาสนาคือวิธีการกาหนดประเด็นทาง ศาสนาในทุกศาสนาและหลกั การ ยกเวน้ อิสลามนิกายซุนนี 
  อานาจทางศาสนาคือวิธีสร้างความชอบธรรมแก่สงครามและการสู้รบที่เป็นไปตามผลประโยชน์ ของนกั การเมืองและผทู้ ่ีกุมอานาจ ทว่ามนั ก็เป็นวิธีเผยแพร่จริยธรรมของมนุษยห์ ลงั จากที่มนั ถูกแยกจาก การเมืองที่มีประสิทธิภาพวิธีหน่ึง บทบาทของมนั เริมจากดั เฉพาะในเรื่องจิตวิญญาณเท่านนั อิสลามนิกาย ซุนนีระบุวา่ ไม่มีอานาจที่เป็นเอกภาพและเป็นไปไม่ไดท้ ่ีจะก่อตงั อานาจดงั กล่าวข้ึนมาการขาดอานาจที่เป็น เอกภาพ คือความแตกต่างสาคญั ระหวา่ งมุสลิมนิกายซุนนีและหลกั การมุสลิมอื่นๆ 
  ดว้ ยเหตุที่มีการทบั ซอ้ นกนั ระหวา่ งการเมืองและศาสนา นบั แต่ช่วงศตวรรษตน้ ๆของศาสนาอิสลาม กิจการของอุตสาหกรรมท่ีถูกตอ้ งตามหลกั นิติศาสตร์(ฟิกฮฺ) และอุตสาหกรรมของนกั นิติศาสตร์จึงรุ่งเรือง นกั การเมืองใช้นักกฎหมายเพ่ือสนองประโยชน์ของตน สังคมสร้างนกั กฎหมายผูค้ อยจดั การปัญหากับ ความรู้สึกของตน ความตอ้ งการทางกายภาพสร้างนกั กฎหมายข้ึนมา ผศู้ รัทธาในหลกั การและการปฏิวตั ิ สร้างนกั กฎหมายของตนข้ึนมา(ฟอเคาะฮฺ) ดงั นนั นกั กฎหมายจึงกลายเป็นอะไรหลายอย่างและคาบญั ชา ของกฎหมายจึงผสมผสานอยใู่ นชีวิตของคน นอกจากน้ีนกั กฎหมายอิสลามทุกคนยงั ไดอ้ ธิบายบญั ญตั ิแห่ง กฎหมาย ชาริอะห์ ให้สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์แห่งอาชีพของตน ดว้ ยเหตุน้ี จริยธรรมจึงถูกใชเ้ พื่อการ สังหารและการทาลายลา้ งฝ่ ายตรงขา้ มในบางกรณี และเพื่อสนองผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการมืองใน กรณีอื่นๆ 
  นกั กฎหมายมุ่งสนองความตอ้ งการสร้างหลกั นิติศาสตร์มากข้ึน เพื่อที่ตนจะไดเ้ ขา้ ไปกา้ วก่ายชีวิต ชาวมุสลิมแมเ้ป็นเรื่องเล็กน้อยท่ีสุดและทาให้ศาสนากลายเป็นพลงั ท่ีมีส่วนในประเด็นซ่ึงแต่ก่อนไม่เคย เกี่ยวขอ้ งดว้ ย แมจ้ ะมีการกระจายอานาจ แต่การใชน้ ิติวธิ ี(แนวทางกฎหมาย)ซ่ึงเขา้ ใจไดง้ ่าย และดูเหมือน ดาเนินรอยตามบทบญั ญตั ิของคมั ภีร์กุรอานและซุนนะกลบั มีอิทธิพลและเป็นท่ียอมรับของสาธารณชน มุสลิมมากที่สุดอยา่ งไม่ตอ้ งสงสัย แนวทางที่วา่ น้ีมีความยงุ่ ยาก ไม่ยดื หยุน่ และสร้างความกดดนั ต่อเสรีภาพ ของประชาชน 

ดงั นนั วิธีแกป้ ัญหาท่ีไดผ้ ลในยามไร้อานาจที่เป็นเอกภาพ สาหรับมุสลิมนิกายซุนนีก็คือ พวกเขาตอ้ งหวน คืนสู่จุดกาเนิดและความเป็นจริงของอิสลามดว้ ยการดาเนินรอยตามและทาความเขา้ ใจบทบญั ญตั ิที่แทจ้ ริง ของคมั ภีร์กุรอานและซุนนะบนพ้ืนฐานของคอลีฟะฮฺ(กาหลิบ คือตาแหน่งผปู้ กครองและดา้ นศาสนาเป็นผู้ สืบตาแหน่งต่อจาก ท่านมูฮมั หมดั )ผไู้ ดร้ ับการช้ีแนะอยา่ งถูกตอ้ ง และสหายผยู้ ิงใหญ่ของศาสดามูฮมั หมดั (ของสนั ติสุขจงมีแด่ท่าน)โดยผา่ นทางเหล่าบณั ฑิตพลเรือนของตน ซ่ึงทาไดโ้ ดยการกาจดั สิงที่นกั กฎหมาย ไดแ้ นะนาและใส่ไวใ้ นศาสนาเป็นเวลาหลายศตวรรษและถา้ ทาไดจ้ ริงโครงสร้างทางศาสนาที่จูงใจพวก ลทั ธิสุดโต่งทงั หลายก็จะหายไปทนั ที ความเคร่งครัดของคาบญั ชาที่มีผลผูกมดั หรือข้อห้ามที่ใช้กบั ชาว ม ุ ส ล ิ ม เ ก ิ ด จ า ก ม ต ิ ข อ ง น กั ก ฎ ห ม า ย ต ล อ ด 1 4 ศ ต ว ร ร ษ ท ี ่ ผ า่ น ม า แ น ่ น อ น ว า่ ม ต ิ ด งั ก ล ่ า ว ม ิ ไ ด ม้ ี ร า ก ฐ า น ห ร ื อ ม า จากบทบญั ญตั ิโดยตรง 
  พ้ืนฐานและโครงสร้างของศาสนาอิสลามเป็นสิงท่ีปรากฏชดั เจนอยใู่ นบทบญั ญตั ิของคมั ภีร์กุรอาน และซุนนะอิสลามเป็นศาสนาง่ายๆท่ีจดั การกบั สัญชาติญาณของมนุษย์ไม่ใช่ศาสนาของความเคร่งครัด หรือขอ้ ห้าม ขอ้ ห้ามและคาบญั ชาในศาสนาอิสลาม ปรากฏอยู่ในกฎหมายชาริอะห์เพียงเล็กนอ้ ยในส่วนที่ เกี่ยวกบั กรรมและการกระทาของศาสดามูฮมั หมดั (ขอสันติสุขจงมีแด่ท่าน) และสหายอาวุโสของท่าน ซ่ึง งั หมดลว้ นเป็นเร่ืองของการบรรลุผลของการประพฤติชอบ เช่น ขอ้ ห้ามการฆ่าสัตวต์ ดั ชีวิต การประพฤติ ผิดในกาม และความกา้ วร้าว เป็นตน้ ส่วนขอ้ หา้ มอื่นๆ เป็นบญั ญตั ิเกี่ยวกบั การกระทาบางอย่างซ่ึงอาจล่วง ละเมิดขอ้ ห้าม คาสังหรือขอ้ ผูกพนั ของวิถีทางหน่ึงจะถูกยกเลิกเมื่อสาเหตุของมนั หมดสินไป ส่วนผูท้ ี่จะ ตดั สินการหมดสินไปของสาเหตุและการยกเลิกคาสังคือคนท่ีรับผดิ ชอบหรือคนที่กระทาการดงั กล่าว ไม่ใช่ นกั กฎหมายหรือผูน้ าศาสนา ซ่ึงเป็นการยุติการควบคุมของศาสนาต่อสังคมและบุคคล การควบคุมน้ีเป็น แ ร ง จ ู ง ใ จ ส า ค ญั ต ่ อ ล ทั ธ ิ ส ุ ด โ ต ่ ง ม า ก ท ี ่ ส ุ ด น อ ก จ า ก น ้ ี ย งั เ ป ็ น ก า ร ย ุ ต ิ ก า ร โ ต แ้ ย ง้ เ ร ื ่ อ ง ญ ิ ฮ า ด ข อ ง ป ั ญ ญ า ช น สุดโต่งดว้ ย 


ตวั อยา่ งที่ดีของเรื่องน้ีคือคาสงัเร่ืองการแจกจ่ายทรัพยเ์ชลยศึกโดยศาสดามูฮมั หมดั (ขอสันติสุขจงมีแด่ท่าน) และ คอลิฟะห์ อาบูบกั ร์ ของท่าน หลงั จากนนั โอมาร์ คอลิฟะห์คนที่สอง ไดส้ ังยกเลิกวิธีดาเนินการดงั กล่าว เ น ่ ื อ ง จ า ก ไ ม ่ ม ี ส า เ ห ต ุ ( ใ ห ต้ อ้ ง ใ ช ค้ า ส ั งอ ี ก แ ล ว้ ) ก า ร แ จ ก จ ่ า ย ท ร ั พ ย เ ์ ช ล ย ศ ึ ก ค ื อ ว ถิ ี อ ย า่ ง ห น ่ ึ ง ข อ ง ญ ิ ฮ า ด ซ ่ ึ ง น า เ ร า ไปสู่วตั ถุประสงคข์ องการปกป้องสังคมและการเผยแพร่ศาสนาอิสลามท่านโอมาร์สังยกเลิกการแจกทรัพย์ เชลยศึก หลกั ฐานและเคร่ืองพิสูจน์นนั มีอยมู่ ากมายและถูกกาหนดไวอ้ ยา่ งเป็นเอกฉนั ทโ์ ดยมุสลิมซุนนี แต่ วถิ ีทางเหล่าน้ีส่วนใหญ่ไม่มีใหเ้ ห็นอีกแลว้ ในปัจจุบนั 
  ญิฮาดคือตวั อย่างหน่ึงของสิงที่พวกลทั ธิสุดโต่งใชเ้ป็นบทบญั ญตั ิญิฮาดเป็นหน่ึงในหัวขอ้ ที่ถูก ยกเลิกไปเพราะไม่มีสาเหตุให้ตอ้ งทาอีกแลว้ ปัจจุบนั เหตุผลของการทา ญิฮาด ไม่มีอีกแลว้ เพราะการมีอยู่ ของชุมชนพลเมืองการเสวนาและการส่ือสารญิฮาดคือวิธีการไม่ใช่วตั ถุประสงค์มนั คือวิธีป่าวประกาศ เสียงเรียกร้องของอิสลามและปกป้องชุมชนมุสลิมจากศตั รูแต่ปัจจุบนั เหตุของการโจมตีและการป้องกนั ไม่ มีอยแู่ ลว้ ถา้ท่านโอมาร์คืนชีพท่านก็คงจะตอ้ งยกเลิกญิฮาดเช่นท่ีท่านทากบั ทรัพยเ์ชลยศึกและเรื่องอื่นๆ 

ตวั อย่างที่ดีคือกรณีที่ การนมสั การและการประพฤติของชาวมุสลิม คลา้ ยกนั กบั ของท่านศาสดามูฮมั หมดั (ขอสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ซ่ึงแสดงให้เห็นในวจนะของศาสดา จงสวดอยา่ งที่เจา้ เห็นเราสวด”, “จงดาเนิน พธิ ีกรรมของเจา้ ตามอยา่ งเราความพยายามขนั ต่าสุดคือกรณีที่มุสลิมไดป้ ฏิบตั ิสิงท่ีเขา/เธอสามารถ ถา้ เขา/ เธอไม่สามารถก็ไม่เป็นความเสียหายแต่อยา่ งใดดงั ที่ศาสดามูฮมั หมดั วา่ ไว้จงทามนั (ตอนน้ี)แลว้ จะไม่เป็น อนัตรายอลัเลาะห์ก็ยงัตรัสวา่ดงันนัพวกเจา้จงยาเกรงอลัเลาะห์เท่าที่พวกเจา้สามารถเถิดมุสลิมแต่ละคน จ ะ เ ป ็ น ผ ตู ้ ดั ส ิ น ร ะ ด บั ข อ ง ก า ร น ม สั ก า ร ต ่ อ อ ลั เ ล า ะ ห ์ ด งั ท ่ ี ร ะ บ ุ ไ ว ใ้ น ช า ร ิ อ ะ ห ์ อ ย า่ ง ช ดั เ จ น ส ั ง ค ม ไ ม ่ ค ว ร ถ ู ก บ ี บ ใหต้ อ้ งเลือกวา่ จะนมสั การอยา่ งไร 

  น่ีคือสิงที่สังเกตเห็นได้ในทุกที่ในชุมชนมุสลิม ตวั อย่างสมยั ใหม่ก็น่าจะพอแล้ว เช่นรัฐตาลีบนั พยายามทาตวั ให้มีความสมบูรณ์แบบสูงสุด ผนู้ าของรัฐทาผิดพลาดดว้ ยการพยายามยดั เยียดความสมบูรณ์ แบบดงั กล่าวใส่สังคมทงั มวล ซ่ึงมนั เป็ นไปไม่ได้ เพราะคนทวัไปไม่เหมือนกับท่านศาสดาทงั ในด้าน จริยธรรมและความอดทน ดงั นนั พวกเขาจึงลม้ เหลวหลงั จากพยายามดินรนแลว้ 

  ในทางตรงกนั ขา้ ม เราพบวา่ ตุรกี ซ่ึงพยายามใส่ความพยายามขนั ต่าสุดต่อสังคม ผูค้ นเกลียดความ เป็นฆราวาสนิยมของมนั(secularismฆราวาสนิยมเป็นแนวคิดที่สนบัสนุนการแยกศาสนาและการปกครอง ออกจากกนั ) ปัจจุบนั ตุรกีและมาเลเซียไดใ้ ห้ทางเลือกแก่คนในสังคม ทงั สองประเทศคือตวั อยา่ งที่ดีสาหรับ มุสลิมและชาติอ่ืนๆ มุสลิมในปัจจุบนั มีความภูมิใจมากข้ึน และรู้สึกผกู พนั กบั ตุรกีและมาเลเซีย ปัญหาของ พวกเขาคือไม่มีโครงสร้างของกฎหมายชาริอะห์ท่ีผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถว้ นอยู่ในโมเดลประยุกต์ ทุก วนั น้ีมนั จึงเป็นอุปสรรตต่อการท่ีมุสลิมชาติอ่ืนจะนาโมเดลของตุรกีและมาเลเซียไปประยุกต์อย่างไรก็ดี โมเดลของสองประเทศก็ใชศ้ าสนาในส่วนที่เก่ียวขอ้ งกบั เศรษฐกิจและการเมืองเช่นกนั 

เสียงเรียกร้องหาศาสนาอิสลามโดยกลุ่มวะฮาบี (เป็นแขนงหน่ึงของนิกายซุนนี นกั วชิ าการมองวา่ เป็นพวก อนุรักษน์ ิยมและเคร่งครัดอยา่ งมาก) ก็ไดร้ ับการปฏิบตั ิเช่นเดียวกบั ศาสนาส่วนใหญ่ กล่าวคือเคยถูกทาให้ เส่ือมเสียและผูน้ าก็เคยทาผิดพลาดเช่นกนั มกั เกิดข้ึนพร้อมกบั การนองเลือดที่ถูกช้ีนาโดยความจาเป็นและ วฒันธรรมท่ีมีอยใู่นขณะนนัไดร้ับการสนบัสนุนทางศาสนาวิทยาศาสตร์การเมืองและวตัถุและมีแผนการ ฟ้ืนฟูอิสลามเพ่ือใหก้ ลบั สู่จุดเริมตน้ ท่ีมาพร้อมกบั ศาสดามูฮมั หมดั เป็นกรอบในการอา้ งอิง จุดเริมตน้ น้ีถูก กาหนดขอบเขตไวร้ ะหวา่ งความสมบูรณ์แบบสูงสุดดงั ที่ปรากฏในวจนะของศาสดามูฮมั หมดั จงสวดอยา่ ง ท่ีเจา้ เห็นเราสวดและ ความพยายามขนั ต่าสุดแสดงไวอ้ ยา่ งชดั เจนในวจนะของศาสดาเช่นกนั จงทามนั ( ต อ น น ้ ี ) แ ล ว้ จ ะ ไ ม ่ เ ป ็ น อ นั ต ร า ย แ ล ะ ว จ น ะ ข อ ง อ ลั เ ล า ะ ห ์ “ “ ด งั น นั พ ว ก เ จ า้ จ ง ย า เ ก ร ง อ ลั เ ล า ะ ห ์ เ ท ่ า ท ่ ี พ ว ก เ จ า้ สามารถเถิด” 
  ผมใคร่ขอเสนอวา่ กล่มพวกวะฮาบี ซาลาฟี คือเสียงเรียกร้องท่ีมีแนวโนม้ ที่จะแกไ้ ขขอ้ บกพร่องที่มี อยู่ในโลกมุสลิมปัจจุบนั มากที่สุด กลุ่มเรียกร้องน้ียืนยนั ถึงความสาคัญของพิธีกรรมและทาให้มนั มี ความสาคญั สูงสุดเหนือการประพฤตินอกจากน้ียงัยนื ถึงการขาดคนกลางระหวา่งมุสลิมกบั พระผเู้ป็นเจา้ ใน ส่วนของการนมสั การและความประพฤตินนั มุสลิมจะไม่ให้ความสนใจต่อความคิดเห็นของนกั กฎหมาย หรือมนุษยค์ นใด ถา้ หากมนั ขดั ต่อคมั ภีร์กุรอานและซุนนะ หากสิงน้ีไม่ไดถ้ ูกประยุกตใ์ นความประพฤติ ก็ ถึงเวลาท่ีตอ้ งนาการเรียกร้องน้ีมาประยุกต์แลว้ การเรียกร้องของวะฮาบีตอ้ งใช้เวลาเพื่อหลีกเลี่ยงกรอบ ความคิดเร่ืองคนกลาง เพราะมนั เป็นการนาเอาแนวทางของศาสดามูฮมั หมดั มาใชใ้ นการเรียกร้องคนเขา้ สู่ ศาสนาอิสลาม 
  มนั เริมตน้ ดว้ ยการทาให้มโนกรรมบริสุทธ์ิ เป็นการให้ความสาคญั ต่อเอกเทวนิยมบริสุทธ์ิ (เตาฮีด ความเชื่อว่ามีพระเจา้ องค์เดียว) ดว้ ยการนมสั การแต่อลั เลาะห์องค์เดียวเท่านนั ในขนั ที่สอง เสียงเรียกร้อง ของวะฮาบี คือการให้ความสนใจต่อการทาให้ความประพฤติบริสุทธ์ิดงั ที่ศาสดามูฮมั หมดั (ขอสันติสุขจงมี แด่ท่าน) ทาในการเรียกร้องของท่านที่เมกกะและเมดินา แต่น่าเสียดาย ท่ีรัฐซาอุดิท่ีหน่ึงตอ้ งล่มสลายใน ศตวรรษท่ี 19 ซ่ึงหมายความว่าเสียงเรียกร้องของวะฮาบี ไม่สามารถทาให้การทาให้มโนกรรมมีความ บริสุทธ์ิ และทาให้มนั มีความกระจ่างและบริสุทธ์ิแด่องค์อลั เลาะห์ดงั ที่ระบุไวใ้ นคมั ภีร์กุรอานและซุนนะ โดยไม่ไดท้ าตามความเห็นและตาราของนกั กฎหมายไดส้ าเร็จลุล่วง ในขนั ที่สองน้ี 
  บดั น้ีถึงเวลาของดาเนินการตามช่วงท่ีสองของเสียงเรียกร้องของวะฮาบี ของท่านชีค มูฮมั หมดั อิบนฺ อบั ดุล ปัจจุบนั เง่ือนไขทางการเมือง เศรษฐกิจ และศาสนามนั เหมาะสม อีกทงั ยงั เป็ นความจาเป็ นและความ เร่งด่วนดว้ ย ประกอบกบั มีการขยายเสียงเรียกร้องของวะฮาบีให้ครอบคลุมถึงความประพฤติ กรอบความคิด เ ร ่ ื อ ง ก า ร ป ร ะ ย กุ ต ก์ า ร ค ว บ ค ุ ม ว ธิ ี ก า ร แ ล ะ เ ป ้ า ห ม า ย จ ะ ถ ู ก ท า ใ ห ้ ม ี ผ ล ด งั น นั ข อ้ จ า ก ดั ต ่ อ ก า ร ป ร ะ ย ุ ก ต จ์ ร ิ ย ธ ร ร ม ของอิสลามก็จะลดลงไป และเราสามารถออกจากการถูกจองจาดว้ ยความเคร่งครัด ซ่ึงมนั ก็มีเหตุผลที่ชาว มุสลิมจะยอมรับวิธีแก้ปัญหาน้ี ในทางการเมือง ผูน้ ารัฐอิสลามกาลงั เผชิญกบั ภยั ของ ญิฮาดอิสลาม แ ละ เรียกร้องหาการเมืองแบบอิสลามพวกเขาจะตอ้ นรับขบวนการเพื่อการแกไ้ ขใหม่น้ีซ่ึงเป็นการป้องกนั ภยั อนั ตรายดงั กล่าว และรวบรวมการสนบั สนุนทางการเมืองจากประชาชน ดว้ ยเหตุที่เสียงเรียกร้องของวะฮาบี คือแนวทางของศาสนาอิสลามที่ซาอุดิอาระเบียดาเนินรอยตาม อาจเป็ นไดว้ า่ ผนู้ าซาอุดีมีความสนใจในการ สนบั สนุนทางการเมืองและเศรษฐกิจมากกวา่ 
  พวกลทั ธิสุดโต่งมกั มีความจริงใจ เขาไม่ยอมรับการเสกสรรในการตีความบทบญั ญตั ิของ ชาริอะห์ ความจริงใจทาให้เขาตอ้ งปฏิบตั ิตามบทบญั ญตั ิที่วางไวเ้ป็นอยา่ งดีถา้ มนั ถูกตอ้ งและมีการวิเคราะห์ไวแ้ ลว้ พวกสุดโต่งปฏิบตั ิตามบทบญั ญตั ิและประยุกตม์ นั ในการให้เหตุผลง่ายๆ ทว่าไม่ถูกตอ้ ง(หลกั นิติศาสตร์) กลุ่มวะฮาบี แมว้ า่ จะเป็นพวกหวั รุนแรงและแตกต่างจากแนวคิดแบบสุดโต่ง แต่ก็มีความคลา้ ยกบั แนวคิดน้ี ในแง่ของการยึดมนัและมีความเขา้ ใจในบทบญั ญตั ิของชาริอะห์ ดงั นนั น่ีจึงเป็นแขนงหน่ึงของอิสลามที่ดี ท่ีสุดต่อการประนีประนอมวธิ ีคิดของตวั เองถา้ กลุ่มวะฮาบีแสดงบทบาทของตนในการฟ้ืนฟูการใหเ้หตุผล ข อ ง ห ล กั น ิ ต ิ ศ า ส ต ร ์ ด ว้ ย ก า ร ใ ช ก้ า ร ใ ห เ ้ ห ต ุ ผ ล ต า ม ห ล กั น ิ ต ิ ศ า ส ต ร ์ ท ี ่ เ ห ม า ะ ส ม ( ต ร ร ก ะ ) ไ ด เ ้ ส ร ็ จ ส ม บ ู ร ณ ์ ก ็ จ ะ เป็นการขยายแนวทางตามหลกันิติศาสตร์ของตนในการนมสัการและการทาความเขา้ใจความศรัทธา 
  เสียงเรียกร้องเหล่าปัญญาชนมกั ถูกแสดงอยใู่ นการทาความเขา้ ใจคมั ภีร์กุรอานใหม่กบั ผลประโยชน์ ของตน ผลประโยชน์ส่วนตนคือขอ้ อ้างของรัฐธรรมนูญ รัฐบาล ขบวนการ และลัทธิสุดโต่งทังหมด ขบวนการของปัญญาชนและหลกั การทงั หลาย ซ่ึงพยายามที่จะขยบั อิสลามออกจากการแสวงประโยชน์ทาง การเมืองและการคา้ เป็นการพยายามเพอ่ื ใหอ้ ิสลามมีรูปแบบเหมือนดงั เดิม ทวา่ กลบั ไม่มีใครพยายามทาเพื่อ ปลดปล่อยอิสลามจากกิจการของหลกั นิติศาสตร์ตลอดหลายศตวรรษท่ีผา่ นมา ถา้ กลุ่มเรียกร้องวะฮาบีซา ลาฟี ถูกขยายเพ่ือใหค้ รอบคลุมเรื่องความประพฤติ มนั ก็สามารถดึงอิสลามออกจากการแสวงหาประโยชน์ ทางการเมือง เศรษฐกิจและของพวกลทั ธิสุดโต่งภายใตข้ อ้ อา้ งของพระคมั ภีร์วิวรณ์(การเปิ ดเผย) คมั ภีร์กุ รอานและซุนนะ เมื่อมีการประยุกตพ์ ระคมั ภีร์วิวรณ์บริสุทธ์ิท่ีถูกส่งลงมาโดยศาสดามูฮมั หมดั ก็ไม่มีใคร สามารถแสวงหาประโยชน์จากศาสนาอิสลามในทางการเมืองหรือเพ่ือผลประโยชน์ส่วนตวั อีกต่อไป ซ่ึงก็ หมายความด้วยว่ามุสลิมสามารถภูมิใจในศาสนาของตนต่อไป และบรรลุความฝันของการประยุกต์ใช้ ศาสนาอิสลามในประเทศของตนเช่นเดียวกบั การทาตวั อยหู่ ่างจากความเขม้ งวดลทั ธิวะฮาบีซาลาฟีช่วยตดั การสนบั สนุนทางปัญญาและการทาญิฮาด ที่พวกลทั ธิสุดโต่งไดร้ ับจากสังคมอิสลาม ถา้ เราทาเรื่องน้ีสาเร็จ มุสลิมก็จะถูกใส่อยใู่ นเป้ าหมายของการรวมมนุษยชาติเขา้ ดว้ ยกนั บนหลกั การของความประพฤติชอบดว้ ย 


การอภปิราย 

ประธาณ วาสซิลิอู: จริงๆแลว้ ทุกคนรู้วา่ กฎเกณฑ์เรื่องพฤติกรรมที่ชอบดว้ ยจริยธรรมคืออะไร แต่อาจมีขอ้ แตกต่างบางอยา่ ง แต่คาถามนนั ง่ายมากๆ เราคาดหวงั ใหค้ นกระทาตามเจตนารมณ์ที่ดีของพวกเขา หรือรับ ฟังแรบไบ นกั เทศน์ พระเก่ียวกบั สิงที่เขาตอ้ งทาอยา่ งนนั หรือ? หรือคุณตอ้ งการสร้างเง่ือนไขภายในสังคม ของเราซ่ึงจะเพิมความกดดนั ต่อผนู้ าธุรกิจและการเมืองให้ประพฤติตนอย่างมีจริยธรรมมากข้ึนหรือใน ความคิดของผม ถ้าเราคาดหวงั ให้คนทาตามเจตนารมณ์เสรี โอกาสท่ีสิงน้ีจะเกิดข้ึนช่างอยู่ห่างไกลมากๆ เพราะบางคน เช่นคานธีและแมนเดลา ต่างก็ประพฤติเช่นนนั และสามารถเปล่ียนแปลงโลก แต่นนัยงั ไม่พอ นนัคือสิงท่ีผมอยากจะให้มีการอภิปรายต่อไปเพื่อดูว่าเราจะสามารถคน้ หาว่าสังคมของเราเพิมแรงกดดนั ผนู้ าเพื่อใหป้ ระพฤติอยา่ งมีจริยธรรมมากข้ึนไดไ้ หม 
  ผมสงสัยวา่ ผถู้ ือหุน้ ของเราจะบ่นไหมถา้ เขาหรือเธอไดร้ ับการบอกเล่าวา่ บริษทั ไม่มีกาไร เพราะคุณ ประพฤติชอบดว้ ยจริยธรรม หรือคุณจะปรบมือเมื่อไดย้ ินวา่ หุ้นกาลงั มีค่าเพิมข้ึน และอื่นๆ แลว้ คุณก็จะไม่ ถามคาถามใดๆเลย ถึงผมจะเห็นดว้ ยกบั คุณเก่ียวกบั ความตอ้ งการ การศึกษา การพฒั นา และอื่นๆ ผมยงั คง เช่ือวา่ น่าเสียดายที่เราซ่ึงเป็นมนุษยท์ ุกคน เรามีจุดอ่อน และเราจาเป็นตอ้ งมีการควบคุมมากข้ึน 

นายกรัฐมนตรี วรานิทสก:ี้ อยา่ งนอ้ ยที่สุดในประเทศอุตสาหกรรม เรามีความกา้ วหนา้ อยา่ งมากในช่วง 200- 300ปีที่ผ่านมาบนหลกั การของจริยธรรมแต่ก็อยู่บนหลกั การมนุษยท์ ุกคนมีความทดั เทียมกนั ด้วย ดงั นนั เราจึงไดพ้ ฒั นาความเป็นปึกแผน่ ในประเทศของเราเราอาศยั อยใู่ นโลกที่มีการแบ่งแยกอานาจของมอง เตลกิเยอร์ แต่จากการกล่าวเช่นนนั และไดฟ้ ังการอภิปรายท่ีน่าสนใจและมีค่าของหลายๆท่าน ผมจาไดว้ า่ มี บางท่านกล่าวว่า จริยธรรมและหลกั การคือด้านหน่ึงของเหรียญ แต่ความหมายในชีวิตคืออีกด้านของ เหรียญเอาละ จากท่ีพูดถึงกนั ในวนั น้ี ควรมีแรงกดดนั อะไรสักอยา่ งต่อนกั การเมืองและผตู้ ดั สินใจ ใหใ้ ช้ จริยธรรมในการตดัสินใจบา้งไหม?คาตอบน่าจะเป็นควรมีแต่จะจดัตงัแรงกดดนัน้ีอยา่งไร
  และเร่ืองน้ีนาผมสู่คาถามพ้ืนฐานสองสามขอ้ เกี่ยวกบั ระบบประชาธิปไตยและสังคมประชาธิปไตย ตวัอยา่งเช่นในยุโรปรวมถึงอเมริกาเหนือดว้ยนนั เราไดเ้ห็นความไม่พอใจมากมายไม่ใช่เฉพาะของพวกที่ เรียกวา่ คนธรรมดาทวัไปแต่รวมถึงองคก์ รทางการเมืองต่อการตดั สินใจดว้ ย ในยุโรป สิงน้ีนาไปสู่คาถาม วา่ เราไม่ควรมีสิงที่เราเรียกวา่ ประชาธิปไตยทางตรงมากข้ึนแทนโมเดลการปกครองประชาธิปไตยแบบมี ตวั แทนหรอกหรือ?” ประชาธิปไตยแบบมีตวั แทน ใช่แลว้ หมายถึงผซู้ ่ึงเป็นตวั แทนอยใู่ นรัฐสภา ถึงตอนน้ี พวกเขาเป็นเป้าหมายของการกดดนั หรือไม่? เราฟังเพื่อนของเราซ่ึงพูดถึงการเสแสร้งของจริยธรรมใน รัฐสภาตะวนั ตกทงั หมด พวกเขามีคณะกรรมาธิการว่าดว้ ยจริยธรรม คอยตรวจสอบพฤติกรรมนกั การเมือง เอาละ อนั น้ีคือดา้ นหน่ึงของเหรียญ 
  ส่วนอีกด้านหน่ึง ซ่ึงแม้จะทาอะไรได้ค่อนข้างมาก แต่เราก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเราประสบ ความสาเร็จในการสร้างความทดั เทียมกนั ของมนุษย์ ไม่มีความเสมอภาคทางเพศ ในหลายๆประเทศ ไม่มี ความทดั เทียมของคนที่อาศยั อยใู่ นประเทศเหล่าน้ีเป็นเวลานานพวกเขาไม่ไดเ้กิดในประเทศดงั กล่าวคนซ่ึง มาจากส่วนต่างๆของโลก คนซ่ึงบงั เอิญต่างเผา่ พนั ธุ์ ฯลฯ 
  ดงั นนั คาถามของผมจึงไดแ้ ก่ในขณะที่จริยธรรมในการตดั สินใจเป็นหวั ขอ้ ท่ีมีความสาคญั และ ทา้ ทาย เราพิจารณานยั สาคญั ของหวั ขอ้ น้ีในส่วนที่เกี่ยวกบั การทบทวนเรื่องประชาธิปไตยของเราอยา่ งไรของระบบประชาธิปไตยและสังคมอยา่งไร?ในสหรัฐอเมริกากลุ่มการเมืองท่ีเรียกวา่ กลุ่มนาชา(TeaParty เป็นกลุ่มอนุรักษนิยมเชิงเสรีนิยม ที่ตอ้ งการลดหน้ีภาครัฐและการขาดดุลงบประมาณของรัฐโดยการลดทงั ร า ย จ ่ า ย ภ า ค ร ั ฐ แ ล ะ ก า ร เ ก ็ บ ภ า ษ ี ข อ ง ร ั ฐ ก ล ุ ่ ม ด งั ก ล ่ า ว เ ร ิ ม ก ่ อ ต วั ข ้ ึ น ป ร ะ ม า ณ ป ี 2 0 0 7 ภ า ย ใ ต พ้ ร ร ค ร ี พ บั ล ิ ก นั แ ล ะ สร้างกระแสทางการเมืองจนประสบความสาเร็จอย่างมากในการเลือกตงั ปี 2010 ทาให้พรรครีพบั ลิกนั ได้ เสียงเพมิในวฒุ ิสภาและไดเ้ สียงขา้ งมากในสภาผแู้ ทนราษฎร) คือตวั อยา่ งท่ีโดดเด่นของความไม่พอใจต่อสิง ที่เกิดข้ึนในทาเนียบขาวและรัฐสภา ท่ียุโรป มีขบวนการและองคก์ รมากมาย ซ่ึงถึงท่ีสุดแลว้ ก็ไม่ไดป้ กปิ ด ความคิดเห็นของตนว่าวิธีการทางตรง หมายถึงวิธีการของประชาธิปไตยทางตรง คือเจตนารมณ์ของ ป ร ะ ช า ช น ใ น ย ุ โ ร ป ต ะ ว นั อ อ ก เ ร า ไ ด เ ้ ห ็ น ก า ร โ ต แ้ ย ง้ แ ล ะ ก า ร อ ภ ิ ป ร า ย บ น ท อ้ ง ถ น น เ ร า จ ะ จ ดั ก า ร ก บั เ ร ื ่ อ ง น ้ ี อย่างไร? ความไม่ลงรอยอย่างชัดเจนระหว่างความปรารถนาและจริยธรรม และเงื่อนไขแท้จริงหรือ สถานการณ์จริง ท่ีว่าไม่สามารถจัดตังแรงกดดันท่ีจาเป็นในแง่หน่ึง แต่เราบอกได้ว่าเรื่องน้ีช่วยเพิม เสถียรภาพแก่ระบบของเรา บางที ผบู้ รรยายเมื่อเชา้ น่าจะให้คาตอบหรือเครื่องบ่งช้ีเก่ียวกบั สิงท่ีเราสามารถ นาไปใชจ้ ากการประชุมน้ี โดยปราศจากการเห็นพอ้ งวา่ ควรมีพ้ืนฐานท่ีดีของจริยธรรมในการตดั สินใจ 

ประธานาธิบดีโอบาซานโจ: นกั การเมืองกาลงั อยใู่ ตค้ วามกดดนั ส่วนใหญ่แบกความกดดนั จากเขตเลือกตงั จากผมู้ ีสิทธิเลือกตงั ในเขตเลือกตงั ถา้ เราอยากให้โอกาสและการกระตุน้ แก่นกั การเมืองเพ่ือสังเกตหลกั การ ทางจริยธรรมและดารงชีวติ ตามมาตรฐานทางจริยธรรม ก็ตอ้ งใหส้ ิงจงู ใจบางอยา่ ง ผมไม่รู้วา่ ควรจะพิจารณา วางแผนเร่ืองสิงจูงใจและคิดหาวิธีการลงโทษบางอยา่ งกนั อยา่ งไรเพราะนนัเป็นทางเดียวที่สามารถกดดนั พวกเขาเพ่ือใหธ้ ารงมาตรฐานทางจริยธรรมและหลกั การทางจริยธรรม นนัคือเร่ืองภายในใจ นอกจากน้ียงั มี เรื่องภายนอกท่ีผมสังเกตเห็นได้ เวลาที่พูดกันว่ายุโรปและในสังคมท่ีมีความมนัคงทงั หลายเริมมีการ ปรับปรุงข้ึนบา้งแลว้ ผมก็จะบอกวา่ ก็จริงแต่ยงัไม่มากพอ 
  ยอ้ นหลงั ไปเมื่อสองสามปีก่อนปีเตอร์ไอเกนและผมเริมทางานเพ่ือสิงที่รู้จกั กนั ในปัจจุบนั ว่า ความโปร่งใสนานาชาติบริษทั ท่ีไดร้ ับการสนับสนุนจาก โออีซีดี ไดร้ ับสิทธิพิเศษในการลดหยอ่ นภาษี จากการให้สินบนในประเทศอื่น ไม่ใช่ประเทศตนเอง นันคือหน่ึงในสิงที่เราต้องวางแผนจดั การ และ แน่นอน โออีซีดีเองก็ไดจ้ ดั การประชุมและดาเนินการต่างๆเพ่ือจดั การกบั เรื่องน้ีดว้ ย แต่ถึงกระนนั ยงั คงมี ประเทศที่ส่งเสริมองค์กรบริษทั ของตนให้ยอมจ่ายสินบน ที่นามาซ่ึงการทุจริตนอกประเทศตน แลว้ เราจะ มนัใจไดอ้ ย่างไรวา่ จะมีการบงั คบั ใชข้ อ้ กาหนดเกี่ยวกบั หลกั การทางจริยธรรม และมาตรฐานทางจริยธรรม เพื่อยตุ ิปัญหาดงั กล่าวใหส้ ินซาก

ประธาน วาสซิลอิ :ู ผมขออา้ งถึงสิงท่ีเกิดข้ึนในไซปรัส วา่ ตอนน้ีพวกเขาตอ้ งตดั สินใจบงั คบั ใชก้ ฎหมาย ซ่ึง เป็นบทลงโทษผตู้ ิดสินบนดว้ ย ใครน่าจะโดนตาหนิมากกว่า? ที่กรีซ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและ นกั การเมืองอีกหลายคนถูกจาคุกเพราะพวกเขาไดเ้งินมากมายตอนที่ซ้ือเรือและของอื่นๆจากเยอรมนีและ ประเทศต่างๆ พวกเขาตอ้ งเขา้ คุก แต่ผทู้ ี่ใหส้ ิงจงู ใจล่ะ พวกเขาก็มีแต่ไดก้ าไร เพราะฉะนนั ถา้ เราตอ้ งการกา้ ว สู่โลกที่ดีข้ึน ผมคิดว่าเราตอ้ งพิจารณาเร่ืองการลงโทษว่าไม่ใช่แค่ผูท้ ี่รับสินบนเท่านัน แต่รวมถึงผูท้ ่ีติด สินบนเช่นกนั 

ประธานาธิบดีโอบาซานโจ:การคอร์รัปชนัเป็นกิจการแบบสองทางถา้คุณลงโทษแค่ฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงก็ไม่มี วนัยตุิมนัได้ 

นายกรัฐมนตรีเครเตียง:ที่แคนาดามีกฎหมายลงโทษบงั คบั ใช้ถา้ เราเป็นฝ่ายติดสินบนไม่ใช่แค่ในแคนาดา เท่านนั แต่เป็นในต่างประเทศดว้ ย ไม่ใช่เพราะเรารับสินบน เพราะฉะนนั คุณพูดถูกแลว้ คุณโอบาซานโจ ท่ีวา่ ในยุโรป การให้สินบนถือวา่ มีความจาเป็นต่อการสร้างธุรกิจในรูปของการใหส้ ิทธิในการหักลดหยอ่ น ภาษีเป็นเวลานานแลว้ พอผมทราบเร่ืองน้ีก็ถึงกบั ช็อกเลยพวกเขากาลงั เปลี่ยนแปลงหรือไดเ้ปลี่ยนแปลงมนั แลว้ แต่ที่แคนาดา เรามีปัญหาบา้ งในตอนน้ี และมีบริษทั ที่ถูกดาเนินคดี เพราะไปติดสินบนในไนจีเรียและ ที่อ่ืนๆแต่คุณบอกวา่ ขอ้ กาหนดต่างๆอาจสร้างภาระแก่ธุรกิจแต่มนั ก็เป็นวธิ ีแกป้ ัญหาท่ีใชไ้ ดผ้ ลจริงอยบู่ า้ ง ผมอยใู่ นวงการการเมืองมานาน 40 ปี และอีก 10 ปี ในฐานะผสู้ ังเกตการณ์ 

ตอนท่ีชีค อลั -กูรายชิ พูดถึงปัญหาเร่ืองการล่มสลายทางการเงินเมื่อปี 2008 ปัญหาท่ีเกิดข้ึนอย่างหน่ึงก็คือ มาตรการควบคุมสูงสุด โดยเฉพาะอยา่ งยงิในสหรัฐอเมริกา ซ่ึงแต่เดิมกาหนดไวว้ า่ คุณเป็นนายธนาคาร คุณก็ ทาธุรกิจธนาคารไปถ้าคุณเป็นบริษทั ประกันภยั คุณก็ทาธุรกิจประกันภยั คุณเป็นนายหน้าก็ทาตวั เป็น นายหนา้ แลว้ ยงั มีวานิชธนากรดว้ ย ซ่ึงต่างก็แยกกนั ทาธุรกิจของตน แต่กลายเป็ นวา่ ปัจจุบนั ทงั หมดที่กล่าว มนั มนั ผสมปนเปกนั ไปหมด เพราะทุกวนั น้ีนายธนาคารก็หนั มาขายประกนั ภยั ดว้ ย สมยั ก่อนในประเทศของ ผมทาไม่ได้เลย แต่ตอนน้ีเริมทากนั แล้ว ตวั ผมคดั ค้าน แต่ผูน้ าต่อจากผมกลบั อนุญาต เพราะฉะนนั สิงท่ี เกิดข้ึนเวลาที่คุณไปธนาคารและบอกวา่ ผมจะขอกเู้ งินธนาคารเจา้ หนา้ ท่ีตอบวา่ ไดค้ รับ แต่คุณตอ้ งซ้ือ ประกนั ชีวติ ดว้ ยถึงจะไดส้ ินเช่ือหรือธนาคารอาจพูดวา่ ผมไม่ใหส้ ินเชื่อคุณหรอก แต่ผมอยากให้คุณออก หุน้ มากกวา่เพราะธนาคารไดเ้งินจากการออกหุน้ มากกวา่การกินดอกเบ้ียเงินกู้ 
  เราเคยเรียกมนั วา่ส่ีเสาหลกั โดยแบ่งแยกจากกนั ในนามของเสรีภาพเราปล่อยใหม้ นั เป็นเช่นนนั ใน ความคิดของผม เร่ืองน้ีทาให้เกิดการขดั แยง้ กนั ของผลประโยชน์ และจากประสบการณ์ของเรา พบว่ามี ประชาชนร้องเรียนวา่ ธนาคารแคนาดามีพฤติกรรมไม่ดีมากๆ แต่สมยั ท่ีผมเป็นนายกรัฐมนตรีแคนาดา ผมไม่ อนุญาตให้ธนาคารควบรวมกิจการ โดยเราไดต้ งั กฎไวว้ ่าธนาคารไม่สามารถรับจานองเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าสินทรัพย์ แต่สิงที่เกิดข้ึนในสหรัฐฯ คือธนาคารให้สินเชื่อถึง 150 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่า อสงัหาริมทรัพย์เพราะธนาคารคิดวา่มนัจะมีมูลค่าเพิมข้ึนในอีก10หรือ20ปีขา้งหนา้ 
  และทุกคนต่างก็เล่นไปตามเกมนนั เป็นทงั นายหนา้ คา้ หลกั ทรัพย์บริษทั ประกนั ภยั และทงั หมดน้ีก็ ผสมปนเปกนั ไปหมดจากการท่ีผลประโยชน์ขดั กนั และทงั หมดน้ีเป็นไปในระยะสันเช่นกนั ถา้ ใครเป็น ประธานธนาคารแห่งหน่ึงเป็นเวลาห้าปี เขาต้องรีบทาให้มูลค่าหุ้นเพิมข้ึนอย่างรวดเร็ว ดังนันเขาจึง ใ ช ้ อ ็ อ พ ช นั ใ น เ ว ล า ห ้ า ป ี จ น ห ม ด แ ล ะ ไ ป ท ี ่ ฟ ล อ ร ิ ด า เ พ ื ่ อ ซ ้ ื อ บ า้ น ห ล งั ใ ห ญ ่ ผ ม จ ึ ง ค ิ ด ว า่ จ ร ิ ย ธ ร ร ม ก า ล งั ต อ้ ง ก า ร ความช่วยเหลือแลว้ ล่ะ ประธานธนาคารทาดีแลว้ ในแง่ของผลกาไร ตวั ผถู้ ือหุน้ เองก็ไม่สนหรอกวา่ เขาใชว้ ิธี อะไรตราบใดท่ีเขายงัจา่ยเงินปันผลให้ 
  แต่เราก็กาลงั สร้างความคืบหนา้ ในส่วนของกฎเกณฑ์และวิธีการทาธุรกิจกนั แลว้ เพราะมีการตงั ขอ้ หาผทู้ ี่ใหส้ ินบนดว้ ยน่าจะเป็นประเทศส่วนใหญ่ในโลกดว้ ยซาเมื่อ20ปีก่อนไม่มีแบบน้ีเพราะตอนนนั เขาใชว้ ธิ ีหกั ลดหยอ่ นภาษี ปัจจุบนั ไม่มีการใหส้ ิทธิหกั ลดหยอ่ นภาษีแบบท่ีผมเขา้ ใจในประเทศส่วนใหญ่อีก แลว้ 
  เพราะฉะนัน จริยธรรมจึงต้องสอดคล้องกับข้อกาหนด ปัจจุบันผมเห็นว่าหลายประเทศผ่าน กฎหมายว่าสินบนไม่ใช่ค่าใชจ้ ่ายของการดาเนินธุรกิจ และไม่มีการหักลดหย่อนภาษีอีกต่อไป ถา้ คุณติด สินบน คุณก็มีความผิดเช่นเดียวกับฝ่ายท่ีรับสินบนจากคุณ นันคือทศั นะของผม และเป็นโลกทศั น์ท่ีว่า จริยธรรมจาเป็นตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือดว้ ยการออกกฎขอ้ บงั คบั เพราะมนุษยอ์ ยา่ งไรก็ยงั คงเป็นมนุษย์ เช่นเดียวกบั สิงยวัยซุ ่ึงมีอยเู่ สมอ 

นายกรัฐมนตรีวรานิทสกี:้ ผมเกรงว่าเราจะกลบั สู่วงั วนเดิมๆ ในช่วงท่ีเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในทศวรรษ 30 รัฐสภาอเมริกนั ไดผ้ า่ นร่างกฎหมายช่ือ แกลส-สตีกลั ล์ (Glass-Steagall) ซ่ึงกาหนดใหม้ ีการแบ่งแยกวานิชธน กิจ(ธนาคารเพื่อการลงทุน)และธนาคารพาณิชยอ์ อกจากกนั โดยสินเชิงซ่ึงเป็นการตดั สินใจท่ีดีมากแต่ไม่กี่ ทศวรรษต่อมา ธนาคารอเมริกนั เขา้ พบประธานาธิบดีคลินตนั เพื่อบอกวา่ ท่านประธานาธิบดี การแบ่งแยก ธนาคารพาณิชยแ์ ละวานิชธนกิจออกจากกนั ทาให้เราไม่มีความสามารถในการแข่งขนั ในระบบของการ โลกาภิวตั น์อยา่ งเพยี งพอดงั นนั รัฐสภาจึงดาเนินการยกเลิกการแบ่งแยกธุรกิจการธนาคารทีละขนั ทีละตอน ดงั นนั มนั จึงนาไปสู่พฒั นาการที่ธนาคารรายใหญ่ของอเมริกาไม่ไดท้ าธุรกิจแค่ในนิวยอร์กเท่านนั แต่ยงั ไปที่ ลอนดอน โตเกียว สิงคโปร์ และที่อื่นๆดว้ ย 
  ขณะเดียวกนั สหราชอาณาจกั ร ก็สูญเสียตาแหน่งชาติอุตสาหกรรมอนั ดบั หน่ึง สาธารณูปโภคเสื่อม โทรม การผลิตรถยนตต์ กต่า การผลิตเคร่ืองจกั รย่าแย่ ฯลฯ เพราะฉะนนั สถานท่ีสร้างกาไรซ่ึงมีความสาคญั ท ี ่ ส ุ ด ใ น อ งั ก ฤ ษ ก ็ ค ื อ ล อ น ด อ น แ ต ่ เ ป ็ น ใ น ฐ า น ะ ข อ ง ต ล า ด ก า ร เ ง ิ น ไ ม ่ ใ ช ่ ศ ู น ย ก์ า ร ผ ล ิ ต อ ี ก ต ่ อ ไ ป แ ล ะ น ี ่ ค ื อ เหตุผลวา่ เหตุใดเม่ือเราพดู ถึงขอ้ กาหนด ผมจึงเห็นดว้ ยกบั คุณอยา่ งเต็มที่ ตวั อยา่ งเช่น รัฐบาลองั กฤษจะไม่มี การบงัคบัใชข้อ้บงัคบัใดๆเพราะขอ้บงัคบัจะเป็นอนัตรายต่อลอนดอนซ่ึงเป็นศูนยก์ลางการเงินนานาชาตินี่ คือเหตุผลขอ้ ที่หน่ึง 
  เหตุผลขอ้ ท่ี 2 คือ การปฏิวตั ิดิจิทลั ทาใหเ้ ราอยใู่ นสถานการณ์ที่ตลาดการเงินมีประสิทธิภาพมากข้ึน มีความรวดเร็วมากข้ึน และอะไรอ่ืนอีกมากมาย เพราะฉะนนั ในขณะที่เรานงักนั อยู่ท่ีนี่ อดีตเพ่ือนร่วมงาน ของผมคนหน่ึงในแวดวงธนาคาร ก็ไดย้ า้ ยไปทาธุรกิจนายหนา้ คา้ หลกั ทรัพยแ์ ละบา้ งก็ลม้ ละลาย ในขณะที่ เรานงัอยู่ที่น่ี โตแ้ ยง้ กนั เร่ืองจริยธรรม พวกเขาก็กดปุ่มคียบ์ อร์ดและส่งเงินสองสามพนั ลา้ นดอลลาร์ ยโู ร และอ่ืนๆ จากเวยี นนาไปแฟรงคเ์ ฟิ ร์ต ไปสิงคโปร์ โตเกียว และอาจส่งกลบั มาที่เวยี นนาโดยแทบไม่ตอ้ งขยบั เลย 
  เหตุผลที่ 3 เราอยใู่ นโลกยุคโลกาภิวตั น์ อยา่ งท่ีรู้กนั มีความไม่ลงรอยอยา่ งมากในเร่ืองระดบั ค่าจา้ ง และเงินเดือน ทาใหผ้ นู้ าอุตสาหกรรมตอ้ งยา้ ยฐานการผลิตจากประเทศที่มีค่าแรงสูงในยุโรปและสหรัฐฯไป ยงั ประเทศโลกท่ีสาม และรัฐบาลก็ดาเนินควบคู่การขยายตวั น้ีดว้ ยการให้ผลประโยชน์ทางดา้ นภาษี เพราะ การไดป้ ระโยชน์จากระบบภาษีอากรไม่ใช่การให้สินบนแต่เป็นการลงทุนการลงทุนในประเทศที่มีค่าแรง และเงินเดือนต่าทาได้ง่ายกว่ากันเยอะ และถ้าคุณสามารถหักลดหย่อนภาษีทังในประเทศตัวเองและ ต่างประเทศ ก็เท่ากบั วา่ คุณไม่ตอ้ งจ่ายภาษีเลย 
  
ประเดน็ ที่สามน้ีเองที่เป็นเหตุผลวา่ ทาไมนกั การเมืองและผตู้ ดั สินใจจึงอยใู่ ตค้ วามกดดนั เพราะไม่ใช่วา่ มีแต่ ซีอีโอเท่านนั ท่ีคอยกระตุน้ ใหเ้ ขาตอ้ งดูแลผลประโยชน์ทางดา้ นภาษี แต่ยงั รวมถึงพวกสหภาพดว้ ย เพราะวา่ ถา้ บริษทั มีคาสังซ้ือสินคา้ เต็ม สหภาพก็สบายและยงั หมายถึงการจา้ งงานแบบเต็มเวลาดว้ ย ส่วนเราก็มานงัคุยกนั เร่ืองจริยธรรม ขอใหโ้ ชคดีแลว้ กนั 

คุณแบนดิออน-ออร์ตเนอร์:ผมแค่อยากบอกว่าในฐานะอดีตผพู้ ิพากษาผูเ้ช่ียวชาญด้านอาชญากรรมทาง เศรษฐกิจ ถ้ามีจริยธรรมมากข้ึน มีศีลธรรมในการทาธุรกิจของเรามากข้ึน โดยเฉพาะอย่างยิงในระบบ ธนาคาร ก็คงไม่มีวกิ ฤติการณ์ทวัโลก ปัญหาคือพฤติกรรมท่ีมิชอบไม่ไดเ้ ป็ นการก่ออาชญากรรมซ่ึงสามารถ ลงโทษไดท้ งั หมด บางครังมนั เป็นแค่ประเด็นทางศีลธรรม และศีลธรรมบางครังก็ไม่ไดม้ ีผลอะไร นนัละ ปัญหา ประชาชนและส่ือเองบางครังก็ไม่เขา้ ใจเรื่องน้ี ผมจึงอยากจะยืนยนั ในสิงท่ี ดร. วรานิทสก้ี ไดก้ ล่าว ไว้เพราะนนัคือปัญหาแทจ้ ริง 

นายกรัฐมนตรีวรานิทสก:ี้ แต่ในอาชีพการเป็นผพู้ ิพากษาของคุณคุณพบเจอแต่อาชญากรรมไม่ไดเ้จอกรณี ที่ดีเลย 

ศรี ศรี ระวี แชงการ์: ปี 2010 เราเริมตน้ การต่อสู้เพื่อการต่อตา้ นการคอร์รัปชนัในอินเดีย เพราะผูค้ นถูก แวดลอ้ มดว้ ยปัญหาการทุจริตในจานวนท่ียากจะเอาชนะได้ แค่จะขอมรณบตั ร ก็ตอ้ งจ่ายสินบน ขอสูติบตั ร ก็ตอ้ งติดสินบน ดงั นนั เราจึงเริมตน้ ขบวนการ อินเดียต่อตา้ นคอร์รัปชนัเพ่ือเป็นการกดดนั รัฐบาลใหอ้ อก กฎหมายซ่ึงยงัอยรู่ะหวา่งการพิจารณาถึง15ปีแลว้ จริงๆแลว้อินเดียมีกฎหมายลงโทษผทู้่ีใชแ้นวปฏิบตัิไม่ ชอบดว้ ยจริยธรรมอยา่ งรุนแรงอยแู่ ลว้ แต่ไม่มีการปฏิบตั ิตามกฎหมาย 
  คุณตอ้ งให้การศึกษาแก่ประชาชนเพ่ือให้เกิดเป็นความรับผิดชอบและเป็นการแสดงแบบอย่างที่ดี ให้เห็น คุณตอ้ งพิจารณาจิตสานึกของตวั เอง การสร้างคุณลกั ษณะ การให้การศึกษาแก่ประชาชน ให้ปฏิบตั ิ ตามกฎเกณฑ์ หลกั จริยธรรม เป็นสิงสาคญั ท่ีสุด ไม่เช่นนนั แลว้ กฎหมายจะยื่นมือเขา้ มาเมื่ออาชญากรรม เกิดข้ึนและการลงโทษจึงตามมาแต่ถา้ ตอ้ งการป้องกนั ก็จาเป็นตอ้ งมีจริยธรรมความซ่ือสัตยเ์ชิงบวกไม่ใช่ ความซื่อสัตยจ์ อมปลอม ดงั นนั เราจึงทาสิงหน่ึง ในการประชุมใหญ่ซ่ึงจดั ข้ึนทวัอินเดีย เราเชิญเจา้ หนา้ ท่ีและ ขอใหพ้ วกเขาสัญญาวา่ จะไม่ติดหรือรับสินบน ปรากฏวา่ มนั ไดผ้ ลจริงๆ 

  การใชช้ ีวติ เรียบง่าย ดงั ท่ีมหาตมะ คานธี ทาให้เห็นเป็นตวั อยา่ งเมื่อนานมาแลว้ แทบจะสูญหายไป หมดแล้วในประเทศเรา เราจาเป็นตอ้ งดึงสิงน้ีกลบั มาอีกครัง ด้วยการสร้างแบบอย่างแก่คนของเรา ซ่ึงก็ เหมาะสม เพราะความทรงจาของสาธารณชนค่อนขา้ งสัน เวลาที่คนไดเ้ ห็นเร่ืองอ้ือฉาวครังแลว้ ครังเล่า ใน ภาคการเงินของสหรัฐฯและอินเดียนนั เราจาเป็นตอ้งยาเตือนประชาชนวา่เงินท่ีไดม้าง่ายๆทาให้เขา้ไปนอน ในคุกได้แต่การสร้างแบบอยา่ งของความซ่ือสัตยแ์ ละยงั คงประสบความสาเร็จไดน้ นั เป็นสิงสาคญั แต่น่า เสียดาย เพราะผูป้ ระกอบการหนุ่มสาวคิดว่า การจะทาเงินก้อนโตได้ต้องใช้เส้นทางการทุจริต กรอบ ความคิดในใจของคนหนุ่มสาวเช่นน้ีตอ้ งไดร้ ับการแกไ้ ข และทาไดด้ ว้ ยตวั อยา่ งที่ดี เพราะฉะนนั ในส่วนของ จริยธรรมธุรกิจ การสร้างแบบอย่างจึงเป็นสิงจาเป็น บริษทั ที่ดาเนินธุรกิจดว้ ยดีและมีผลกาไรงาม สามารถ แสดงความสาเร็จเพ่อื จุดประกายผคู้ นในฐานะแบบอยา่ งที่ดีได้ 

ประธานวาสซิลิอู: การสอนเป็นสิงที่ดีแต่ยงั ไม่พอ ที่อินเดียคุณสามารถบอกคนไม่ให้ข่มขืน แต่คุณก็ จาเป็นตอ้ งมีการจดั การในเร่ืองดงั กล่าวดว้ ย 

ศรี ศรี ระวี แชงการ์: ถูกตอ้ ง คุณจาเป็นตอ้ งมีทงั สองอยา่ ง คือ กฎหมายและการศึกษา 

ดร. ฮาบาช: ผมขอเพิมเติมส่วนของชีค อลั -กูรายชิ ตอนที่เขาพดู วา่ เราตอ้ งสอนจริยธรรมในโรงเรียนของเรา การทาอะไรสักอย่างในวงการศึกษาเป็นเร่ืองสาคญั มาก แต่คงยงั ไม่เพียงพอ ถ้าปราศจากการมีพ้ืนฐาน ร่วมกนั เรื่องจริยธรรม เรากาลงั พูดถึงจริยธรรม แต่ใครจะเป็นคนสุดทา้ ยท่ีสามารถพดู ว่า เรื่องน้ีชอบดว้ ย จริยธรรม ไม่ชอบดว้ ยจริยธรรม ชอบดว้ ยศีลธรรม ไม่ชอบดว้ ยศีลธรรมเรากาลงั มองสิงอา้ งอิงที่สูงกวา่ ผม เชื่อวา่ การจะไปถึงจุดนนั ได้ เราตอ้ งทางานหนกั เราตอ้ งจดั การประชุมพิเศษ บางทีในการประชุมน้ีเราอาจ ไม่สามารถบรรลุขอ้ สรุปสุดทา้ ย วา่ จะทาใหห้ ลกั จริยธรรมสากลเขา้ ไปมีส่วนในการตดั สินใจไดอ้ ยา่ งไร 
  เรากาลงั มองหาผเู้ชี่ยวชาญเพ่อื ใหม้ าร่วมไล่ดูทีละบรรทดั ทีละคาวา่ จะสร้างความเขา้ ใจร่วมกนั ใหม่ ความเขา้ ใจสากลเก่ียวกบั จริยธรรมเพ่อื นามาสอนในโรงเรียนของเราอยา่ งไร ถา้ เป็นศาสนาก็พอจะหาไดง้ ่าย กวา่ ผมจึงเตรียมร่างฉบบั น้ีและขอมอบต่อเพื่อนของเราที่นี่มอบแด่คริสเตียนพุทธฮินดูและยวิ ผมเชื่อว่า เราตอ้ งทางานหนกั เพอื่ ไปใหถ้ ึงจุดอา้ งอิงสุดทา้ ยของมนุษยชาติใหไ้ ด้ ทุกชาติ ทุกประเทศ ทุกศาสนาต่างก็มี คาตดั สินสุดทา้ ย แต่ถา้ ไม่มีการทากิจกรรมในเรื่องน้ีอยา่ งจริงจงั เราก็คงสามารถพูดถึงจริยธรรมเช่นเดียวกบั พระ นกั ปรัชญาทวัโลก แต่เราไม่สามารถพูดวา่ น่ีคือประเด็นทางศีลธรรม หรือไร้ศีลธรรม มนุษยท์ ุกคนคือ บุตรของพระเจา้ และเราก็กาลงั มองหาครอบครัวหน่ึงเดียวภายใตพ้ ระเจา้ และเราเชื่อวา่ ทุกครอบครัวเป็น ของบิดาคนเดียวกนั แต่เราจะตอ้ งทางานหนกั 

ประธาน วาสซิลอิ ู: เราจะตอ้ งทางานหนกั แน่นอน แต่มนั คงไม่เสร็จสินในช่วงชีวิตของเรา แมแ้ ต่รุ่นหลาน ของเรา รวมทงั รุ่นหลานของพวกเขาก็ยงั ไม่เสร็จ 

นายกรัฐมนตรีมาจาลี: เราไดฟ้ ังเกี่ยวกบั การใชห้ ลกั จริยธรรมในการตดั สินใจในการธนาคารและธุรกิจ เป็นส่วนใหญ่ แต่คนที่มีอิทธิพลมากท่ีสุดในโลกลว้ นอยใู่ นวงการส่ือ แต่น่าเสียดายท่ีจริยธรรมในสื่อไม่ไดม้ ี ผลถึงขนาดส่งอิทธิพลต่อการตดั สินใจของผมู้ ีอานาจตดั สินใจทางใดทางหน่ึง เพราะฉะนนั ไม่วา่ เราจะพดู ถึง จริยธรรมอย่างไร ไม่ควรเป็นแค่เร่ืองการตดั สินใจเท่านัน แต่รวมถึงตวั สื่อเองด้วย ประเด็นที่สองคือนิติ บญั ญตั ิ หมายถึงรัฐสภาท่ีทาหนา้ ท่ีบญั ญตั ิกฎหมาย ถา้ พวกเขาคานึงถึงหลกั จริยธรรมดว้ ย ผมคิดวา่ มนั มีผล ต่อส่วนน้ีเช่นกนั การสร้างสรรคส์ ิงท่ีมีผลกระทบต่อชีวติ ผคู้ นโดยเฉพาะ เพราะฉะนนั ผมจึงคิดวา่ เราควรพูด ถึงสิงที่เก่ียวขอ้ งกบั จริยธรรมในวทิ ยาศาสตร์ 

ดร. ชเลนซอก: จากท่ีฟังการอภิปรายน้ี ผมอยากเตือนพวกคุณวา่ เราไม่ควรจะมองโลกในแง่ร้ายในประเด็น น้ีมากเกินไป เช่น ถา้ คุณมองยอ้ นหลงั กลบั ไปในช่วง 40-50 ปี ก็จะไม่มีความสงสยั เรื่องการพฒั นาครังสาคญั เช่น ดา้ นนิเวศวทิ ยา บทบาทของผูห้ ญิงในสังคมของเราในโลกตะวนั ตก ไม่เพียงแค่นนั ยงั มีความกา้ วหน้า ดา้ นอาวุธยทุ ธภณั ฑด์ ว้ ยเหตุใดเราจึงประสบความสาเร็จในดา้ นน้ีในช่วง40-50ปีที่ผา่ นมา? เป็นเพราะมนั เริมตน้ จากคนๆเดียวหรือสถาบนั เล็กๆแห่งเดียวที่ทาใหห้ วั ขอ้ เหล่าน้ีกลายเป็นวาระท่ีมีความสาคญั ระดบั สูง มีการอภิปรายสาธารณะและทาใหน้ กั การเมืองคน้ พบวา่ มนั สามารถใชเ้ป็นวาระทางการเมืองนนัคือสิงที่เรา เรียกวา่ การสร้างจิตสานึกและผมคิดวา่ ในส่วนของจริยธรรมธุรกิจก็เหมือนกนั เม่ือย่ีสิบปีก่อนไม่มีใครพูด ถึงจริยธรรมธุรกิจ แต่กลบั เป็นหวั ขอ้ การอภิปรายในมหาวิทยาลยั และบริษทั หลายแห่ง ดงั นนั ประเด็นของ ผมก็คือ เราตอ้ งเป็นปากเสียงเรื่องจริยธรรมและตงั คาถามเกี่ยวกบั เรื่องน้ีมากข้ึน และสภาปฏิสัมพนั ธ์ก็เป็น องคก์ รหน่ึงที่สามารถเป็นปากเสียงในเรื่องน้ีมากข้ึนได้ 

  ประเด็นที่สองคือประธานาธิบดีโอบาซานโจ ถามวา่ สิงท่ีใชจ้ ูงใจเพ่ือเป็นตวั อยา่ งแก่นกั การเมือง คืออะไร? และสิงจูงใจเพื่อใหเ้ กิดพฤติกรรมที่ชอบดว้ ยจริยธรรมคืออะไร?” สิงจูงใจท่ีสาคญั มากอยา่ งหน่ึง คือมติมหาชน เวลาที่มีการเผยแพร่เรื่องอ้ือฉาวในสื่อต่างๆ เวลาที่มีการอภิปรายปัญหาจริยธรรมในส่ือ เวลา ท่ีมีการอภิปรายเกี่ยวกบั มิติทางจริยธรรมของปัญหาในสื่อนนัคือโอกาสท่ีเราจะทาให้มนั มีการอภิปรายในท่ี สาธารณะและเกิดเป็นมติมหาชนได้การยอมรับพฤติกรรมของสาธารณชนเป็นสิงที่สาคญั มากสาหรับ บริษทั และนกั การเมืองเช่นกนั ดงั นนั ผมจึงเชื่อวา่ เราตอ้ งทาให้มีการอภิปรายหวั ขอ้ ดงั กล่าวโดยเฉพาะในส่ือ อยเู่ สมอ
  ประเด็นท่ีสามอยทู่ ่ีมหาวิทยาลยั ทูบิงเงน เรามีสถาบนั เพื่อจริยธรรมธุรกิจ และมูลนิธิของเราก็อยู่ที่ มหาวิทยาลยัแห่งน้ีในส่วนของจริยธรรมธุรกิจนนั เราไดอ้ภิปรายเรื่องบางอย่างเช่นการเปลี่ยนกระบวน ทศั น์ในจริยธรรมธุรกิจเรามีแบบอย่างทงั เก่าและใหม่แบบเก่าคือแบบที่เป็นการจากดั ด้วยกฎเกณฑ์และ ขอ้ กาหนดเช่นการจดั การให้มีการปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์ความรับผิดชอบของบริษทั เป็นตน้ ถูกแลว้ การทา หนา้ ท่ีเช่นนนั ละ บริษทั หลายแห่งพยายามหลีกเลี่ยงการนาไปใช้อย่างผิดๆในสาขาต่างๆ นนัคือประเด็น สาคญั มากในจริยธรรมธุรกิจ 
  แต่การอภิปรายใหม่ในปัจจุบนั ตอ้ งพูดว่า แค่นันยงั ไม่พอถ้าเราให้การศึกษาแก่ผูป้ ระกอบ ว ชิ า ช ี พ ห น ุ ่ ม ส า ว ข อ ง เ ร า อ ย า่ ง เ ช ่ น ท ่ ี อ ย ใ่ ู น ว ง ก า ร ธ ุ ร ก ิ จ แ ล ะ ก า ร เ ม ื อ ง อ ย า่ ง ต ่ อ เ น ่ ื อ ง ว า่ ม น ุ ษ ย เ ์ ป ็ น ส ั ต ว เ ์ ศ ร ษ ฐ ก ิ จ ตอ้ งการสร้างผลกาไรสูงสุด ถา้ เราใหก้ ารศึกษาพวกเขาดว้ ยทศั นะของมนุษย์ เราจะไม่มีวนั เปลี่ยนแปลงเรื่อง น้ีไดเ้ลยแต่ถา้เราช่วยใหพ้ วกเขามีมุมมองใหม่เช่นต่อการทาหนา้ที่ของธุรกิจหรือการทาหนา้ที่ของการเมือง และความรับผดิ ชอบและบทบาทของมนั เช่นนนั แลว้ เราก็จะมีโอกาสในการเปลี่ยนแปลงระบบได้ แต่เราจะ มีโอกาสเปล่ียนแปลงได้ก็ต่อเมื่อเราเปลี่ยนแปลงทศั นะต่อระบบแลว้ และนนัเป็นเรื่องของการศึกษา ดงั นนั เราจึงควรเริมตน้ ดว้ ยการศึกษาในโรงเรียนบริหารธุรกิจและมหาวิทยาลยั เป็นตน้ หนทางยงั อีกยาวไกล แต่ เราก็ตอ้ งเดินบนเส้นทางน้ีเพราะไม่มีทางเลือกแลว้ 

ประธาน วาสิซิลิอู: การศึกษาคือสิงสาคญั เราทุกคนเห็นพอ้ งในขอ้ น้ี แต่มนั ก็ยงั ไม่พอ และตอ้ งทาอะไร มากกว่านนั แต่เราก็ไม่ไดม้องโลกในแง่ร้ายเพราะถา้คุณเป็นเช่นนนั เราก็คงไม่มีการอภิปรายน้ีเรารู้ว่ามี ความคืบหนา้ ไปมากแลว้ แต่ยงั ไม่พอ 

นายกรัฐมนตรีบาดาวี:เราพูดถึงจริยธรรมเพราะเป็นประเด็นที่สาคญั มากที่ประเทศของผมในรัฐบาลของ ผมเรื่องน้ีไม่ไดเ้ป็นแค่หวั ขอ้ ในส่วนของขา้ราชการพลเรือนเท่านนั แต่ยงัรวมถึงคุณครูตารวจและทุกคน ดว้ ยเราไดเ้น้นถึงความสาคญั ของจริยธรรมและสิงท่ีเขาตอ้ งทาเพ่ือแสดงความรับผิดชอบในงานของตน เร่ืองน้ีสาคญั มาก แต่เวลาพูดถึงจริยธรรม มีประเด็นที่เก่ียวกบั ความยากจนค่อนขา้ งน้อย นี่คือสิงท่ีสาคญั มากๆ  
  ผคู้ นมกั พร่าบ่นเก่ียวกบั ความยากจน และเวลาท่ีคุณพดู ถึงความยากจน ก็จะตาหนิธนาคาร นกั ธุรกิจ คนรวย พวกเขาเรียกร้องจากรัฐบาลหลายอย่าง เพราะไม่เคยพอใจ เรื่องน้ีจึงเป็นปัญหา การปฏิรูปเป็นสิง สาคญั มากการปฏิรูปธนาคารก็สาคญั แต่สิงที่ตอ้ งการจริงๆในตอนน้ีคือการปฏิรูปและเพ่ือให้พวกเขาได้ พิจารณากนั อีกครัง จะไดช้ ่วยกนั คิดหาวธิ ีแกไ้ ขท่ีสร้างความพอใจแก่ประชาชน ความยากจนเป็นสิงที่ตอ้ ง กาจดั ใหห้ มดสิน 

คุณมูอมั มาร์: ผมคิดวา่ โลกาภิวตั น์คือปัญหานะ โลกทงั มวลตอ้ งยนื หยดั เพ่ือสร้างกฎเกณฑบ์ างอยา่ งเมื่อเกิด การปฏิวตั ิสเตม็ เพื่อจดั การกบั วทิ ยาการดา้ นสเต็มเซลล์ โชคดีที่ถา้ เป็นเร่ืองการส่ือสารของเรา เรามกั ใหก้ าร สนบั สนุนกนั หลายทาง เช่น เราไม่ไดแ้ ตะประเด็นเรื่องสิงแวดลอ้ มมากนกั อีกเร่ืองท่ีเรากาลงั เผชิญกนั อยู่ก็ คือสื่อสงั คมเราจาเป็นตอ้ งคิดถึงเรื่องน้ีอยา่ งจริงจงั เพราะมนั เริมมีอิทธิพลมากกวา่ การศึกษาเสียแลว้ 
  แลว้ เราจะตดั สินใจไดว้ า่ ไดอ้ ยา่ งไรวา่ ท่ีมาของอิทธิพลเหนือคนทวัไปอยทู่ ่ีไหน? ผมคิดวา่ โรงเรียน ครอบครัว สถานท่ีเคารพสักการะ สื่อ เป็นตน้ ถา้ เช่นนนั เราจะสร้างกฎเกณฑ์ทวัไปที่ครอบคลุมโลกทงั หมด ไ ด อ้ ย า่ ง ไ ร ? ม นั เ ป ็ น อ ะ ไ ร ม า ก ก ว า่ ค ว า ม ส ั ม พ นั ธ ์ ใ น โ ล ก ท ่ ี ไ ด ร้ ั บ อ ิ ท ธ ิ พ ล จ า ก ผ ล ป ร ะ โ ย ช น ์ ท า ง เ ศ ร ษ ฐ ก ิ จ โ ด ย ท่ีเศรษฐกิจเป็นตวั ขบั เคลื่อนแทบทุกสิง เราจะทาอะไรเกี่ยวกบั เร่ืองน้ีไดไ้ หม? เรายงั ตอ้ งไปกนั อีกไกล แต่ที่ ผมใชพ้ ิจารณาเรื่องน้ีคือการเริมตน้ กบั ตวั คุณน่ีเอง 

ดร. เมตตานันโท: ในประเทศไทย เราอภิปรายปัญหาเรื่องจริยธรรมทางศีลธรรมค่อนขา้ งมาก ผมทางานอยู่ ในคณะอนุกรรมาธิการศีลธรรมและจริยธรรมแห่งวฒุ ิสภาและเราไดค้ ิดคาวา่ พลเมืองผมู้ ีความรับผิดชอบโดยเราไดใ้ ชอ้ ินเทอร์เน็ต และในโปรแกรมน้ีเราใชม้ โนทศั น์เรื่องลาดบั ชนั ของคน การส่งเสริมความดี และ ชุมชนเป็นผูใ้ ห้คะแนนแก่นักเรียนที่ทางานบริการชุมชน เราได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน จดั ทา แอพพลิเคชันโทรศพั ท์มือถือเพื่อให้เครดิต(คะแนน)กิจกรรมที่คนทาให้แก่สังคม โดยจะรายงานไวใ้ น เวบ็ ไซต์ คนจะไดร้ ู้วา่ ใครทาอะไรเพ่ือสังคมบา้ ง น่ีคือ ระบบเครดิตสังคมนี่คือสิงที่กาลงั ดาเนินการอยใู่ น ประเทศไทย และเราหวงั วา่ อีกไม่นานเราจะกลายเป็นสงั คมที่ดีข้ึนดว้ ยการใชไ้ อทีและสื่อสังคม 

ประธาน วาสซิลิอู: เป็นความคิดท่ีดี เราได้คาแนะนาค่อนข้างดีทีเดียว แต่สิงท่ีเราทุกคนสามารถแสดง บทบาทไดค้ ือความโปร่งใส เพื่อเพิมแรงกดดนั ให้มีความโปร่งใสมากข้ึน และความจาเป็นท่ีคนซ่ึงอยใู่ นวง การเมืองและธุรกิจตอ้ งคอยรายงานว่าตนไดเ้ งินมาอย่างไรอยู่เสมอ เพราะในหลายประเทศ จู่ๆก็เกิดมหา เศรษฐีใหม่จากที่เคยจนมากมาก่อนแต่พวกเขาทางานร่วมกบั รัฐบาลเป็นตน้ ถา้ ไดม้ ีการรายงานถึงที่มาของ รายไดเ้ป็นประจาทุกปี ก็จะช่วยปรับปรุงโลกน้ีไดม้ ากทีเดียว 

ศาสตราจารย์แฮนสัน: มีคาตอบต่อคาถามที่ว่ากลไกเหล่าน้ีอนั ไหนจะใช้ได้ผลบา้ ง คาตอบคือเราต้อง ผลกั ดนั ทุกอย่างในคราวเดียวกนั รวมทงั ยงั มีบทบาทของบรรษทั ภิบาลพ้ืนฐาน การรายงานสาธารณะและ ความโปร่งใส เป็นตน้ นอกจากน้ียงั มีบทบาทของจรรยาบรรณโดยสมคั รใจ ซ่ึงเป็นผลจากแรงกดดนั จาก สาธารณชนและความร่วมมือของบริษทั ในการพฒั นาจรรยาบรรณดงั กล่าว ยงั มีช่องว่างสาหรับกฎหมาย ใหม่ๆ เห็นไดจ้ ากการผ่านกฎหมายต่อตา้ นการคอร์รัปชนัในประเทศสมาชิกโออีซีดี และประเทศอื่นๆ ใน ร ะ ย ะ ห ล งั เ ป ็ น ผ ล จ า ก ฉ นั ท า ม ต ิ ใ น เ ร ื ่ อ ง ท ่ ี จ า เ ป ็ น ม า ก ข ้ ึ น ด งั ท ่ ี ห ล า ย ค น ไ ด ช้ ้ ี ไ ว ้ แ ต ่ ก ็ ย งั ม ี ข นั ต อ น ข อ ง ก า ร น า ม นั ไปปฏิบตั ิ และใชม้ นั เพ่อื ลงโทษการคอร์รัปชนัแต่ก็ถือวา่ มีความคืบหนา้ ค่อนขา้ งมากทีเดียว 
  ถึงกระนนั ก็ยงั มีความตอ้ งการพฤติกรรมสร้างสรรคแ์ ละชอบดว้ ยศีลธรรมภายในส่วนของผบู้ ริหาร ซ่ึงเริมเห็นถึงความจาเป็นของการดาเนินธุรกิจอยา่ งมีศีลธรรมมากข้ึน โดยไม่ทาใหผ้ ถู้ ือหุน้ มีตน้ ทุนเพิมข้ึน และเป็นผลดีต่อผูม้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียคนอื่นดว้ ย นี่คือสาระสาคญั ของ ทุนนิยมแบบสร้างสรรค์”, “ทุนนิยม แบบมีจิตสานึกและอื่นๆนอกจากน้ียงัมีการแสวงหาในหลายบริษทั นี่คือสัญญาณของการมองโลกในแง่ น้ี แต่ก็ยงั ไม่ใช่คาตอบที่สมบูรณ์ เรายงั ตอ้ งการแรงกดดนั เพื่อใหม้ ีการคิดในเชิงศีลธรรมต่อไป คาตอบคือเรา ตอ้ งการสิงเหล่าน้ีทงั หมดในคราวเดียวกนั 
  การศึกษา- ผมใช้เวลาทงั ชีวิตให้การศึกษาแก่นักธุรกิจ เพื่อให้ดาเนินธุรกิจของตนด้วยความ รับผดิ ชอบมากข้ึน ผมไม่แน่ใจวา่ ผมไดส้ ร้างผลกระทบในช่วงเวลาดงั กล่าวไวม้ ากนอ้ ยแค่ไหน แต่บางครังก็ เ ค ย พ ดู เ ล ่ น ว า่ น กั ศ ึ ก ษ า ข อ ง ผ ม ม ี อ ตั ร า ก า ร ถ ู ก ฟ ้ อ ง ร ้ อ ง ด า เ น ิ น ค ด ี ท ุ จ ร ิ ต น อ้ ย ก ว า่ ถ ึ ง 4 7 เ ป อ ร ์ เ ซ ็ น ต ์ แ น ่ น อ น ผ ม ไม่มีขอ้ มูลยืนยนั หรอก แต่ก็มีความหวงั ว่าการศึกษา อย่างน้อยก็ช่วยให้คนไดท้ บทวนถึงความสาคญั ของ ชีวติ ทางวชิ าชีพและศกั ยภาพของตนในการดาเนินธุรกิจอยา่ งมีศีลธรรม 
  ส า ห ร ั บ ค ว า ม ค ิ ด เ ห ็ น ป ิ ด ท า้ ย ผ ม ช อ บ ท ี ่ ด ร . ม า จ า ล ี ไ ด ก้ ล ่ า ว ไ ว ว้ ่ า ม ี จ ร ร ย า บ ร ร ณ ว ิ ช า ช ี พ ใ น ส า ข า อ ื ่ น ดว้ ย ผมคิดวา่ เราจาเป็นตอ้ งมีหลกั จริยธรรมสาหรับรัฐบาล ส่ือมวลชน และสาหรับเอ็นจีโอดว้ ย โดยท่ีแต่ละ สาขาต่างก็มีความทา้ ทายของการนาเอาหลกั จริยธรรมสากลมาปฏิบตั ิ ในสถาบนั สาคญั ในสังคมสมยั ใหม่ เหมือนๆกนั 


6. หนทางเบ้ืองหน้า 

ประธานวาระฯพณฯยาสุโอะฟูกดุ ะ
อดีตนายกรัฐมนตรีญปี่ ่ นุ 

ภมู ิปัญญามนุษยท์ ่ีมีพ้ืนฐานบนหลกั จริยธรรมจะสามารถนาเราสู่โลกที่มีสันติภาพและความเป็นธรรมมาก ข้ึนไดอ้ ย่างไร ในขณะที่โลกกาลงั จะมีประชากร 9 พนั ลา้ นคนในอีกไม่นาน?” เราจะสร้างโลกที่มีความ เจริญรุ่งเรืองอยา่ งยงัยนื ไดอ้ ยา่ งไร?” นี่คือคาถามสาคญั ท่ีกลุ่มไดห้ ารือกนั ในวาระสุดทา้ ย แน่นอนพวกเขารู้ดี วา่ ยากที่จะหาคาตอบที่เป็นฉนั ทามติเกี่ยวกบั ประเด็นท่ีแวดลอ้ มปัญหาที่แตกต่างกนั มากเช่นการขยายตวั ของประชากรอยา่ งรวดเร็ว ปัญหาพลงั งาน อาหาร สงคราม ขอ้ ดีและขอ้ เสียของเทคโนโลยี ไดใ้ นวาระเดียว แต่การกาหนดทิศทางหรือสิงบ่งช้ีว่าเราน่าจะทางานร่วมกนั เพื่อเดินหน้าสู่อนาคตของมนุษยชาติอย่างไรก็ เ ป ็ น ส ิ ง ส า ค ญั 
  ท่านโคชิน โอตานิ ผูท้ รงเกียรติ ผแู้ นะนาท่านที่ 1 ไดช้ ้ีให้เห็นถึงความจาเป็ นของการตระหนกั ถึง และการเขา้อกเขา้ใจผอู้่ืนและความเจบ็ ปวดและทาใหเ้ราสานึกถึงความจริงที่วา่ปัจจุบนั มีผลต่ออนาคตมาก ข้ึน ความกระหายของทุนนิยมโลกท่ีไม่เคยลดราทาใหท้ รัพยากรธรรมชาติซ่ึงควรเก็บไวใ้ ห้คนรุ่นหลงั เส่ือม โทรม ถา้ ตอ้ งการยตุ ิความตอ้ งการท่ีแสนตะกละตะกลามของสังคมสมยั ใหม่ การตระหนกั รู้ในตวั เองคือสิง สาคญั ในศรัทธาของเขาซ่ึงหมายถึงการพิจารณาผลลพั ธ์และผลกระทบจากการกระทาของคนๆหน่ึงที่เป็น การโยนความรับผิดชอบให้ชาติอ่ืนและคนรุ่นหลงั การควบคุมความตอ้ งการของตนเอง จะทาให้เกิดความ มงัคงัทางจิตวญิ ญาณ เขาเนน้ ยาคุณค่าของปฏิญญาสากลวา่ ดว้ ยความรับผดิ ชอบของมนุษยชน ต่อสิทธิของ คน สัตว์ และพืชพนั ธุ์ในอนาคต 
  ผปู้ กครองสังฆมณฑลนครนิโฟน ผแู้ นะนาท่านท่ี 2 เชื่อวา่ จริยธรรมมีพ้ืนฐานอยทู่ ี่ความรู้ในความ จริง เหตุผลนิยม และความเชื่อ เขาสนบั สนุนให้ใชห้ ลกั การของความรักและความยุติธรรมของพระเจา้ โดย ความรักนนั เป็นรากฐานในชีวิตมนุษย์มีความเป็นนิรันดรเป็นอมตะและแสดงถึงความสงบภายในของ บุคลิกภาพ ดว้ ยเหตุที่มนุษยถ์ ูกสร้างข้ึนในรูปลกั ษณ์ของพระเจา้ ความเคารพในตวั เอง และการให้ความ เคารพดว้ ยความรักในผอู้ ื่นจึงเป็นสาคญั ต่อการกาหนดมาตรฐานทางจริยธรรมและต่อการอยรู่ ่วมกนั ของคน เขาหวงั ว่าความเคารพจะเป็นเสาหลกั ของทุกรัฐบาลขนั ติธรรมในนิกายออร์โธดอกซ์ของยุโรปตะวนั ออก หมายถึงการทาให้บุคลิกภาพของเราดีข้ึน และเขาเน้นว่าคนรุ่นอนาคตตอ้ งไดร้ ับการเล้ียงดูด้วยค่านิยม ร่วมกนั 
  ฯพณฯ ตน อบั ดุลลาห์ ฮาจิ อะห์มดั บาดาวี เนน้ วา่ สวสั ดิภาพของคนรุ่นอนาคต คือความรับผิดชอบ สาคญั ของนกั การเมืองซ่ึงตอ้ งยึดถือค่านิยมในเวลาตดั สินใจ เขาไดแ้ นะนากรอบความคิดเรื่อง อารยธรรม อิสลามท่ีปฏิบตั ิกนั อยใู่ นมาเลเซีย โดยตงั อยบู่ นหลกั การพ้ืนฐาน 10 ประการ และเสนอให้มีการตีความ ศาสนาอิสลามแบบสายกลาง ไม่ใช่การยึดมนัแบบหัวรุนแรง ที่ช้ีนาการตดั สินใจในระดบั ผูน้ า สมมติฐาน หลกั ของเขาคือการเลือกของผนู้ าแสดงใหเ้ห็นสิงที่ผนู้ าใหค้ วามสาคญั มากที่สุดและศาสนาควรช่วยเหลือใน การเปล่ียนแปลงภายในตวั เราซ่ึงอาจแผเ่ ขา้ ไปในสงั คมทงั มวลได้ 

ในการอภิปรายต่อจากนนั มีการเสนอคาแนะนาจากผนู้ าทางการเมืองหลายประการเช่นการคน้ หาระบอบท่ี อนุญาตใหใ้ ชพ้ ลงั งานนิวเคลียร์เพอื่ จุดประสงคข์ องสันติภาพเพียงอยา่ งเดียว การใหอ้ านาจแก่ผหู้ ญิงและการ ย ก เ ล ิ ก ง บ ป ร ะ ม า ณ ใ ห เ ้ ง ิ น ส น บั ส น ุ น ค ร อ บ ค ร ั ว ข น า ด ใ ห ญ ่ ล ด อ ตั ร า ก า ร เ ก ิ ด แ ก ไ้ ข ช ่ อ ง ว า่ ง เ ร ื ่ อ ง ค ว า ม ร ่ า ร ว ย การจดัการกบัแนวโนม้ของประชาธิปไตยแบบมีไวข้ายในตะวนัตกเป็นตน้ 
  มีการแนะนาใหน้ าเอามุมมองเชิงจิตวิญญาณของชนพ้ืนเมืองในอเมริกาเหนือ ซ่ึงไดแ้ ก่ความเช่ือใน ความกลมเกลียวระหวา่ งมนุษยแ์ ละธรรมชาติมาใช้ ซ่ึงก็คลา้ ยกบั ประเพณีของเอเชียตะวนั ออก แต่แตกต่าง อยา่ งมากจากลทั ธิบริโภคนิยมซ่ึงทาลายเผา่ พนั ธุ์ต่างๆ เพราะแนะนาวา่ ถา้ หากจริยธรรมของการบูรณการกบั โลก (แทนท่ีจะครอบงามนั ) สามารถรวมกบั ความกระตือรือร้นของคนหนุ่มสาวเพื่อรักษาสิงแวดลอ้ มได้ แลว้ มนั ก็น่าจะเป็นหนทางกา้ วพน้ จากสภาวะกลืนไม่เขา้ คายไม่ออกของเราได้ 
  แมจ้ ะยงั ไม่มีฉนั ทามติวา่ จะจดั การกบั โลกท่ีมีประชากร 9 พนั ลา้ นคนอยา่ งไร แต่ทุกคนก็ตระหนกั ถึงผลกระทบที่เป็นความหายนะของมนั บางคนบอกว่าไม่ควรพฒั นาตามรูปแบบเดิมอีกแต่กลุ่มก็มี วสิ ยั ทศั นร์ ่วมกนั ที่ชดั เจนวา่ สิงท่ีเป็นความผดิ พลาดนนั คืออะไร และยาวา่ ความทา้ ทายสาคญั คือการเพิมปาก เสียงในประเด็นดงั กล่าว เพ่ือให้คนส่วนใหญ่ให้ความสาคญั ต่อวิสัยทศั น์ของกลุ่ม ทีน้ีก็ข้ึนอยู่กบั ผูม้ ีส่วน ร่วมในการทาใหโ้ ลกเป็นสถานที่ๆดีข้ึน การไม่ทาอะไรเลยไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป 


การเรียนรู้จากศาสนาวัฒนธรรมและอารยธรรมอื่นผ่านการเสวนาและสัมพนั ธภาพ 

ผ้แู นะนาท่านที่ 1: ท่านโคชิน โอตานิ ผ้นู ่าเคารพ

หวั หน้านิกาย โจโด ชินชู ฮองวานจิ-ฮา (นิกายดินแดนบริสุทธ์ิ) ประเทศญปี่ ่ นุ 

กล่าวโดยทวัไปแลว้ ความเช่ือทางศาสนาของคนพฒั นาข้ึนมาภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มและสถานการณ์ในการ เล้ียงดูของเขา ดว้ ยเหตุที่มนั เป็นพ้ืนฐานทางจิตวิญญาณของคน จึงเป็นเรื่องยากสาหรับพวกเขาที่จะทาความ เขา้ ใจศาสนาอื่นอยา่ งเตม็ ที่ ผมเช่ือวา่ แมศ้ าสนาจะไม่ใช่สาเหตุแห่งความขดั แยง้ โดยตรง แต่ความขดั แยง้ ใน สงั คมก็มีแง่มุมของศาสนาอยดู่ ว้ ย ทวา่ บางครังศาสนาก็ช่วยลดความตึงเครียดไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ แต่น่า เสียดายที่ในเวลาอ่ืนกลบั เป็นตวั เร่ง ดงั นนั ผลลพั ธ์ของมนั จึงแตกต่างโดยสินเชิง ข้ึนอยู่กบั ว่าผูน้ าทางการ เมืองและศาสนาจะใชศ้ าสนาในสถานการณ์ที่ตึงเครียดและเขมง็ เกลียวอยา่ งไร 
  เพ่ือช่วยให้ผทู้ ี่มีทศั นะและภูมิหลงั ต่างกนั ไดม้ ีส่วนในการเสวนาเพื่อการบรรลุซ่ึงสันติภาพ การมี พ้ืนฐานร่วมกนั จึงเป็นสิงสาคญั แมพ้ วกเขาจะไม่สามารถเขา้ ใจกรอบความคิดของศาสนาของกนั และกนั แต่ การยอมรับในตรรกะร่วมกนั และแนวคิดต่างๆนนั ทาใหเ้กิดความรู้สึกของความเชื่อมนัความสามารถใน การดาเนินการเสวนาต่อไป และการเคารพกนั และกนั ดงั นนั ปฏิญญาวา่ ดว้ ยความรับผดิ ชอบของมนุษยชน ของสภาปฏิสัมพนั ธ์ จะเป็นหลกั เกณฑ์ที่มีอิทธิพลอยา่ งสูงไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง ร่วมกนั กบั ปฏิญญาสากลว่าดว้ ย สิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ 

แนวคิดเกยี่ วกบั อนาคตของมนุษยชาติ 
ภายหลังจากการปิ ดฉากสงครามโลกครังท่ีสอง ดูเหมือนว่าโลกจะหันมาร่วมมือกันเพื่อสร้างองค์การ สหประชาชาติ มีการยอมรับปฏิญญาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชน และการเกิดอุดมการณ์ดา้ นมนุษยธรรม แต่ ในความเป็นจริงโลกกลบั ถูกแบ่งออกเป็นตะวนั ออกและตะวนั ตกท่ามกลางความตึงเครียดที่เกิดข้ึนพวกเขา ต่างแข่งขนักนัและกนั โดยมีเป้าหมายเพอื่ปรับปรุงสังคมของตนแต่ปัจจุบนัแนวโนม้ที่โดดเด่นคือ“...ถา้มนั ทาให้สิงต่างๆดีข้ึนได้ในตอนน้ี มนั ก็ไม่สาคญั ว่า...และ “...ตราบใดที่เรา ตวั ของเรา สะดวกสบาย...โดยเฉพาะอยา่งยงิการโลกาภิวตัน์ทางเศรษฐกิจนนั ไม่สนใจเป้าหมายในวตัถุประสงคเ์รื่องเสถียรภาพและ สวสั ดิภาพของประชาชนของรัฐบาล และก่อใหเ้ กิดการกระจายความมงัคงัไม่ทดั เทียมกนั อยา่ งรุนแรง 
  ปัจจุบนั ความกระหายท่ีไม่มีวนั หมดสินของลัทธิทุนนิยมโลกทาให้เกิดการใช้เทคโนโลยีทาง วทิ ยาศาสตร์โดยเสรี มีการปลน้ ทรัพยากรโลก รวมทงั ฉกฉวยทรัพยากรซ่ึงควรเก็บไวใ้ ห้คนรุ่นอนาคตมาใช้ นอกจากน้ีตอ้ งกล่าวด้วยว่าเรากาลงั สร้างความเสียหาย เช่นการทาลายลา้ งสิงแวดลอ้ ม และการปนเป้ือน สารพิษในสิงแวดลอ้ ม ซ่ึงเป็นการถ่ายทอดสู่คนรุ่นอนาคตโดยไม่ตงั ใจ น่าเศร้าใจท่ีมีบางคนในญ่ีปุ่นพูด แ บ บ ไ ม ่ ใ ย ด ี ว ่ า ป ล ่ อ ย ใ ห ้ ค น ร ุ ่ น ห ล งั ว ิ ต ก เ ร ่ ื อ ง ก า ร ป ล ่ อ ย ก า ก ก มั ม นั ต ร ั ง ส ี จ า ก โ ร ง ง า น พ ล งั ง า น น ิ ว เ ค ล ี ย ร ์ ข อ ง เราก็แลว้ กนั ” 

ความปรารถนาท่ีจะส่งเสริมตวั เองโดยกาเนิดของมนุษย์ซ่ึงเป็นเหตุใหพ้ วกเขาหมกหมุ่นอยกู่ บั ผลประโยชน์ และสวสั ดิภาพของตนมากกว่าของคนรุ่นอนาคต เป็นเรื่องยากที่คนอื่นจะมาควบคุมหรือยบั ยงั ได้ เม่ือ พิจารณาเร่ืองน้ีจากมุมมองของพุทธศาสนา ความปรารถนาที่จะส่งเสริมตวั เองโดยไม่มีการควบคุมไม่ เพียงแต่นามาซ่ึงความทุกข์ทรมานและความวิตกกงัวลเท่านนั แต่ยงัทาให้ยากที่จะยุติความตอ้งการแบบ ตะกละตะกลามของสังคมสมยั ใหม่ ถา้ อยากจะควบคุมความตอ้ งการและความละโมบของเราแลว้ ก็ไม่มี อะไรสาคญั กว่าการตระหนักรู้ในตวั เอง ถ้าต้องการให้เกิดการตระหนักรู้ในตวั เอง เราต้องทาให้ตวั เรา มองเห็นผลลพัธ์และอิทธิพลจากการกระทาของเราใหไ้ด้ไม่วา่ดูแลว้จะไม่น่าพอใจและน่ากลวัเพยีงใดก็ตาม 
  ผลลพั ธ์ของการที่เศรษฐกิจโลกขาดจริยธรรม ไดแ้ สดงตวั ตนของมนั ใหเ้ ห็นเป็นความเสียหายอยา่ ง หนกั ต่อผคู้ นในชาติอ่ืนและคนรุ่นหลงั ซ่ึงเป็นการผลกั ภาระใหพ้ วกเขาก่อนที่เราจะรู้ตวั เสียอีก 

จากแนวคิดดงั กล่าว ผมหวงั ว่าแต่ละศาสนาจะสามารถนาเสนอเป้ าหมายและสิงบ่งช้ีถึงโลกท่ีดีงามตาม อุดมการณ์แก่มนุษยชาติ ในฐานะผูน้ บั ถือศาสนาพุทธนบั ถือนิกายชินโต ผมขอเสนอให้ตงั เป้ าหมายเพื่อ สังคมที่ทงั ตวั เราและผูอ้ ่ืนสามารถดารงชีวิตท่ีมีการเติมเต็มความปรารถนาทางจิตวิญญาณร่วมกันความหมายของมนั คือ สังคมท่ีมงัคงัปลอดจากอคติในด้านความเจริญทางวตั ถุ ไม่ดูถูกเหยียดหยามความ เจบ็ ปวดของผอู้ ่ืนและมีนาใจเรื่องของการแบ่งปันและการสนบั สนุนซ่ึงกนั และกนั 
  ความขดั แยง้ ท่ีมีการใชอ้ าวุธ การใชค้ วามรุนแรงและเศรษฐกิจโลกที่ขาดจริยธรรมไม่เพียงแต่สร้าง ความเสียหายต่อโลกร่วมสมยั เท่านนั แต่ยงั สร้างปัญหาใหญ่แก่คนรุ่นอนาคตดว้ ย ในทศั นะของผม ปฏิญญา สากลวา่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ยงั ไม่ไดค้ านึงถึงคนรุ่นอนาคต ซ่ึงไม่สามารถต่อรองเพื่อสิทธิ ของตนเองในปัจจุบนั อยา่ งเพยี งพอน่าจะเป็นเพราะขอ้ จากดั ของช่วงเวลาตอนท่ีร่างมนั ข้ึนมาก็เป็นได้ดงั นนั การสนบั สนุนปฏิญญาสากลวา่ ดว้ ยความรับผิดชอบของสภาปฏิสัมพนั ธ์ จึงเป็นสิงสาคญั ต่อเราทุกคน เพื่อ เป็นการให้อานาจแก่ตวั เราในฐานะคนของสังคมยุคปัจจุบนั ไดแ้ สดงความรับผิดชอบต่อสิทธิของคนรุ่น อนาคต รวมทงั สิทธิของสัตวแ์ ละพืชพนั ธุ์ดว้ ย จากหลกั การน้ี ผมจึงขอเสนอวา่ ควรเพิมเติมทศั นะดงั กล่าวลง ไปในปฏิญญาวา่ ดว้ ยความรับผดิ ชอบของมนุษยชนของสภาปฏิสัมพนั ธ์ดว้ ย 
  ในอดีตท่ีผ่านมา สมยั ที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียงั ไม่ไดร้ ับการพฒั นาอย่างสูง ขอ้ จากดั ทาง ธรรมชาติยงั มีมากกวา่ ดงั นนั ความตอ้ งการดา้ นวตั ถุของคนจึงถูกควบคุมอยไู่ ด้ ในทางกลบั กนั จริยธรรมท่ี แ ส ด ง อ อ ก ด ว้ ย ว า จ า เ ป ็ น เ พ ี ย ง แ ค ่ ข อ้ จ า ก ดั ภ า ย น อ ก ท ี ่ ไ ม ่ ส า ม า ร ถ ด า เ น ิ น ม า ต ร ก า ร ล ง โ ท ษ ใ ด ๆ ไ ด ้ ถ า้ จ ะ ใ ห ้ ม นั เกิดประสิทธิผล เราตอ้ งซึมซบั มนั ดว้ ย 

เราตอ้ งเผชิญหนา้ กบั การทาลายลา้ งที่เกิดจากการสะสมอาวธุ นิวเคลียร์ อุบตั ิเหตุในโรงงานพลงั งานนิวเคลียร์ และโศกนาฏกรรมของความยากจนและความขดั แยง้ ทางทหารในชาติกาลงั พฒั นา ถา้ เราไม่เห็นอะไรเลย เวลาท่ีเรามองดูสภาวะท่ีน่าหวาดกลวั ของโลกปัจจุบนั และผคู้ นท่ีทุกขท์ รมานเป็นเพราะเราไม่เห็นวา่ คนอ่ืน เป็นมนุษยเ์หมือนเราใช่ไหม? บดั น้ีเราจาเป็นตอ้ งตระหนกั ถึงมีความเขา้อกเขา้ใจผอู้ ื่นและความเจ็บปวด ของเขา และมีจิตสานึกถึงความจริงท่ีวา่ สิงที่เกิดข้ึนในปัจจุบนั มีผลต่ออนาคตมากข้ึน ดว้ ยเหตุน้ี การพฒั นา และการใชพ้ ลงั งานนิวเคลียร์และการจดั การกบั ชีวิต ดว้ ยเทคโนโลยีวิศวพนั ธุกรรม จึงสมควรได้รับการ อภิปรายและตรวจสอบอยา่งเปิดเผยเพราะนี่คือประเดน็ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั อนาคตของมนุษยชาติและจะมีผลเสีย หายท่ีไม่สามารถยอ้ นกลบั มาแกไ้ ขต่อลูกหลานของเรา 

นอกจากน้ี ยงั คาดกนั วา่ ภายในสินสุดศตวรรษน้ี จะมีประชากรกวา่ 9 พนั ลา้ นคน การเพิมข้ึนของประชากร อย่างรวดเร็วน้ีก็เป็นอีกประเด็นหน่ึงท่ีเกี่ยวขอ้ งกับอนาคตของมนุษยชาติ หรือนัยหน่ึงการเพิมข้ึนของ ประชากรจะนาไปสู่ความไม่ทดั เทียมทางเศรษฐกิจยิงข้ึน เช่น วิกฤติการณ์ดา้ นอาหารอยา่ งหนกั และความ ตอ้ งการที่ไร้จริยธรรมจะนามาซ่ึงการทาลายสภาพแวดลอ้ มในระดบั โลก บดั น้ีถึงเวลาที่เราจะตอ้ งรวบรวม ภูมิปัญญาเก่าแก่ของมนุษยชาติ ซ่ึงสอนเราว่าการควบคุมความปรารถนาของตวั เราจะนามาซ่ึงความมงัคงัทางจิตวญิ ญาณได้ 
  จุดประสงค์ของการเมือง เศรษฐกิจ และศาสนา รวมทงั แนวคิดทางปรัชญาทงั หลาย ก็คือการที่คน ไดใ้ ชช้ ีวิตอย่างมีความสุขในสังคมท่ีมีสันติสุข อย่างแรกเลยก็คือ ทาให้เราพิจารณาเรื่องน้ีโดยเปรียบเทียบ กบั ตวั เราเองและเป็นการยอมรับจริยธรรมสากล ซ่ึงเป็นสิงที่สภาปฏิสัมพนั ธ์เรียกร้องให้เป็นภูมิปัญญา ร่วมกนั ของมนุษยชาติ จริงๆแลว้ เป็นภารกิจที่หนกั หนามาก การจะบรรลุไดน้ นั นกั อุดมการณ์และผนู้ าทาง ศาสนาตอ้งปฏิบตัิหนา้ที่ของตนในการทาใหจ้ริยธรรมมีความสาคญัจากจุดยืนทางอุดมการณ์และวฒันธรรม ของตนไม่วา่ วฒั นธรรมและจริยธรรมของเขาจะถูกสร้างข้ึนบนพ้ืนฐานความเชื่อแบบเอกเทวนิยมหรือไม่ก็ ตาม เมื่อเราบรรลุขอ้ ผูกพนั น้ีแลว้ ปฏิญญาของเราก็จะกา้ วข้ึนมาอยู่เหนือความหลากหลายทางวฒั นธรรม แทรกซึมไปทวัโลกและสาแดงพลงั ยงิใหญ่ของมนั ออกมา 


การก้าวสู่ความเป็ นเอกภาพของโลก 

ผ้แู นะนาท่านที่ 2: ผ้ปู กครองสังฆมณฑลนคร นิโฟน
ผ้แู ทนแห่งพระอคั รสังฆบดิ รแห่งแอนตอิ อ็ กในมอสโคว์ 

นบั แต่ยคุ โบราณเป็นตน้ มา นกั ปรัชญาและคนของศาสนาต่างก็ปลุกปลากบั ประเด็นวา่ จริยธรรมคืออะไรมา ตลอด สังคมทวัโลกต่างกาหนดนิยามและการก่อตงั สงั คมไปตามสถานการณ์ของตน 
  สาหรับผมแลว้ สามารถแบ่งจริยธรรมออกเป็นสองหมวดดว้ ยกนั คือ จริยธรรมทางศาสนาและที่ไม่ เกี่ยวกบั ศาสนา ทงั สองหมวดต่างก็มีแหล่งแห่งความรู้เก่ียวกบั ความจริงทางจริยธรรมสามแหล่งคือ เหตุผล นิยม, ประจกั ษ์นิยม และความเชื่อ ความแตกต่างท่ีสาคญั ระหว่างแหล่งทงั สามอย่ทู ่ีการก่อรูปของระบบ ค่านิยม กล่าวคือในระบบค่านิยมทางศาสนาใดๆก็ตาม เช่นตริสตศ์ าสนา ซ่ึงเป็นศาสนาที่ผมตอ้ งการพูดถึง มนัคือความสมบูรณ์ 
  ถา้ เป็นจริยธรรมท่ีไม่เก่ียวกบั ศาสนาคุณก็มีเสรีภาพโดยปราศจากขอ้ ผกู พนั น่ีคือสิงที่ เรอเน่ เดส์ การ์ต นกั ปรัชญาแนววตั ถุนิยมชาวฝรังเศส เขียนไวว้ ่า ตราบใดท่ีความสมบูรณ์ไม่มีอยู่จริง เหตุใดจึงไม่ กระทาอยา่ งที่ท่านเห็นวา่ จาเป็น?” แต่การท่ีเขาถูกเล้ียงดูตามหลกั จริยธรรมทางศาสนา เขาจึงเขียนต่อไปวา่ โดยเฉพาะอยา่ งยงิถา้ มนั ไม่เป็ นอนั ตรายต่อผอู้ ่ืนแต่ถา้ เป็ นการพิพากษาลงโทษต่อเนื่องกนั เราควรจะพูด อยา่ งที่ตวั เอกในนิยายเรื่อง อาชญากรรมและการลงโทษ (Crime and Punishment) ของดอสโตเยฟสก้ีกล่าว ไวค้ ือ ถา้ ไม่มีพระเจา้ ก็อนุญาตใหท้ าไดท้ ุกอยา่ ง” 
  ตวั อยา่ งเช่น จากประวตั ิศาสตร์ เราไดเ้ ห็นแลว้ วา่ ไม่มีระบบปรัชญาที่ไม่ใช่ศาสนาใดสามารถอธิบาย หลกั เกณฑค์ วามดีและความชวัธรรมชาติแห่งจิตสานึกของมนุษย์ผมอยใู่ นสหภาพโซเวยี ตนานหลายปีและ ไดเ้ห็นวา่ พวกเขาพยายามสร้างสังคมท่ีไม่ใช่สังคมทางศาสนาอยา่ งไรมนั เป็นโครงการใหญ่ที่สุดเพราะมี การสร้างกรอบความคิดทางปรัชญาท่ีสามารถอธิบายทุกสิง ตงั แต่จุดเริมตน้ ของการสร้างจนกระทงัถึง อวสานวิทยา(จุดสินสุด) ทุกสิงทุกอย่าง ยกเวน้ จริยธรรม แต่ปรัชญาของมาร์กซ์ล้มเหลว เพราะมนั ไม่ สามารถอธิบายวา่ จิตสานึกคืออะไร และเหตุใดจึงมีความเขา้ ใจทวัไปในเรื่องความดีและความชวัในอารย ธรรมมนุษย์นี่คือสิงที่ไม่สามารถอธิบายจากมุมมองของการววิ ฒั นาการและสัมพนั ธภาพของศีลธรรม 
  จริยธรรมแบบฆราวาส ไม่ใช่จริยธรรมทางศาสนา ไม่สามารถแกไ้ ขความขดั แยง้ ระหว่างศาสนา และระหว่างประเทศ เพราะมนั มกั ตงั อยู่บนพ้ืนฐานของศีลธรรมส่วนบุคคลเสมอ และจะถูกสร้างข้ึนจาก ศีลธรรมส่วนบุคคลเสมอ 
  ไม่มีใครท่ีอธิบายวา่ กฎแห่งฟิสิกส์จากดั เสรีภาพของเรา เราพยายามที่จะใชม้ นั เพื่อสนองประโยชน์ ของเราในแบบเดียวกบั ท่ีเราตอ้ งทาตามกฎศีลธรรม แต่ดว้ ยวธิ ีการศึกษามนั จิตสานึกทางศาสนารู้ดีอยแู่ ลว้ วา่ สิงท่ีถือวา่ ถูกตอ้ งสาหรับกฎแห่งธรรมชาติทางกายภาพ ก็ถูกตอ้ งเป็ นธรรมสาหรับกฎศีลธรรมที่ก่อตงั ข้ึน โดยพระผทู้ รงสร้างเช่นกนั มนั ไม่ไดจ้ ากดั เสรีภาพของเรา แต่ถา้ ตอ้ งการเป็นอิสระทางศีลธรรม เราก็ควร ปฏิบตั ิตามกฎศีลธรรม ในการสร้างกฎเกณฑด์ งั กล่าว เราตอ้ งแยกแยะหลกั เกณฑ์ของความดีและความชวัให้ ถูกตอ้ ง ซ่ึงจะทาไดก้ ็ตอ่ เมื่อเรามีความสมบูรณ์อยา่ งถาวรแลว้ 

หลายอยา่ งในโลกน้ีเปลี่ยนไปตลอดช่วงเวลาที่ผา่ นมา กล่าวคือสังคมมีการพฒั นาอยเู่ สมอ ปัจจุบนั ความเร็ว ของความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยีช่างน่าตะลึงยิงนกั แต่ดูเหมือนวา่ ความกา้ วหนา้ น้ีไม่ไดแ้ กไ้ ขปัญหาของ มนุษย์(=ปัญหาศีลธรรม)แตก่ ลบั กนั มนั ก่อใหเ้กิดความตอ้ งการทิศทางทางจริยธรรมใหม่ๆเช่นจริยธรรม ทางชีววทิยา,จรรยาแพทย,์การเมืองในแง่มุมทางศาสนาเป็นตน้ 
  หลกั จริยธรรมในพระคมั ภีร์นาเสนอบรรทดั ฐาน ซ่ึงไม่ไดข้ ้ึนอยกู่ บั พฒั นาการทางสังคม แต่ยนื หยดั มนัคงบนหลกั การของความรักและความยุติธรรมของพระเจา้ ความรักคือสิงแรกในชีวิตมนุษย์ตลอดกาล และนิรันดร เป็นการเริมตน้ ของสวรรค์ซ่ึงเป็นการให้สานึกแห่งชีวิตที่มีความเขา้ ใจโลกอย่างดีเป็นการ ชวัคราว นี่ไม่ใช่สิงที่นกั ปรัชญาสานกั สถานการณ์นิยมซ่ึงตดั สินการกระทาทุกอยา่ งดว้ ยความรัก การพดู ถึงความรักวา่ เป็นสิงที่ไม่แน่นอนและเป็นอตั วิสัย นี่คือความไร้กฎหมาย แบบต่อตา้ นลทั ธินามนิยมตาม ดว้ ยแนวคิดของเฮราคลิตุส ที่บอกว่าเราไม่สามารถกา้ วลงไปในแม่นาสายเดียวกนั เป็นครังที่สอง และไม่มี ความสมบูรณ์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ความรัก ในระบบศาสนา หรือตามแนวคิดในพระคมั ภีร์ คือความสงบ ภายในใจของบุคคล โดยที่ความยตุ ิธรรมคือความสงบภายนอก 
  คริสเตียนเชื่อว่าพระเจา้ ทรงเอาชนะความชัวร้าย เป็นไปได้ว่า ปฏิกิริยาแรกจะต้องเป็นความ ประหลาดใจ เพราะมนั มีมากพอที่จะหนั ไปพิจารณารอบๆ และเราก็จะไดเ้ ห็นความน่ากลวั ภยั พิบตั ิ การ ฆาตกรรมการใช้ความรุนแรงและการทาลายล้างมรดกทางวฒั นธรรมความรู้สึกเหล่าน้ีจากมุมมอง ของคริสเตียนก็คือประสบการณ์เชิงอตั วสิ ัยของเรา ทุกสิงท่ีเกิดข้ึนในชีวติ ส่วนตวั หรือภายในขอบเขตของรัฐ ใดๆ หรือในพิภพน้ีคือโลกท่ีอยใู่ นใจของเรา ถา้ พดู ดว้ ยภาษาสมยั ใหม่ มนั ก็คือความจริงเสมือนนนัเอง เรา ทุกขท์ รมานหรือเรารู้สึกเวทนา เรารู้สึกยินดีปรีดา เราขอบคุณหรือตาหนิ น่ีเป็นแค่การรับรู้ทางอตั วสิ ัยของ เราเท่านัน แต่ในระดับของประวตั ิศาสตร์และอภิประวตั ิศาสตร์ (เป็ นการก้าวพ้นนอกขอบเขตของ ประวตั ิศาสตร์) เราก็มนัใจในชยั ชนะทางวตั ถุวสิ ัยของพระเจา้ ในโลก 
  เราเชื่อวา่ มนุษยใ์ นฐานะที่เป็ นจินตนการของพระเจา้ มีคุณค่าพิเศษ คุณค่าของบุคคลน้ีไม่มีใครแย่ง ชิงไปได้ และพึงไดร้ ับการเคารพจากเรา สังคม และรัฐ ศกั ด์ิศรีของบุคคลน้ีคลา้ ยกนั กบั ราคา ซ่ึงมีตงั แต่สูงถึง ต่า ข้ึนอย่กู บั ว่ามนุษยม์ ีการพฒั นาภาพลกั ษณ์ของพระเจา้ ในตวั เองมากแค่ไหน ดงั นนั ดว้ ยเหตุที่เราอย่ขู า้ ง พระเจา้ ต่อสู้เพ่อื ความจริงและความยตุ ิธรรม บุคลิกภาพของมนุษยจ์ ึงถูกประดบั ประดาและทาให้สูงส่งดว้ ย ศกั ด์ิศรีของความเป็นมนุษยน์ นัเอง 

จากทศั นะของนิกายที่ผมนบั ถือ การเคารพตวั เองและการเคารพผอู้ ื่นคือสิงแรกและสิงที่มีความสาคญั ท่ีสุด ของมาตรฐานทางจริยธรรม 
  จริยธรรม ศีลธรรม ความดีงามในประเทศส่วนใหญ่ลว้ นมีลกั ษณะเกี่ยวกบั ทางศาสนา แมแ้ ต่พวกท่ี อา้ งว่าเป็น อเทวนิยม ผูม้ ีอานาจของประเทศเหล่าน้ีก็ยงั ยึดมนัต่อหลกั การทางศาสนาและจริยธรรมตามท่ี ไดร้ ับการอบรมเล้ียงดูมา (ตวั อย่างเช่น ในสหภาพโซเวียต บุคคลใดก็ตามท่ีได้รับการแต่งตงั เป็ นทูตไม่ สามารถหยา่ ร้างและแต่งงานไดค้ รังเดียวเท่านนั ) 
  เราตอ้ งการให้ความเคารพต่อมนุษยเ์ป็นเสาหลกั ของอานาจฝ่ายนิติบญั ญตั ิและฝ่ายบริหารของรัฐ ใดๆและเป็นสิงท่ีผนู้ าให้การรับประกนั ต่อประชาชนของตนสิทธิมนุษยชนซ่ึงได้รับการประกนั โดยรัฐ ตอ้ งถูกกาหนดข้ึนมาเพ่ือการบรรลุซ่ึงศกั ด์ิศรีของพลเมืองแต่ละคน การแบ่งแยกสิทธิดงั กล่าวจากศีลธรรม หมายถึงการทาใหเ้ส่ือมเสียเพราะศกั ด์ิศรีท่ีไร้ศีลธรรมนนั ไม่มีดงั นนั เราจึงยอมรับในสิทธิและเสรีภาพของ ทุกคนเพราะมนั ช่วยส่งเสริมศกั ด์ิศรีความเป็นมนุษยใ์ หโ้ ดดเด่นข้ึนมา 
  ผนู้ าของรัฐซ่ึงมีอานาจคู่กนั กบั ผทู้ ่ีอยใู่ นฝ่ายนิติบญั ญตั ิในประเทศต่างๆตอ้ งการใหค้ รอบครัวเล็กๆ ของตนมีชีวิตอยโู่ ดยไดร้ ับความเคารพและมีศกั ด์ิศรี ซ่ึงถา้ เป็นไปตามนนั ความปรารถนาเดียวกนั น้ีก็จะถูก ขยายไปถึงประชาชนในรัฐ ภายใตอ้ านาจที่ผนู้ าไดร้ ับ (จากพระเจา้ อยา่ งที่เราเชื่อและจากประชาชนของตน) ประชาชนคือครอบครัวใหญ่ของผนู้ าท่ีอยู่ภายในกรอบของค่านิยมทางจริยธรรม น่ีคือสิงท่ีจาเป็นต่อการ ตดั สินใจทงั เร่ืองส่วนตวั และของเอกชน ดงั นนั จึงสาคญั ต่อการส่งเสริมนโยบายรัฐโลกของประเทศต่างๆ 
  ผมคิดว่าจาเป็นตอ้ งมีการกาหนดกรอบของมาตรฐานทางจริยธรรม เพราะในโลกสมยั ใหม่กรอบ ความคิดดงั กล่าวค่อนขา้ งคลุมเครือเล็กนอ้ ย โมเดลเรื่องขนั ติธรรมสมยั ใหม่สอนวา่ พฤติกรรมที่ผิดนนั ไม่มี อยู่จริงในขณะท่ีขนั ติธรรมตามแนวคิดของคริสเตียนโบราณหรือการโอนอ่อนสอนให้เป็นมิตรกบั เพ่ือน บา้ นท่ีดีโดยไม่ปฏิเสธการเขา้ ใจความจริงของอีกฝ่ายหน่ึง ซ่ึงหมายความว่าเรายอมรับในความเชื่อและ พฤติกรรมของผูอ้ ื่น แต่ขณะเดียวกันเราก็มีสิทธิแสดงความคิดเห็นของเราว่าอะไรดีอะไรเลวเช่นกัน อนั ตรายของขนั ติธรรมสมยั ใหม่คือสมมติฐานที่วา่ ความแตกต่างทางความเช่ือของคนนนั ไม่มีความสาคญั ขนั ติธรรมที่เราเทศนานนั บอกวา่ จงอยา่ มุ่งร้ายต่อผทู้ ่ีมีความเช่ือท่ีเราเห็นวา่ ไม่ถูกตอ้ ง แน่นอนวา่ ขนั ติธรรม หมายถึงการพยายามปรับปรุงบุคลิกภาพของตวั คุณเอง มนั คือสิงสาคญั ต่อการเรียนรู้วา่ เจตคติเชิงลบใดๆ ต่อ สิงใดๆ ไม่ควรเลวร้ายจนถึงกบั ทาให้เราแสดงออกในทางกา้ วร้าว ดงั นนั จากมุมมองของคริสตศ์ าสนา และ นิกายออร์โธดอกซ์ท่ีผมเป็นส่วนหน่ึงนนั รวมทงั การก่อรูปของหลกั จริยธรรมทวัไปกรอบความคิดเร่ือง ขนั ติธรรมท่ีถูกตอ้ ง ซ่ึงหมายถึงการเคารพในความรัก จึงเป็นสิงจาเป็นต่อการอยรู่ ่วมของประชาชน 
  ดงั นนั เราจึงตอ้ งเล้ียงดูลูกๆ ของเราโดยไม่ลบลา้ งความแตกต่างระหวา่ งความดีและความชวัแต่จง ยนืยนัในค่านิยมที่เป็นมาตรฐานเพื่อสอนเด็กให้มองเห็นรูปลกัษณ์ของพระเจา้ในตวัผอู้่ืนเราตอ้งปกป้อง ค่านิยมทางประเพณีของเราโดยปราศจากความบา้ คลงัแต่ดว้ ยความมุ่งมนัว่าคนรุ่นใหม่จะตอ้ งรับสืบทอด กรอบความคิดอยา่ งต่อเนื่องและมีความชดั เจน และดว้ ยการสนบั สนุนที่เชื่อถือไดข้ องโลกที่เตม็ ไปดว้ ยความ แตกต่างหลากหลาย 


การเลือกของเราแสดงให้เห็นถงึ สิ่งทเี่ ราให้คณุ ค่ามากทสี่ ุด 

รายงานโดยฯพณฯตนอบั ดุลลาห์ฮาจิอะห์มัดบาดาวี
อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย 

ความสาคญั ของจริยธรรมต่อการวางรากฐานความเป็นจริงเพื่อการปกครองที่มีประสิทธิภาพและความมนัคง ของมนุษยค์ ือขอ้ กงั วลหลกั ของเราในปัจจุบนั การเลือกที่ชอบดว้ ยจริยธรรม ซ่ึงผมหมายความวา่ การปฏิบตั ิ สิงดีงามที่ถูกรวบรวมไวใ้ นค่านิยมที่อยู่เหนือกาลเวลาเพ่ือให้เกิดการตดั สินใจอย่างชาญฉลาด คือ การ ต่อตา้ นความไม่ยุติธรรม ค่านิยมไม่เพียงแต่เป็นเง่ือนไขท่ีตอ้ งมีก่อนสาหรับการตดั สินใจทางการเมืองและ การแจกจ่ายทรัพยากรที่เป็นวตั ถุดิบซ่ึงมีจากดั โดยทดั เทียมกนั 
  จริยธรรมเป็นสิงท่ีไม่อาจแยกออกจากความยตุ ิธรรม และดงั ท่ีศาสดาผศู้ กั ด์ิสิทธ์ิของเราไดก้ ล่าวไว้ ในฐานะผนู้ าเรามีความรับผดิ ชอบใหญ่หลวงต่อสวสั ดิภาพของคนรุ่นอนาคตใครเป็นเจา้ ของโลกของเรา? รัฐบาลและบริษทั เอกชนมีสิทธิครอบครองการใช้หรือการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในทางที่ผิด และจัด ระเบียบทางการเมืองและเศรษฐกิจเพื่อสนองผลประโยชน์ดา้ นการทากาไรแบบเห็นแก่ตวั อย่างนนั หรือ? การรวบความมงัคงัไวท้ ี่นายธนาคารและประธานบริษทั ชนั นากลุ่มเล็กๆโดยไม่มีการตรวจสอบ กระทาการ ท่ีอยเู่หนือและเกินขอบเขตขอ้กาหนดของรัฐถูกมองในบริบทโลกวา่เป็นสิงชวัร้ายเชิงวตัถุวสิ ัย 
  แง่มุมหน่ึงของแนวคิดของศาสนาอิสลามท่ีไปกระตุน้ ความสนใจที่ถูกปลุกข้ึนใหม่ในช่วงทศวรรษ หลงั ๆ คือกรอบความคิดเรื่อง หลกั เจตนารมณ์แห่งชาริอะห์ (มะกอศิต อลั -ชาริอะห์ - Maqasid al-Shariah) เป้าหมายและวตั ถุประสงคท์ ี่สูงกวา่ ของกฎหมายอิสลามมะกอศิตกลายเป็นหวั ขอ้ ที่ไดร้ ับความสนใจเป็น พเิ ศษดว้ ยเหตุผลหลกั ๆวา่ มนั มีความเก่ียวขอ้ งโดยตรงไม่มีคนกลางแทรกแซงกบั ค่านิยมพ้ืนฐาน และมีความ เก่ียวขอ้ งกบั กฎหมายสิทธิมนุษยชนสากลดว้ ย จุดสนใจของหลกั การน้ีอยทู่ ี่การจดั ลาดบั ความสาคญั ของสิงท่ี เรียกวา่ สิงสาคญั ห้าประการ (อลั -ดารุริยะต์ อลั -คมั ซาห์ หรือ al-daruriyyat al-khamsah) ไดแ้ ก่ การปกป้ อง ชีวิต ความศรัทธา ปัญญา ครอบครัว และทรัพยส์ ิน เป็นสิงช้ีนาการตดั สินใจในระดบั ผนู้ าและการบญั ญตั ิ กฎหมาย ความสาคญั ทางจริยธรรมของค่านิยมดงั กล่าวนนั มีความชดั เจนในตวั เอง ในแง่ที่วา่ ความศกั ด์ิสิทธ์ิ ของชีวติ มนุษย์ ความสมบรู ณ์ทางปัญญา และของเหตุผลที่เหมาะสมรวมทงั สุขภาพของหน่วยครอบครัวตอ้ ง ไดร้ ับการปกป้องอยา่ งถึงท่ีสุดและน่ียงั เป็นหลกั ของการตีความและการนากฎหมายชารีอะห์ของอิสลามไป ปฏิบตั ิในทางกฎหมายและการปกครองทุกอยา่ ง 
  นอกจากน้ีเรายงัไดเ้ห็นการกลบั มาผงาดของศาสนาในแวดวงสาธารณะและการปกครองมรดกของ ล ทั ธ ิ จ กั ร ว ร ร ด ิ น ิ ย ม ท า ใ ห ้ ม ี ก า ร พ ่ ึ ง พ ิ ง อ ตั ล กั ษ ณ ์ ข อ ง ร ั ฐ ช า ต ิ ม า ก เ ก ิ น ไ ป น ่ า ป ร ะ ห ล า ด ใ จ ท ี ่ ค ว า ม เ ป ็ น เ อ ก ร า ช กลบั ทาให้อตั ลกั ษณ์ของมนุษย์ถูกทาให้แคบลงโดยสนใจเฉพาะศาสนาที่ถูกทาให้เป็นการเมืองเท่านัน สาหรับสังคมหลายแห่งในเอเชียและแอฟริกา การทาลายความเป็นฆราวาสนิยมที่ตามมาด้วยการใช้อตั ลกั ษณ์ทางศาสนาเพื่อประโยชน์ทางการเมืองอยา่ งผิดๆ คือลกั ษณะที่โดดเด่นของสังคมที่มีความทนั สมยั ถึง ขีดสุดการผกผนั ของศาสนานามาซ่ึงปัญหาหลายประการและบีบใหเ้ราตอ้ งทบทวนค่านิยมถาวรน่าจะมีผล ต่อวธิ ีแกป้ ัญหาอยา่ งแทจ้ ริงตรงไหนและอยา่ งไร 
  ในมาเลเซียเราถือว่า การบงั คบั ใหก้ ระทาการโดยมีแรงดลใจจากศาสนา น่าจะมีเป้ าหมายเพ่ือสิงดี งามเพ่ือความก้าวหน้าท่ีเป็นประโยชน์และเพ่ือการพฒั นาของมนุษย์ที่เหมาะสมเราเรียกแนวทางน้ีว่า อิสลามฮะฎอรี[Islam Hadhari เป็นคาเดิมจากภาษาอาหรับสองคาคืออิสลาม(Islam) กบั คาว่าฮะฎอรี (Hadhari) ซ่ึงแปลวา่ อารยธรรม ซ่ึงจะตรงกบั คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษคือ Civilizational Islam แต่ในที่น้ีหมายถึง การพฒั นาสังคมมุสลิมสู่ความเป็นอารยธรรมท่ีสอดคลอ้ งกบั หลกั การศาสนาอิสลาม] หรือ อารยธรรม อิสลามซ่ึงเป็นแนวทางที่อยบู่ นความเป็นจริงเพ่อื สร้างอารยธรรมอิสลามท่ีมีความรู้แจง้ สอดคลอ้ งกบั ความ ทนั สมยั ถึงกระนนั ก็ยงัฝังรากลึกในค่านิยมสูงส่งและคาสังสอนของอิสลามนอกจากน้ีอิลสามฮะฏอรียงั สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องการสร้างระเบียบโลกสากลที่มีเสถียรภาพ โดยมีความมนัคงของมนุษย์ และ การสร้างสันติเป็นบรรทดัฐาน 

อิสลามฮะฎอรี ตงั อยบู่ นหลกั การพ้ืนฐาน 10 ประการ ซ่ึงสงั คมมุสลิมตอ้ งปลูกฝัง ดงั ต่อไปน้ี

  1. การศรัทธาและยาเกรงต่อองคอ์ลัเลาะห์พระผทู้รงสร้างสิงมีชีวติทงัหลาย

  2. ใชห้ลกัธรรมาภิบาลในการบริหาร

  3. ประชาชนมีความคิดที่อิสระ

  4. มีความเป็ นเลิศทางวชิ าการ

  5. มีการพฒั นาเศรษฐกิจอยา่ งสมดุลและครอบคลุม

  6. มีคุณภาพชีวติ ที่ดี

  7. ประกนั สิทธิเสรีภาพของชนกลุ่มนอ้ ยและสตรี

  8. มีวฒั นธรรมและจรรยางาม

  9. รักษาสิงแวดลอ้ ม

  10. มีความเขม้ แขง็ ในการระวงั รักษาชาติ 


หลกั การท่ีถูกตอ้ งสมบูรณ์น้ีเป็ นท่ียอมรับของผทู้ ่ีไม่ใช่มุสลิม รวมทงั ผูค้ นในแวดวงรัฐบาลซ่ึงไม่ใช่มุสลิม ดว้ยเช่นกนั มาเลเซียเสนอโมเดลการทางานแบบสายกลางเพ่ือการฟ้ืนฟูและปฏิรูปโลกมุสลิมท่ีประสบ ความสาเร็จในการบรรลุความก้าวหน้าทางวตั ถุอย่างมีเสถียรภาพและความมนัคง อิสลามฮะฎอรี เสนอ แนวทางการตีความอิสลามกระแสหลกั ที่เป็นกลาง ห่างไกลจากการยืนยนั และการตีความแบบหัวรุนแรง แสดงให้เห็นถึงวิสัยทศั น์ที่กวา้ งขวางของมรดกทางจริยธรรมและปัญญาของอิสลามในส่วนของการเป็น ผนู้ าและการตดั สินใจ เพอื่ แกไ้ ขประเด็นปัญหาท่ีมุสลิมทงั ในประเทศและทวัโลกกาลงั เผชิญอยู่ 

การประชุมกลุ่มผูเ้ ช่ียวชาญระดบั สูง ปี 2007 ของสภาปฏิสัมพนั ธ์ ท่ีทูบิงเงน เน้นให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่า ตกใจของการแสวงประโยชน์จากศาสนา และการนาไปใชใ้ นทางที่ผดิ โดยผนู้ าทางการเมือง เพื่อการยุยงให้ เกิดความไม่มนัคงจะไดเ้ป็นการรักษาอานาจส่วนตวั ของตนและเพื่อสร้างความมงัคงัอยา่ งผิดกฎหมายการ ประชุมน้ีเนน้ ยาวา่ เมื่อเอาอวิชชาศาสนาและลทั ธิชาตินิยมมารวมกนั ก็เท่ากบั สร้างความเป็นไปไดข้ อง การเกิดสงครามน่าเสียใจที่การใชศ้ าสนาในทางท่ีผดิ มีความรุนแรงและขยายวงกวา้ งในช่วงเจ็ดปีที่ผา่ นมา ในฐานะมุสลิมผหู้ ่วงใยและมีประสบการณ์เกี่ยวกบั การโยงศาสนากบั การเมืองเขา้ ดว้ ยกนั อยา่ งไม่ถูกตอ้ ง เรา รู้สึกเจบ็ ปวดต่อการนองเลือดระหวา่ งนิกายที่แพร่หลายไปทวัและมีผลต่อชาติอิสลามสาคญั ตงั แต่ปากีสถาน บาห์เรน อิรัก ไปจนถึงซีเรีย มะเร็งร้ายน้ีแพร่เช้ือสู่สังคมมุสลิมหลายแห่ง รวมทงั ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ภมู ิภาคของผมดว้ ย มนั นามาซ่ึงโศกนาฏกรรมและการทาลายลา้ งผา่ นสงครามตวั แทนซ่ึงผลลพั ธ์ในระยะยาว นนั น่าหวาดกลวั มาก 
  มุสลิมควรเรียนรู้ท่ีจะยอมรับและประนีประนอมกบั ความหลากหลายซ่ึงมีอยเู่ป็นปกติตามแนวทาง ปฏิบตั ิตามศรัทธาของตน ดงั นันเราจึงขอให้สภาปฏิสัมพนั ธ์ได้พิจารณาส่งเสริมให้มีการเสวนาระหว่าง มุสลิมแยกต่างหากระหว่างนิกายซุนนีและชีอะต์ รวมทงั ระหว่างรัฐที่เก่ียวขอ้ งดว้ ย ไม่วา่ แรงจูงใจของการ แสวงหาการยอมรับค่านิยมทางจริยธรรมซ่ึงเป็นท่ียอมรับร่วมกนั ของศาสนาทวัโลกจะเป็นอะไร แต่ความ เร่งด่วนของการเอาชนะความเกลียดชงั ดว้ ยความไม่รู้และความเป็นปฏิปักษ์ท่ีมีชนชนั นาชกั ใยระหว่างคน มุสลิมเป็นสิงท่ีไม่สามารถละเลยอีกต่อไปเราให้ความสาคญั สูงสุดต่อความจาเป็นของการริเริมมาตรการท่ี เป็นรูปธรรมเพ่ือลดการใช้ความรุนแรงระหว่างมุสลิมกบั มุสลิม ซ่ึงก็มีผลเสียหายต่อชนกลุ่มนอ้ ยท่ีไม่ใช่ มุสลิมในหลายประเทศ และมีการทาลายมสั ยดิ โบสถ์ และศาลในนามของพระเจา้ หลายแห่งดว้ ยกนั 

ศาสนานนั ผกู ขาดทรัพยากรสาคญั ต่อการช่วยปลุกจิตสานึกและคืนชีวติ แก่รากเหงา้ แห่งอตั ลกั ษณ์ของมนุษย์ ผมขอหยิบยกแนวคิดสาคญั อนั หน่ึงจากประเพณีทางศาสนาอิสลาม ซ่ึงไดแ้ ก่หลกั การของ การอารักขามนุษย์หรือคิลาฟะห์(khilãfah) หมายถึงทาหน้าที่เป็นผูอ้ ารักขาทรัพยากรธรรมชาติและมนุษยข์ องเรา หมายความวา่ ผลประโยชน์ของมนุษยท์ ี่สูงกวา่ มีผลต่อสังคมทงั มวลและชาติทุกชาติ 
  ดว้ ยเหตุที่ คิลาฟะห์ กาหนดบทบาทผูพ้ ิทกั ษแ์ ก่มนุษยชาติและผปู้ กป้ องสิงแวดลอ้ มทางธรรมชาติ นกั วชิ าการมุสลิมจึงประณามการใชแ้ ละการสร้างอาวธุ นิวเคลียร์และอาวธุ อานุภาพทาลายลา้ งสูง เราน่าจะ ทบทวนเกี่ยวกับเรื่องน้ีและเสนอให้ใช้วิทยาศาสตร์เพื่อสันติภาพ วิทยาศาสตร์นันเป็นประโยชน์ต่อ มนุษยชาติอย่างไม่ตอ้ งสงสัย แต่ก็ถูกใช้เพื่อการทาลายอย่างแพร่หลายเช่นกนั ผูน้ าที่ชอบด้วยจริยธรรม จะตอ้ งส่งเสริมให้มีการสารวจศกั ยภาพของการใช้วิทยาศาสตร์เพื่อสันติ และใช้เพื่อสร้างผลประโยชน์ ส่วนรวมอย่างมีประสิทธิผลเป็นการเพิมเติม การตดั สินใจของผูน้ าเกี่ยวกบั การจดั สรรทรัพยากรเพื่อการ พฒั นาพลงั งานโลก ทรัพยากรนาของโลก และการบรรเทาความยากจน ไม่เพียงแต่จดั การกบั ความตอ้ งการ สาคญั ของมนุษยเ์ ท่านนั แต่ยงั มีส่วนอยา่ งมากต่อการลดความขดั แยง้ ระหวา่ งชาติต่างๆดว้ ย 
  สิงที่งอกเงยข้ึนมาจากความจาเป็นน้ีคือการยอมรับความสาคญั ของสาธารณะและการเคารพต่อ ความตอ้ งการของมติมหาชน และการส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกนั ซ่ึงศาสนาอิสลามใช้คาว่า มสั ลาฮา (maslahah) ซ่ึงหมายถึงสมดุลระหวา่ งสิทธิของปัจเจกชน, หนา้ ที่และความรับผิดชอบต่อผอู้ ื่น และระหวา่ ง ผลประโยชน์ส่วนตนท่ีมีอยู่โดยธรรมชาติ และค่านิยมของการไม่เห็นแก่ตวั มสั ลาฮา ตามแนวคิดศาสนา อิสลามทาใหม้ นั เป็นหนา้ ที่ของรัฐบาลและผนู้ าชุมชนซ่ึงตอ้ งพยายามรักษาผลประโยชน์สาธารณะทุกครังที่ มีโอกาส แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องมีความรับผิดชอบ ดังนันจึงมีภาษิตกฎหมายว่า กิจการของผู้นาของรัฐ (ความสาเร็จและลม้ เหลว)จะถูกตดั สินโดยการอา้ งอิงกบั มสั ลาฮา (amr al-imam manut bi’l-maslahah) การ รักษาผลประโยชน์สาธารณะภายใต้ มสั ลาฮา มีมิติทงั ทางวตั ถุและศีลธรรม ซ่ึงในทางกลบั กนั มีความสาคญั สูงกว่าผลประโยชน์ของเอกชนและพวกพอ้ ง ผลประโยชน์ส่วนตวั ในแบบท่ี เหมาะสม ถือวา่ เป็นสิงดี และจาเป็นแต่ถา้ แสวงหาในลกั ษณะที่ไม่มีความสมดุลและคบั แคบก็ไม่ยตุ ิธรรมเป็นการกดขี่และมีส่วนต่อ ความขดัแยง้ที่มีการใชค้วามรุนแรง 
  การยืนยนั ในผลประโยชน์ส่วนตนของเอกชน ของคนกลุ่มเล็กหรือชนชั้นในสังคม ไม่ใช่การ ตอบสนองต่อปัญหารุนแรงท่ีเรากาลงั เผชิญอยอู่ ยา่ งเพียงพอ เช่นมลพิษในสิงแวดลอ้ ม ภาวะโลกร้อน ความ มนัคงระหว่างประเทศ การสร้างสันติภาพหลงั เกิดความขดั แยง้ ทงั หมดน้ีไม่สามารถจดั การหรือแกไ้ ขได้ โดยคนกลุ่มเดียวหรือชาติใดชาติหน่ึงตามลาพงั แต่ตอ้ งอาศยั ความร่วมมือและการทาความเขา้ ใจร่วมกนั มนั เรียกร้องให้ผนู้ าและรัฐบาลตอ้ งกา้ วออกจากชาติพนั ธุ์นิยมที่มุ่งสนองผลประโยชน์ตวั เองหรือผลประโยชน์ ของกลุ่มผปู้ กครอง เพื่อการสร้างคุณค่าแก่มนุษยชาติอยา่ งลึกซ้ึงโดยมีค่านิยมถาวรเป็นเครื่องช้ีแนะแนวทาง 
  เราตอ้ งทบทวนวา่ ผลประโยชน์แทจ้ ริง และอภิสิทธ์ิ นนั คืออะไร และทบทวนวา่ การพฒั นาหมายความวา่อะไรกล่าวคือเป็นการขยบัสู่การพฒันาของมนุษย,สร้างสังคมให้มีมนุษยธรรมและมีความ สมบูรณ์ยิงข้ึน , “ความมนัคงของมนุษย์ ท่ีแทจ้ ริงคืออะไร ผลประโยชน์ส่วนตนที่แทจ้ ริงของเราคือ อะไร? สันติภาพและความกลมเกลียวอาจเกิดข้ึนไดด้ ว้ ยความรู้และความเขา้ ใจ แต่ไม่ใช่ดว้ ยการใชก้ าลงั หรือการบงัคบั ความทุกขท์รมานซ่ึงเป็นผลจากการคิดอยา่งผดิๆมกัมีรูปแบบเป็นการกระทาในทางที่ผดิ 
  สันติภาพทางบวกต้องอาศยั การส่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง ความเป็นธรรม ยุติธรรม และการ ปกป้องศกั ด์ิศรีของมนุษยแ์ ละความมนัคงของมนุษย์ศาสนาไม่ควรยดั เยยี ดการเปลี่ยนแปลงโดยการใชก้ าลงั บงั คบั แต่ควรช่วยใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงภายในตวั คนๆหน่ึง เพ่ือใหม้ นั แผร่ ังสีออกไปสู่สังคมทงั มวล เม่ือ เกิดการเปล่ียนแปลงภายในตวั บุคคลทงั หลายแลว้ ผลรวมของอิทธิพลอาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนศูนยก์ ลาง ของแรงดึงดูดสู่กิจกรรมเพ่ือมนุษยอ์ ย่างแทจ้ ริง กล่าวคือทุกคนต่างก็นาความมุ่งมาดปรารถนาในความ ยตุ ิธรรมและความเอ้ือเฟ้ื อเผอื่ แผ่ ความกลมเกลียวและความเห็นอกเห็นใจมาทุ่มเทในกิจกรรมดงั กล่าว ซ่ึงก็ จะทาให้เกิดประสบการณ์และภูมิปัญญาเก่ียวกบั พลงั ของศีลธรรมและความดีงามที่ยงัยืน ซ่ึงจาเป็ นต่อการ เผชิญกบั ความทา้ ทายที่หนกั หนาสาหสั และการตอบสนองต่อโอกาสใหม่ๆ ในโลกที่มีวฒั นธรรมร่วมกนั และมีความเป็ นสากล 
  ขอใหเ้ราเตือนตวั เองเกี่ยวกบั คาแนะนาท่ีไดจ้ ากธรรมาจารย์ญะลาลุดดินรูมีเมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนคือ จงรักทงั หมด มิใช่เพียงบางส่วน ภูมิปัญญาน้ีคือสิงที่เราตอ้ งจ่ายเพ่ือแบกรับความรับผิดชอบที่ยิงใหญ่ที่สุด ของเรา และในการแนะนาการตดั สินใจที่สะทอ้ นถึงผลประโยชน์ส่วนตนท่ีแทจ้ ริงของเรา เราอาจคน้ พบ เสรีภาพท่ีแทจ้ ริงของเรา คือการเป็นอิสระจากความพึงใจท่ีคบั แคบเห็นแก่ตวั ดว้ ยการปลุกหลกั มนุษยธรรม ร่วมกนั ของเราข้ึน ภรรยาของผมมกั เตือนผมเสมอวา่ มนั ไม่ใช่ความรักในอานาจ แต่เป็ นพลงั แห่งรักต่างหาก ท่ีทาให้โลกของเราเป็ นท่ีๆน่าอยู่ยิงข้ึน ขอบคุณ ท่านผูน้ าและเพื่อนทงั หลาย เราฝากความไวว้ างใจด้วย ความหวงั ในอนาคตของเรากบั พระเจา้ ผทู้ รงยงิใหญ่ 


การอภิปราย 

ประธานฟูกุดะ: วาระน้ีดาเนินในรูปแบบที่นายกรัฐมนตรีเฮลมุท ชมิดท์ คุยกบั เราเมื่อวานน้ี ซ่ึงไดแ้ ก่วาระ เร่ืองประชากรโลกกาลงั จะเพิมข้ึน 9 พนั ลา้ นช่วงกลางศตวรรษน้ี เขาไดแ้ สดงความห่วงใยอย่างมากวา่ เรา ควรจะจดั การกบั โลกแบบน้ีกนั อยา่ งไร ดงั นนั เราจะหารือกนั ในประเด็นน้ีและดูวา่ สิงท่ีเราควรจะและจะใช้ ชีวติ ต่อจากน้ีกนั อยา่ งไร 
  ในการนาเสนอของท่านโอตานิผนู้ ่าเคารพและผปู้ กครองสังฆมณฑลนครนิโฟนมีประเด็นร่วมกนั อยู่ ในส่วนท่ีว่าดว้ ยการอยรู่ ่วมกนั โดยสันติของศาสนาและชาติต่างๆ ซ่ึงมีความสาคญั อย่างมากในอนาคต และผมหวงั อยา่ งมากวา่ ผนู้ าทางศาสนาในท่ีประชุมน้ีจะไดอ้ ภิปรายในหวั ขอ้ น้ีเพิมเติม 
  ในทางกลบั กนั ก็มีประเด็นท่ีมีความสาคญั และสามารถปฏิบตั ิและแกไ้ ขไดจ้ ริงหลายอย่างดว้ ยกนั ตวั อย่างเช่น ปัญหาเรื่องพลงั งานซ่ึงจาเป็นต่อการดาเนินชีวิตประจาวนั ของเราและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมในส่วนของปัญหาพลงังานนนั พบว่ามีปัญหาเกี่ยวขอ้งหลายประการและนี่คือประเด็น หน่ึงท่ีเราจาเป็นตอ้ งพิจารณากนั เดี๋ยวน้ีโดยมองเผื่อไปอีกหลายทศวรรษขา้ งหน้า เรื่องอาหารก็เป็นสิงที่ มนุษยข์ าดไม่ไดเ้ช่นกนั เช่นเดียวกบั เร่ืองนาซ่ึงกาลงั จะเป็นเร่ืองใหญ่เม่ือประชากรเพิมข้ึนความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยนี นั น่าท่ึงอยา่ งมาก เทคโนโลยีสารสนเทศมีความกา้ วหนา้ ในอตั ราความเร็ว ท่ีน่าพิศวง เราไม่สามารถพยากรณ์ได้เลยว่ามนั จะก้าวหน้าไปถึงระดับไหน ภาคอุตสาหกรรมเองก็มี ความกา้ วหนา้ ไม่แพก้ นั เห็นไดจ้ ากท่ีนาเอาระบบการผลิตแบบอตั โนมตั ิเขา้ มาใชม้ ากข้ึน ทงั หมดน้ีทาใหเ้ กิด คาถามว่ามนั จะมีผลต่อการดารงชีวิตหรือสังคมของเราอย่างไร ดงั นนั คาถามสาคญั จึงไดแ้ ก่ เราจะสามารถ ดารงความเป็ นมนุษยชาติกนั อยา่ งไรในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงดงั กล่าว ซ่ึงในทางกลบั กนั ก็จะทาให้เกิด ปัญหาดา้นสิทธิมนุษยชนสันติภาพและความยตุิธรรม 
  ผมหวงั ว่าคุณจะนึกถึงคาถามเหล่าน้ีเสมอในการเขา้ ไปมีส่วนร่วมของคุณ นอกจากน้ี ชีวิตยงั ถูก ควบคุมดว้ ยเทคโนโลยีซ่ึงผมเชื่อว่าเป็นประเด็นที่หนกั มากรวมถึงประเด็นที่ว่าการกระทาที่น่าสงสัยนนั ควรไดร้ ับการอนุญาตหรือไม่ มนั คือประเด็นวา่ สงั คมจะสามารถอนุญาตไดถ้ ึงแค่ไหน 
  เมื่อวานน้ี มีการพูดถึงความสาคญั ของการศึกษาบ่อยครัง ว่าเป็นหนทางสู่การแกไ้ ขความขดั แยง้ เพ่ือประโยชน์ของสังคม ชาติ และมนุษยชาติเราควรตงั คาถามว่า การศึกษาท่ีจาเป็นคือแบบไหน และ จริยธรรมสามารถแสดงบทบาทภายในการศึกษาแบบที่ว่าน้ีอย่างไร?” ในสังคมโลกาภิวตั น์ การเผยแพร่ ความรู้เป็นสิงสาคญั ผมควรคิดวา่ มนั เป็นเร่ืองท่ียงิใหญ่ ถา้ เราสามารถแบ่งปันการยอมรับคลา้ ยๆกนั วา่ เรา ควรจะใช้ชีวิตต่อจากน้ีอย่างไร รวมทงั มาตรฐานทางจริยธรรมดว้ ย แต่ในความเป็นจริง สิงที่เกิดข้ึนคือ ปรากฏการณ์ตรงขา้ มกนั โดยสินเชิง ผมคงจะมีความสุขอย่างมาก ถ้ามีสิงบ่งช้ีบางอย่างเกิดข้ึนจากการ ป ร ะ ช ุ ม น ้ ี แ น ่ น อ น ค า ต อ บ เ ฉ พ า ะ ต ่ อ ป ร ะ เ ด น็ ท ี ่ ผ ม พ ดู ถ ึ ง จ ะ ท ิ งไ ว ใ้ ห เ ้ ป ็ น ห น า้ ท ี ่ ข อ ง ก า ร ป ร ะ ช ุ ม อ ื ่ น แ ต ่ ผ ม อ ย า ก ให้ผนู้ าศาสนาแสดงทศั นะของท่านต่อทิศทางโดยรวม กล่าวคือท่าทีของศาสนาต่อปัญหาดงั กล่าวจะเป็ น แบบไหน 

ดร. โคชรู: ความรับผดิ ชอบทางสังคมในโลกท่ีเรากาลงั อาศยั อยใู่ นปัจจุบนั ค่อนขา้ งแตกต่างจากในอดีต ใน แถลงการณ์สาคญั ของผนู้ าเสนอทงั สองท่าน มีจุดโฟกสั ท่ีสันติภาพภายในใจและการควบคุมความตอ้ งการ เพราะความตอ้ งการน้ีอาจนาไปสู่ผลลพั ธ์ที่น่าสะพรึงกลวั แต่เรารู้ว่าในยุคของโลกาภิวตั น์และส่ือสังคมน้ี อุตสาหกรรมบนั เทิง ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยแี ละวทิ ยาศาสตร์ เศรษฐกิจ การธนาคาร และการเงิน การ ควบคุมความตอ้ งการยงั ไม่เพยี งพอ ทุกคนจึงตอ้ งการความกา้ วหนา้ ในเทคโนโลยีและการส่ือสารหรืออะไร ก็แลว้ แต่ ดงั นนั เราจึงควรพยายามคน้ หาวธิ ีแกป้ ัญหาหรือสถานการณ์ท่ีเรากาลงั เผชิญอยู่ 
  ประเด็นอ่ืนที่เก่ียวขอ้ งกบั พลงั งานนิวเคลียร์ ใช่แลว้ การสะสมอาวุธนิวเคลียร์เป็นประเด็นสาคญั มาก เพราะมนั สามารถทาลายสังคมมนุษยท์ งั มวล แต่ถา้ เรากาลงั จะมีประชากรโลก 9 พนั ลา้ นคน พลงั งาน เดียวท่ีเป็นภยั และอนั ตรายน้อยกว่าก็คือพลงั งานนิวเคลียร์ เพราะขาดนามนั แก๊ส และแหล่งพลงั งานอื่นๆ พลงั งานนิวเคลียร์ควรจะสามารถตรวจสอบอยา่ งใกลช้ ิดภายใตม้ าตรการควบคุมที่หลากหลาย แต่มนั ก็ควร เป็นแหล่งพลงั งานหลกั ในโลกสมยั ใหม่ถา้ หากวา่ เรากาลงั จะกา้ วสู่ประชากรหลกั 9พนั ลา้ นเช่นน้ี 

นายกรัฐมนตรีเครเตียง:ผมคิดอย่างที่ท่านนายกรัฐมนตรีเฮลมุทชมิดท์กล่าวไวเ้ม่ือวานน้ีประชากร9 พนั ล้านคนคือปัญหาใหญ่มาก แต่มนั จะตอ้ งเกิดข้ึนแน่นอน เพราะประชากรมีแต่เติบโตทงั ที่มีมาตรการ ควบคุมบางอยา่ งแลว้ แต่มนั จะเติบโตต่อไปและแน่นอนยอ่ มตอ้ งมีปัญหาเรื่องความคาดหมายของการคงชีพ (ช่วงอายขุ ยั )ตามมา และปัจจุบนั เรากาลงั พดู ถึงความยากจน แต่อีกไม่นาน ก็จะตอ้ งเกิดปัญหาความอดอยาก อย่างหนกั เพราะเราตอ้ งผลิตอาหารเพื่อเล้ียงคน 9 พนั ลา้ นคน ซ่ึงจะนาไปสู่ปัญหาเรื่องนา หลายพ้ืนที่ใน โลกกาลงั จะขาดนา เรานงัอภิปรายกนั อยา่ งมีความสุขในนครควเิ บค พยายามพยากรณ์ปัญหาเร่ืองนา มนั ไม่ เก่ียวขอ้ งกบั การผลิตอาหาร แต่ในระหว่างที่เราอภิปรายกนั ตอนนนั นาสามารถท่ีจะหรือในขณะน้ีกาลงั จะ กลายเป็นปัญหาใหญ่ในตะวนั ออกกลางและจีน เพราะพวกเขาขาดแคลนนาและอาจส่งผลท่ีเป็นความ เสียหายได้ ดงั นนั จึงเราตอ้ งเริมตน้ พูดคุยเกี่ยวกบั ปัญหาเหล่าน้ี ในขณะที่โลกกาลงั จะมีประชากร 9 พนั ลา้ น คน 
 บรรพบุรุษของผมเล่าให้ฟังเรื่องพลังงานปรมาณู พลงั งานอย่างหน่ึงที่ไม่ก่อมลพิษคือพลงั งาน ปรมาณู ปัญหาคือความปลอดภยั ของมนั เวลาท่ีคุณผลิตพลงั งานปรมาณู คนมกั กลวั กนั ในกรณีของอิหร่าน และท่ีอื่นๆ ซ่ึงไม่น่าจะใชม้ นั เพื่อเป็นพลงั งานแต่เป็นอาวธุ เพอื่ สงครามปรมาณู และโลกน้ีจะตอ้ งช่วยกนั คิด หากฎเกณฑใ์ นการพิจารณาอนุญาตใหใ้ ครก็ตามท่ีตอ้ งการใช้พลงั งานปรมาณูเพ่ือการผลิตไฟฟ้ าก็สามารถ ทาได้และไม่สร้างปัญหาทางการเมืองเพราะมนั อาจถูกใชเ้พอื่ จุดประสงคอ์ ื่น 

นายกรัฐมนตรี ฟาน แอกต์: การอภิปรายน้ีสามารถเปลี่ยนช่ือใหม่เป็ น เราจะช่วยโลกน้ีจากการมีประชากร ถึง 9 พนั ลา้ นคนและจากภยั พิบตั ิทงั หลายที่จะเกิดตามมาไดอ้ ยา่ งไร?” ก็แค่เรื่องธรรมดาไม่กี่ประเด็น ทุก ท่านรู้วา่ ไม่มีการรายงานมากนกั วา่ ในขณะท่ีสวสั ดิภาพในประเทศกาลงั พฒั นาเพิมระดบั ข้ึน อตั ราการเกิด กลบั ลดลง นันคือสิงท่ีเรารู้ แต่ดูเหมือนยงั ไม่มีการเน้นยาอย่างเพียงพอ นนัก็เรื่องหน่ึง ส่วนเร่ืองที่สอง ก็ เรื่องเดิมๆ เป็นการพูดซาซากเช่นกนั ทว่าสาคญั จริงๆ นนัคือการเพิมอานาจแก่สตรี เราเคยพูดกนั ครังแลว้ ครังเล่า แต่ยงั ไม่มีการขยบั อย่างเพียงพอและรวดเร็วพอ แน่นอนปัญหาท่ีโดดเด่นก็คือ การเปิ ดประตูสู่ โอกาสทางการศึกษาในระดบั สูงข้ึนแก่สตรี เป็นหน่ึงในนนั 
  ประเด็นที่สาม เราควรปิดสถานีโทรทศั น์และสถานีวิทยุทงั หมดหรืออื่นๆ เพราะพวกนันยงั คง พยายามทาใหป้ ัญหาการทาลายลา้ งสิงแวดลอ้ มเป็นเร่ืองเล็กนอ้ ย ทงั ที่เห็นกนั อยชู่ ดั ๆ โดยเฉพาะคนฉลาดใน ท่ีน้ีว่าภยั พิบตั ิกาลงั ก่อตวั แต่ยงั ไม่มีการตีฆอ้ งร้องป่าวให้ดงั พอคนควรเรียนรู้ตงั แต่อายุยงั นอ้ ยว่าโลกของ เราไม่อาจทนต่อความตึงเครียดมากไปกว่าน้ี นนัคือประเด็นในวาระท่ีมีความรุนแรงมากๆ รวมทงั ยงั เป็น ประเด็นสาหรับคนรุ่นที่กาลงั ไดร้ ับการศึกษาในขณะน้ีดว้ ย การเปล่ียนแปลงสภาพทางภูมิอากาศ นี่ถา้ เราทา ให้ อลั กอร์ เป็ นประธานาธิบดีของโลกในหลายทศวรรษขา้ งหนา้ เขาตอ้ งไดค้ ะแนนจากผมแน่นอน ดว้ ย เหตุผลง่ายๆ ขอ้ น้ี ในแง่หน่ึงเรื่องน้ีจึงเป็นเหตุผลของความเป็นความตายในระยะยาวสาหรับหลายคน 
และสิงท่ีแตกต่างกันโดยสินเชิง ผมมาจากประเทศในยุโรป แน่นอนเราไม่ใช่พวกเดียวในยุโรป ในรัฐ สวสั ดิการ เราใหก้ ารสนบั สนุนทางการเงิน เราเรียกมนั อยา่ งนนั นะ แต่มนั กลบั กระตุน้ ให้เกิดครอบครัวใหญ่ การทาใหพ้ อ่ แม่มีลูกไดห้ ลายคนถือเป็นเรื่องสูงส่งเพราะมนั ตอ้ งใชเ้งินมากและทาใหเ้กิดความล่าชา้ และทุก อยา่ ง แต่มนั เกิดคาถามข้ึนมาวา่ มนั ยงั ไม่ถึงเวลาท่ีจะยุติการใหเ้ งินอุดหนุน หยุดการแจกเงินอีกหรือ ปัญหา คือมนั ส่งผลลพั ธ์ทางการเงินอื่นๆ ที่ไม่จูงใจและขดั ขวางการผลิตลูกมากข้ึน มากข้ึนเช่นกนั (ตอ้ งขออภยั เร่ืองการใชค้ า แต่เป็นเพราะภาษาองั กฤษผมไม่ดี) 
  ถูกแลว้ ท่านประธาน คุณกล่าวได้อย่างถูกตอ้ งทีเดียว ปัญหาเร่ืองอาหาร บางทีมนั อาจจะอยู่ใน เอกสารของคุณอย่แู ลว้ นา เรากาลงั จะมีปัญหาในการจดั หานาสะอาดเพื่อการบริโภคแก่มนุษยชาติหลาย พนั ลา้ นคน แมจ้ ะมีความสามารถทางเทคนิค มีความเป็นไปไดท้ ี่จะใชเ้ ทคโนโลยีในการแยกเกลือออกจาก นา แต่ยงั ไม่เพยี งพอ เพราะความจริงท่ีวา่ กระบวนการดงั กล่าวตอ้ งใชเ้ งินทุนสูงมาก 
  ประการสุดท้าย มีท่านหน่ึงให้คาแนะนาที่ดีมากๆ นันคือปฏิญญาว่าด้วยความรับผิดชอบของ มนุษยชน แต่ในกรณีท่ีเรากาลงั พยายามขบคิดกนั อยู่น้ี เราควรจะกาหนดอะไรท่ีมนั เฉพาะเจาะจงและเป็ น รูปธรรมมากข้ึนแทนที่จะแค่ระบุหน้าที่ในการพิจารณามนั เท่านันเพ่ือแสดงความรับผิดชอบต่อคนรุ่น อนาคตเพื่อใหพ้ วกเขาจะสามารถดารงชีวติ ในโลกน้ี 

ประธานฟูกุดะ: เราเพิงได้ฟังแถลงการณ์ซ่ึงน่าจะทาให้เขาเสียคะแนนเสียงไปมาก ถา้ หากว่าเขายงั เป็ น นกั การเมืองท่ีอยใู่ นตาแหน่ง เยยี่ มมาก และเราก็ควรแถลงอะไรแบบน้ีใหม้ ากข้ึน 

ศาสตราจารย์ไซคาล: ท่านนายกรัฐมนตรีเครเตียง ไดย้ กประเด็นเรื่องความมนัคงทางอาหารและนาข้ึนมาพดู ท่านนายกรัฐมนตรีฟานแอกต์ พดู ถึงความเสื่อมโทรมของสิงแวดลอ้ ม ผมคิดวา่ ประเด็นเรื่องความมนัคงทาง อาหารและนา ไม่ใช่ประเด็นที่แกไ้ ขแยกจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และปัญหาโลก ร้อนก็กาลงั เป็นเรื่องเร่งด่วนมากข้ึนในยุคสมยั ของเรา ประเด็นเหล่าน้ีไม่สามารถแกไ้ ขโดยไม่เขา้ ไปแตะ โครงการกระจายความมังคงัใหม่ในระดบั โลก ปัจจุบนั มีคนแปดคนท่ีครองความมงัคงัของโลกน้ีถึง คร่ึงหน่ึงเลยทีเดียว ตอ้ งมีการคิดหามาตรการในการพิจารณาประเด็นทงั หมดในลกั ษณะท่ีมีความเกี่ยวขอ้ ง สัมพนั ธ์กนั 
  และดว้ ยเหตุน้ี สิงที่เราตอ้ งการจริงๆ ก็คือระเบียบทางการเมืองและเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศแบบ ใหม่ ประเด็นเหล่าน้ีไม่ใช่สิงท่ีสามารถจดั การโดยองคก์ รเช่น สภาปฏิสัมพนั ธ์ แต่สภาสามารถหยบิ ยกข้ึนมา ไม่ใช่แค่เป็นส่วนหน่ึงของปฏิญญาสาหรับการประชุมน้ีเท่านนั แต่ยงั เป็นส่วนหน่ึงของการแกไ้ ขกฎบตั ร เรื่องความรับผดิ ชอบดว้ ย ซ่ึงจะไดร้ ับการเนน้ ให้เห็นความสาคญั อยา่ งมีประสิทธิภาพและอย่างกวา้ งขวาง เพื่อดึงดูดความสนใจของผูท้ ่ีมีความสาคญั จริงๆ ในเชิงของการวางระเบียบการเมืองและเศรษฐกิจระหวา่ ง ประเทศกนั ใหม่ ความสนใจของคนเหล่าน้ีจะทาใหก้ ารจดั การกบั ประเด็นดงั กล่าวเกิดประสิทธิผลยงิข้ึน 

นายกรัฐมนตรีเฟรเซอร์: ความไม่ทดั เทียมกนั ของความมงัคงัซ่ึงเราเพิงไดร้ ับการบอกเล่าอีกครัง มีความ รุนแรงอยา่ งมากนบั แต่ตน้ ทศวรรษ 80 เป็นตน้ มา เราไม่สามารถหนีห่างจากความจริงท่ีวา่ ผทู้ ี่ร่ารวยสุดสุดใน ย โุ ร ป ห ร ื อ อ เ ม ร ิ ก า เ ห น ื อ ห ร ื อ ใ น บ า ง ป ร ะ เ ท ศ ร ว ย ข ้ ึ น เ พ ร า ะ ม ี ก า ร ย ก เ ล ิ ก ก ฎ ร ะ เ บ ี ย บ บ า ง อ ย า่ ง อ นั เ น ่ ื อ ง จ า ก โ ล ก า ภิวตั น์ ปัจจุบนั ใครๆ ก็เดินรอยตามเส้นทางในทศวรรษ 80 เพราะเราไดก้ ารบอกกล่าววา่ มนั คือความดีที่เป็ น สากล และมนั ก็มีขอ้ ดีอยา่ งไม่ตอ้ งสงสัย 
  แต่ไม่มีใครพยายามอธิบายการแบ่งความมงัคงัที่ไม่เหมาะสมระหว่างคนจนกบั คนรวยในแทบทุก ประเทศในโลกน้ี ไม่มีประเทศในยุโรปประเทศไหนท่ีไม่ไดร้ ับความเสียหายจากการแบ่งแยกท่ีมีมากข้ึน เร่ือยๆน้ีเลย ในประเทศของผมหรือสหรัฐอเมริกา คนรวยก็รวยเอาๆ ส่วนท่ีอยใู่ นระดบั ล่างสุดก็ยากที่จะทา สิงที่พวกเขาเห็นว่าจาเป็นตอ้ งทา และต้องการทาเพ่ือครอบครัวของตนไดย้ ากข้ึน บดั น้ีมนั ได้กลายเป็น ปรากฏการณ์ทวัโลกไปแลว้ อานาจของบริษทั ระดบั โลกเดี๋ยวน้ีมีมากกวา่ อานาจของรัฐบาลประเทศที่บริษทั เหล่านนั เขา้ ไปดาเนินการเสียอีก เพราะพวกเขามีเงินทุนมากกวา่ นนัเอง เป็นเพราะมีเงินมากกวา่ เท่านนั เอง 
  ท่ามกลางแนวโนม้ เดียวกนั น้ี เราพบว่าหลายประเทศเงินกาลงั มีอิทธิพลต่อประชาธิปไตยมากข้ึน แทบจะบอกไดเ้ลยวา่ ในบางประเทศประชาธิปไตยนนั มีไวข้ ายแลว้ มนั ยงั เป็นประชาธิปไตยอยอู่ ีกหรือ?ผม ไม่แน่ใจวา่ ปัจจุบนั น้ีผมจะสามารถนิยามวา่ มีประเทศท่ีเป็นประชาธิปไตยจริงๆก่ีประเทศกนั แน่ เพราะเงินมี บทบาทสาคญั มากในการช้ีวา่ ใครจะชนะหรือแพ้ อิทธิพลของบริษทั และของเงินตราสามารถนาพาคนที่ไม่ เหมาะสมสู่ชัยชนะดงันนั ในภูมิปัญญาที่มีพ้ืนฐานอยู่บนหลักจริยธรรมเพื่อการนาสันติสุขและความ ยตุ ิธรรมสู่โลกท่ีกาลงั จะมีประชากร 9 พนั ลา้ นคนน้ี เรากาลงั จะตอ้ งจดั การกบั ปัญหาที่เกิดจากโลกาภิวตั น์ จากการยกเลิกกฎเกณฑ์การเติบโตของบริษทั ทวัโลกซ่ึงมีอานาจมหาศาลในหลายประเทศมีอานาจมากกวา่ รัฐบาลที่บริษทั เหล่านนั เขา้ ไปดาเนินธุรกิจเสียอีก 

ประธานฟูกุดะ: มีผูน้ าศาสนาท่านใดยินดีอภิปรายในประเด็นว่าควรจดั การกบั โลกที่มีความซบั ซอ้ นเช่นน้ี จากมุมมองทางศาสนาอยา่ งไรดี? มนุษยต์ อ้ งการเงิน แต่การมุ่งแสวงหาความมงัคงัมากเกินไป ทาให้ความไม่ ลงรอยขยายตวั ยิงข้ึน และทาให้เกิดความวุ่นวายตามมา และถ้าเราแสวงหาความสุขสบาย มนั ก็นาไปสู่ ปัญหาอีกหลายอยา่ งเช่นกนั เช่นการทาลายสิงแวดลอ้ ม และสงั คมสารสนเทศก็อาจล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากน้ีประชาธิปไตยซ่ึงวา่ กนั วา่ เป็นรูปแบบการปกครองดีที่สุดถา้ เราไดฟ้ ังทศั นะของคนหลายคนจะ พบวา่ มนั อาจทาใหก้ ารตดั สินใจล่าชา้ หรือนาไปสู่การใชน้ โยบายประชานิยม แลว้ นี่คือวิธีบริหารรัฐบาลที่ดี แลว้ หรือ? สิงที่คุณตงั ใจทาดว้ ยเจตนาดี มกั มีองคป์ ระกอบในทางตรงกนั ขา้ มเสมอ ผมคงจะปล้ืมใจมากเลย ถา้ มีท่านใดสามารถอภิปรายประเดน็ เหล่าน้ีจากมุมมองทางศาสนา 

ดร. เมตตานันโท: ตามหลกั ของพุทธศาสนา ไดม้ ีพุทธทานายว่าในอนาคตโลกของเราจะมีประชากรใน ระดบั สูงมาก แต่ผคู้ นจะดารงชีวติ ที่มีคุณภาพสูง มีความทดั เทียมกนั ระหวา่ งคนรวยและคนจน จะไม่มีความ ไม่ลงรอยและมนุษยชาติจะสามารถแกไ้ ขปัญหาความไม่ลงรอยต่างๆ นี่คือสิงท่ีเช่ือกนั ว่าเป็นพุทธทานาย ดงั นนั ชาวพุทธบางคนจึงไม่ขอ้ โตแ้ ยง้ ใดๆเก่ียวกบั การมีประชากรลน้ เกิน แต่เขาเชื่อว่าสุดทา้ ยแลว้ ก็จะมี ช่วงเวลาของสังคมที่ดีมีความยตุ ิธรรม ประชากรจานวนมากดารงชีวติ ที่มีคุณภาพสูง 

แรบไบ ดร.โรเซน: สองพนั ปี ก่อน มีคาวินิจฉยั โดยแรบไบท่านหน่ึง ซ่ึงกล่าวว่าถา้ เกิดภาวะขา้ วยากหมาก แพง คุณก็ตอ้ งหยดุ การใหก้ าเนิด น่ีคือการตอบโตต้ ่อวิกฤติการณ์ประชากรลน้ เกินของศาสนาที่ไม่ปกติและ เป็นท่ีวิพากษว์ จิ ารณ์อยา่ งหนกั แมแ้ ต่ก่อนหนา้ นนั คมั ภีร์ไบเบิลยงั กล่าวไวใ้ นบทแรกของหนงั สือปฐมกาล (หน่ึงในหนังสือห้าเล่มแรกของพระคริสต์ธรรมคมั ภีร์) ว่า มนั เป็นความรับผิดชอบของมนุษยท์ ี่ตอ้ งทา หนา้ ท่ีป้องกนั ความรับผิดชอบต่อโลกทงั ผองในการดูแลและทะนุบารุงดงั นนั จึงเป็นท่ีชดั เจนว่าปัญหา ไม่ไดอ้ ย่ทู ่ีว่าศาสนาไดต้ อบโตต้ ่อวิกฤติการณ์ประชากร ปัญหาการขาดทรัพยากรเล้ียงดูประชากรซ่ึงเพิม จานวนในจกั รวาลน้ี รวมทงั ประเด็นเรื่องสันติภาพและการอยรู่ ่วมกนั ที่เรากาลงั เผชิญอยไู่ หม  
  ปัญหาไม่ไดอ้ ยทู่ ่ีการแสดงความเป็นผนู้ าของศาสนา แต่เป็นปัญหาที่ใหญ่กวา่ นนั จริงๆแลว้ มนั คือ ปัญหาของการสร้าง เราอาศยั อยู่ในจกั รวาลที่ไม่สมบูรณ์ไม่วา่ มนั จะถูกสร้างหรือววิ ฒั นาการอยา่ งไรก็ตาม ท่ีทลั มุดมีคากล่าวซ่ึงเป็นที่รู้จกั กนั ดีคือกฎหมายกฎเกณฑแ์ ละศีลธรรมไม่ไดม้ ีไวเ้พ่ือเทพยดาแต่มีไวเ้พื่อ มนุษยท์ ี่ไม่มีความสมบูรณ์และมีไวเ้พื่อผกู มดั และเพื่อพฒั นามนุษย์ 
  ตอนน้ีเรากาลังเผชิญกับความทา้ ทายใหญ่หลวง น่าจะมากกว่าในช่วงเวลาใดๆที่ผ่านมา และดู เหมือนเราจะไม่สามารถหาขอ้ ยตุ ิวา่ จะจดั การกบั มนั อยา่ งไรดว้ ย ดงั นนั ไม่วา่ มนั จะเป็นท่อนไมห้ รือกอ้ นหิน เป็นเครื่องบินเจต็ และระเบิดอย่างในปัจจุบนั ความทา้ ทายท่ีมีมาตลอดน้ี ต่อการคน้ หาวิธีแกไ้ ขต่อประเด็น ต่างๆ ไม่วา่ จะเป็นเรื่องวตั ถุนิยม การควบคุมการเงิน อาหาร ประชากร ธรรมชาติ หรือ สงคราม มนั ยงั คงเป็น ปัญหาทา้ ทายต่อมนุษยชาติเสมอ 
  ปัจจุบนั น้ีเราถูกโถมทบั ด้วยปัญหาผูอ้ พยพครังใหญ่ทงั ท่ีเป็นผูล้ ้ีภยั ทางการเมืองและผูอ้ พยพทาง เศรษฐกิจ ความทา้ ทายดา้ นมนุษยธรรมมนั ยิงใหญ่นกั ใครก็ตามท่ีศึกษาพฒั นาการของชนกลุ่มน้อย ใน ระหวา่งที่พวกเขาอพยพนนั จะสังเกตเห็นว่าคนเราตอบโตต้่อความทา้ทายอยา่งไรบางคนก็โชคดีสามารถ หลบหนีไปท่ีประเทศตะวนั ตกที่ซ่ึงสวสั ดิภาพจะเป็นตาข่ายนิรภยั ได้แต่ผลู้ ้ีภยั ส่วนใหญ่มกั ถูกบีบให้ตอ้ ง ต่อสู้ ตอ้ งดินรนเพ่ือหาเล้ียงชีพตวั เองและครอบครัว และรู้ว่าตนตอ้ งคอยผลกั ดนั ตวั เองอยู่เสมอ ซ่ึงก็เป็ น ผ ล ด ี ต ่ อ ส ั ง ค ม ท ี ่ ร ั บ ผ ลู ้ ้ ี ภ ยั แ ต ่ ก ็ ส ร ้ า ง ค ว า ม ข ดั แ ย ง้ ท า ง ว ฒั น ธ ร ร ม ท ี ่ บ ่ อ ย ค ร ั ง ก ็ เ ป ็ น ก า ร ด ึ ง เ อ า ส ิ ง เ ล ว ร ้ า ย ท ี ่ ส ุ ด ใ น ตวั คนออกมา นี่ก็เป็นความทา้ ทายที่เราเผชิญอยู่ และสามารถดึงเอาส่วนดีท่ีสุดในตวั เรารวมทงั ส่วนเลวร้าย ที่สุดออกมาเช่นกนั 

เหตุการณ์นาท่วมโลกของโนอาห์ซ่ึงเป็นความหายนะแรกที่มนุษยชาติตอ้ งเผชิญที่มีการบนั ทึกไวเ้ป็นครัง แรกนัน มีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน ถ้าเป็นในคมั ภีร์ไบเบิลจะเป็นเร่ืองราวที่เช่ือมโยงภยั พิบตั ิกับความ ลม้ เหลวของมนุษย์กระนนั ก็เป็นการแสดงออกถึงความหวงั เช่นกนั วา่ เรายงั มีโอกาสและมนั ข้ึนอยกู่ บั เราวา่ จะเลือกโอกาสนนั ไหม 
  แต่แน่นอนคุณรู้และผมก็รู้อยแู่ ลว้ วา่ ภายนอกหอ้ งน้ี มีคนท่ีไม่สนใจมากมายเหลือเกิน พวกเขานงัอยู่ ท่ีโตะ๊ ทางานของตวั เอง ทาเงินจานวนมากจากการเล่นหุน้ พวกเขากาลงั สร้างมลพิษต่อบรรยากาศ วุน่ วายกบั การขุดเจาะเหมืองทองคาและวตั ถุดิบอ่ืนๆจากพ้ืนพิภพ โดยคานึงถึงผลกระทบท่ีมีต่อมนุษยน์ ้อยมาก พวก เขากาลงั แสวงหาประโยชนจ์ ากมนุษยค์ นอ่ืนในการผลิตและการบริการ 
  พวกเราในท่ีน้ีก็มีวิสัยทศั น์ที่ชัดเจนว่าสิงที่ผิดคืออะไร ความทา้ ทายคือจะทาให้คนส่วนใหญ่ให้ ความสนใจเราไดอ้ ย่างไร และมนั ก็เป็นเช่นนันเสมอมาไม่ว่าจะเป็นโมเสส พระพุทธเจา้ พระเยซู หรือ ศาสดามูฮมั หมดั เสียงของพวกท่านมกั จะเกี่ยวขอ้ งกบั ประเด็นเหล่าน้ี พวกท่านมกั พดู ถึงมนั และบ่อยครังที่ ไม่เคยมีใครรับฟังเสียงของพวกท่านทว่าภายในคนแต่ละรุ่นนนั ในแต่ละสังคมและในแต่ละกลุ่มคนนัน จะตอ้ งมีผซู้ ่ึงมีวิสัยทศั น์ และดารงวิสัยทศั น์ของตนเอาไวแ้ มจ้ ะรู้สึกทอ้ แทแ้ ละรวดร้าวจากการที่ถูกเพิกเฉย โดยคนรอบขา้ ง นนัคือสิงที่จุดประกายเรา คนของศาสนา วิสัยทศั น์ของคนเหล่าน้ีไม่มีใครรับฟัง เป็ นผทู้ ี่ถูก ทอดทิงหรือบางครังโดนฆ่าตายก็มี เพราะพวกท่านพดุ ในสิงซ่ึงไม่เป็นท่ีนิยม สิงท่ีทาใหร้ ู้สึกอึดอดั ใจ 
  เราไม่สามารถคาดหวงั วา่ เราจะเปลี่ยนแปลงสิงต่างๆไดใ้ นชวัคืน แต่เราตอ้ งเป็นปากเสียงท่ามกลาง ความอึกทึกครึกโครม เราตอ้ งพดู ซาๆ เราตอ้ งทบทวน เราตอ้ งยืนหยดั เพื่อค่านิยมที่ทุกคนแสดงออกวนั น้ีใน หอ้ งน้ี และมนั ก็ข้ึนอยกู่ บั คุณแลว้ วา่ จะเดินหนา้ จากจุดน้ี และพยายามทาใหพ้ วกเราทุกคนสามารถทาใหโ้ ลก ของเราเป็ นที่ๆดีข้ึน การไม่ทาอะไรไม่ใช่ทางเลือก และเราก็ไม่อาจรู้ไดว้ ่าการกระทาของเราจะบรรลุผล สาเร็จไหม แต่เราตอ้ งไม่เงียบเฉย 

ผู้ปกครองสังฆมณฑลนคร นิโฟน: เรามองว่าการแพร่พนั ธุ์ เด็กๆทงั หลายว่าเป็นการอานวยพร เป็นการ อานวยพรจากพระเจา้ ตอนน้ีเรากาลงั รับมือกบั สิงที่น่าจะเกิดข้ึนเมื่อชาติทงั หลายมีประชากรเพิมข้ึนเป็ น 9 พนั ลา้ นคน เราต่างก็อยภู่ ายใตค้ วามศรัทธาของนิกายหน่ึง ซ่ึงผมหมายถึงโรมนั คาธอลิก โปรเตสแตนต์ และ ออร์โธดอกซ์ เราเชื่อวา่ พระเจา้ จะทรงช่วยเหลือ ท่านจะไม่ทิงมนุษยซ์ ่ึงทรงสร้างข้ึนจากรูปลกั ษณ์และรูปร่าง ของพระเจา้ พระองค์จะทรงช่วยเหลือผ่านคนเช่นพวกคุณผ่านคนที่มีความรับผิดชอบท่านจะมอบภูมิ ปัญญาแก่พวกเขา บอกวธิ ีจดั การอยา่ งท่ีเราเช่ือ ตวั อยา่ งเช่นในคืนน้ีในการประชุมของเรา น่ีคือความเช่ืออนั บริสุทธ์ิของนิกาย และเราถือวา่ มนั คือการปกป้ องของพระเจา้ ต่อสิงท่ีทรงสร้างข้ึนมา 

ศาสตราจารย์ชาง:ผมเป็นคนท่ีลงั เลต่อการเป็นผพู้ ดู ในช่วงบ่ายน้ีมากที่สุดผมไม่ไดเ้ป็นทงั นกั เทววิทยาหรือ นกั วิชาการของศาสนาใด แต่ผมมาจากสังคมซ่ึงรู้จกั กนั ทวัไปว่าเป็นสังคมแบบขงจื๊อ มีประเพณีแบบขงจื๊อ หลกั การน้ีเป็นที่รู้จกั และไดร้ ับการสังสอนแก่นกั เรียนทุกคนร่วม2,500ปีแลว้ 
  เมื่อมีการปฏิบัติตามวิถีทางที่ประเสริฐแล้ว โลกกจ็ ะถกู แบ่งปันโดยทุกคน คนที่ดีจะได้รับเลือก และ ได้รับมอบหมายงานตามความสามารถจะมีการรักษาคาพูดและความกลมเกลียวกจ็ะบังเกิดขึน้ ดังนั้นคนจะ ไม่เพียงแต่ปฏิบัติต่อพ่อแม่เฉกเช่นเป็นพ่อแม่ ไม่เพียงแต่ปฏิบัติต่อลูกๆ เฉกเช่นเป็นลูก ดังนั้นผู้เยาว์ก็จะ ได้รับการดูแลส่วนผ้ใู หญ่กจ็ ะจบสิ้นลงณที่ๆเหมาะสมส่วนข้าวของนั้นถ้าไม่เป็นที่ต้องการกค็ วรจะทิง้ ไว้ ที่ข้างถนน แทนที่จะเกบ็ ไว้กับตัวเอง ความแขง็ แรงหรือพลังงาน ถ้าไม่ได้ถกู แสดงออกโดยบุคคล มันกไ็ ม่ ควรมีไว้เพื่อตัวเขาเอง เม่ือทุกคนมีความสุข เม่ือน้ันจึงบรรลุซึ่งวิถีทางท่ีประเสริฐ น่ีคือเป้ าหมายที่กล่าวไว้ โดยนกั ปรัชญาแบบฆราวาส ขงจ๊ือ ในหนงั สือคาสอนของเขา เขาจึงกล่าวอีกวา่ ก่อนจะบรรลุถึงระดับนั้น กต็้องมีเป้าหมายร่วมกนัท่ียิ่งใหญ่,ความเจริญรุ่งเรืองปานกลางและรัฐบาลจีนชุดปัจจุบนัไดก้ล่าวไวว้า่ใน ปี 2050เป็นเวลาท่ีชาติจีนจะบรรลุซ่ึงความเจริญรุ่งเรืองปานกลางแต่เป้าหมายร่วมกนั ท่ียิงใหญ่ดูเหมือนยงั อยหู่ ่างไกล 
ความเห็นส่วนตวั ของผมคือ ตอนน้ีอินเดียมีประชากร 1.1 พนั ลา้ นคน จีนมีมากกวา่ 1.3 พนั ลา้ นคนนิดหน่อย จากโมเดลท่ีเราเห็นในเชิงของการพฒั นาทางเศรษฐกิจ ถา้ จีนและอินเดียดาเนินรอยตามเส้นทางการพฒั นา เดียวกนั เราจะรู้วา่ ทรัพยากรของเรา มีอยอู่ ย่างจากดั ถึงขนาดท่ีทงั สองตอ้ งแข่งขนั แย่งชิงที่ดินและนา แลว้ จริยธรรมที่เราหวงั ไวก้ ็อาจจะถูกลดระดบั จนถึงขนั เกิดการละเลย 
  ดงั นนั ผมจึงคิดแมไ้ ม่ใช่ในมุมมองทางศาสนาจากคาพิพากษาในพระคมั ภีร์เม่ือ2,000ปีก่อนแต่ เป็นมุมมองแบบมนุษยนิยมที่มีเหตุผล เราตอ้ งเริมคิดหาวธิ ีพฒั นาแบบใหม่ โมเดลการพฒั นาในช่วงแรก เช่น สมยั ศตวรรษท่ี 18 ศตวรรษที่ 19 รวมถึงตน้ ศตวรรษท่ี 20 ดว้ ย เพราะไม่มีแค่สองประเทศน้ีเท่านนั ท่ีดาเนิน รอยตามการพฒั นาดงั กล่าว แต่เรายงั มีอินโดนีเซีย บราซิล และแอฟริกาอีกทงั ทวีป ดงั นนั เพื่อประโยชน์ของ มนุษยชาติ และทุกคนที่อาศยั อยใู่ นโลกน้ี เราควรคิดหาโมเดลการพฒั นาเศรษฐกิจที่แตกต่าง ผมไม่ไดพ้ ดู ถึง ระบบการเมือง เราตอ้ งควบคุมความตอ้ งการของเรา เพื่อจะได้ไม่ใช้นาและขา้ วของต่างๆโดยเสรี นี่คือ มุมมองจากวศิวกรคนหน่ึง 

ศาสตราจารย์แอกซ์เวิร์ทธี: ขอบคุณสาหรับแนวคิดหลกั ทงั สองของวาระน้ี และขอบคุณต่อคาถามของคุณ ท ี ่ ว า่ ม ี ค ่ า น ิ ย ม ท า ง ศ า ส น า ห ร ื อ จ ิ ต ว ญิ ญ า ณ ท ่ ี ช ่ ว ย เ ร า ค ิ ด ห า ว ธิ ี ฝ ่ า ฟ ั น ส ถ า น ก า ร ณ ์ น ้ ี ไ ป ไ ด ไ้ ห ม ผ ม ไ ม ่ ใ ช ่ ผ นู ้ า ท า ง ศาสนาผมเป็นพวกเมโธดิสต์(คริสตศ์ าสนานิกายหน่ึง)และมีความเชี่ยวชาญในการร้องเพลงประสานเสียง มากกวา่สิงอื่นใดแต่ผมใชเ้วลาในการทางานร่วมกบั กลุ่มปฐมชาติในอเมริกาเหนือ(กลุ่มชนพ้ืนเมืองในทวีป อเมริกาซ่ึงมีท่ีตงั อยใู่ นแคนาดา)พอสมควร จากมุมมองทางศาสนาหรือทางจิตวญิ ญาณซ่ึงไม่ไดอ้ ยดู่ ว้ ยในท่ีน้ี แต่กลุ่มปฐมชาติหรือชนเผา่ ของเรา ซ่ึงมีศาสนาและประเพณีทางจิตวิญญาณนบั ยอ้ นหลงั ไปไดห้ ลายพนั ปี ก็ มีความใกลเ้คียงกบั ค่านิยมที่ท่านโอตานิผนู้ ่าเคารพพดู ถึงในการนาเสนอของเขา 
  เวลาท่ีเราพูดถึงทรัพยากรและโลก กลุ่มปฐมชาติของเราเช่ือว่ามนุษยต์ อ้ งทาตวั ให้อยู่ในจงั หวะ เ ด ี ย ว ก นั ก บั ส า ย น า ผ นื ด ิ น แ ล ะ ภ ู ม ิ ป ร ะ เ ท ศ ท า ง ก า ย ภ า พ ท ี ่ อ ย ่ ู ร อ บ ต วั พ ว ก เ ข า พ ว ก เ ข า เ ช ื ่ อ ว า่ ม น ุ ษ ย ช า ต ิ ไ ม ่ ไ ด ้ ดารงอยเู่ พอ่ื อยเู่ หนือสิงแวดลอ้ ม มนุษยชาติคือส่วนหน่ึงของวฏั จกั รของวญิ ญาณที่ยิงใหญ่ซี่งมีความสัมพนั ธ์ ร่วมกนั และเป็นมุมมองที่แตกต่างมากๆเป็นมุมมองทางจิตวิญญาณท่ีแตกต่างจากลทั ธิบริโภคนิยมหรือ ค ว า ม เ ช ื ่ อ ท ่ ี ว า ่ โ ล ก ด า ร ง อ ย เ ่ ู พ ่ อื ห ล ่ อ เ ล ้ ี ย ง ค ว า ม ป ร า ร ถ น า ข อ ง เ ผ า ่ พ นั ธ ุ ์ เ ร า 
  เราไม่จาเป็นตอ้ งกาจดั เผ่าพนั ธุ์อื่นเลยแต่ดว้ ยองคป์ ระกอบแห่งความปรารถนาของเราทาให้เรา สร้างโลกท่ีพวกเขาอยไู่ ม่ได้ ปัญหาน้ีปรากฏให้เห็นอยแู่ ลว้ เพียงแต่ตอนน้ีมนั เลวร้ายลงเมื่อเรามีประชากร มากข้ึนเพราะมนั จะกลายเป็นการแข่งขนั แบบเกมศูนยเ์พือ่ แยง่ ชิงทรัพยากรที่มีนอ้ ยลง 
  แลว้ เราจะรวมองคป์ ระกอบทงั สอง และความรู้ทางศาสนาท่ีกวา้ งขวางและลึกซ้ึงที่ท่านโอตานิผนู้ ่า เคารพหยิบยกข้ึนมากล่าว และเป็ นสิงท่ีกลุ่มปฐมชาติของเรายึดถือกนั อยา่ งไร? มนั ช่วยเราไดใ้ นท่ามกลาง สภาวะกลืนไม่เขา้ คายไม่ออกทงั ทางปรัชญาและจริยธรรมไหม? ถา้ คุณเชื่อเหมือนกลุ่มปฐมชาติของเราคือ สิงแวดล้อมทางกายภาพนาและอากาศมีความสาคญั เช่นเดียวกับมนุษย์เราดังนันพวกเขาจึงเช่ือว่า องคป์ ระกอบของชีวติ เราดงั กล่าวน้ี ก็ควรปรากฏอยใู่ นระบบสิงแวดลอ้ มทางกฎหมายของเราดว้ ย 
  นบั วา่ เป็นมุมมองและจริยธรรมที่แตกต่างอยา่ งมาก และเป็นความคิดในเชิงอุดมคติ กรอบความคิด น้ีตรงกนั ขา้ มกบั มโนทศั น์เก่ียวกบั การบริโภคซ่ึงเป็นที่ยอมรับโดยส่วนใหญ่ในปัจจุบนั ซ่ึงมีการบริโภคมาก ข้ึน เมื่อปัญหาน้ีเลวร้ายลงประกอบกบั มีความขดั แยง้ และความเส่ือมโทรมทางดา้ นสิงแวดลอ้ ม ความหวงั หน่ึงท่ีมีอยู่ก็คือคนหนุ่มสาวทวัโลก แน่นอนรวมถึงในอเมริกาเหนือและในยุโรปดว้ ย ไดร้ ับแรงบนั ดาลใจ จากการอนุรักษส์ ิงแวดลอ้ ม มีการก่อตงั พรรคสีเขียวในทุกท่ี เป็นเพราะความปรารถนาของคนหนุ่มสาวที่จะ รักษาสิงแวดลอ้ มเอาไว้ 
  ถา้เราสามารถรวมจริยธรรมของการบูรณาการแบบองคร์วมใหม่กบัโลกแทนที่จะครอบงามนัรวม จริยธรรมดงั กล่าวกบั การจดั ตงั และความกระตือรือร้นของคนหนุ่มสาว เพ่ือการอนุรักษส์ ิงแวดลอ้ ม เช่นนนั ก็มีความเป็นไปไดว้ ่าเราจะกา้ วพน้ จากสภาวะกลืนไม่เขา้ คายไม่ออกน้ี และจริยธรรมที่บอกว่าเราแบ่งปัน โลกกบั แม่นา อากาศ และอวกาศร่วมกนั และมนั มีความสาคญั เช่นเดียวกบั ตวั เรา มนั หมายความวา่ เราตอ้ ง ล ด ก า ร บ ร ิ โ ภ ค ข อ ง เ ร า ซ ่ ึ ง ท า ไ ด ย้ า ก ถ า้ ไ ม ่ ม ี พ ล งั จ ู ง ใ จ เ ช ิ ง บ ว ก ไ ม ่ ใ ช ่ เ ช ิ ง ล บ ท ่ ี ว า่ ฉ นั ต อ้ ง ก า ร ม า ก ข ้ ึ น แ ล ะ ฉ นั กลวั วา่ ตวั เองจะไดน้ อ้ ยลงแต่พลงั จูงใจเชิงบวกที่พยายามจะหาสิงที่มีร่วมกนั บางอยา่ ง บางทีสิงที่มีร่วมกนั น้ีอาจไดแ้ก่โลกท่ีมีความยงัยนื เป็นท่ีๆเราเคารพต่อโลกนาและบรรยากาศมากพอๆกบัที่เราเคารพต่อตวัเอง 

ศาสตราจารย์ชาง:ผมไม่จาเป็นตอ้ งบอกเลยวา่ ความกลมเกลียวระหวา่ งมนุษยก์ บั ธรรมชาติความกลมเกลียว ระหวา่ งมนุษยด์ ว้ ยกนั และความกลมเกลียวภายในตวั เราก็เป็นปรัชญาของขงจ๊ือเช่นกนั 

ศาสตราจารย์แฮนสัน:ผมอยากจะใช้เวลาสักสองนาทีในการสรุปพฒั นาการสองอย่างที่เกิดข้ึนในโรมนั คาธอลิกในส่วนที่เกี่ยวกบั ทงั สิงแวดลอ้ มและประชากรแน่นอนวา่ ผมเองก็ไม่ใช่นกั เทววิทยาเช่นกนั แต่เป็น นกั เรียนเร่ืองสังคมและสมณสาส์นของโรมนั คาธอลิก ซ่ึงเป็นเอกสารที่ออกโดยสานกั วาติกนั ในนามของ พระสันตะปาปาองคป์ ัจจุบนั เป็นการสรุปทิศทางการประยุกต์ใช้หลกั จริยธรรมในทางปฏิบตั ิ เอกสารชุด แรกออกมาเมื่อปี 1891 โดยพระสันตะปาปาลีโอ ที่ 13 พูดถึงสิทธิของผใู้ ช้แรงงาน สาส์นท่ีออกในระยะ หลงั พูดถึงสิงแวดลอ้ มมากข้ึน และเป็นขบวนการจากพระคมั ภีร์เก่า วา่ ดว้ ยเรื่องการครอบงาสิงแวดลอ้ มไป จนถึงการปกป้ องสิงแวดลอ้ ม เอกสารที่ออกมาก่อนหนา้ นนั มีการกล่าวถึงสิงแวดลอ้ มโดยบุคคลที่อยใู่ นศา สนจกั รโรมนั คาธอลิกหลายคนทงั ท่ีเป็นนกั บวชและฆราวาสซ่ึงเริมทบทวนแนวทางในการจดั การเรื่อง สิงแวดลอ้ มของศาสนจกั รดงั นนั จึงเกิดเป็นกระบวนการพฒั นาท่ีน่าสนใจมากๆโดยที่ศาสนจกั รคาธอลิก เริมจดั การกบั เร่ืองสิงแวดลอ้ ม ส่วนจะมีหลกั การออกมาเป็นอยา่ งไรนนั ตอ้ งรอดูเอกสารชุดต่อไป แต่ในช่วง 15ปีท่ีผา่ นมาหรือนานกวา่ นนั มีการออกเอกสารท่ีวา่ ดว้ ยเรื่องสิงแวดลอ้ มและการผลกั ดนั เร่ืองการอนุรักษ์ สิงแวดลอ้ มโดยชาวคริสเตียน เป็นการอนุรักษส์ ิงแวดลอ้ มทางจิตวญิ ญาณดว้ ยหลกั การทางจิตวญิ ญาณ 

พฒันาการอีกอย่างหน่ึงเกี่ยวขอ้งกบัประเด็นเรื่องประชากรการตดัสินใจซ่ึงเป็นท่ีวิพากษว์จิารณ์มากท่ีสุด อยา่ งหน่ึงของศาสนจกั รคาธอลิกในระยะหลงั คือ สมณสาส์น ปี 1968 ซ่ึงระบุวา่ จะยงั คงดาเนินนโยบายห้าม การคุมกาเนิดด้วยวิธีท่ีไม่ใช่ธรรมชาติต่อไป คณะกรรมการที่พระสันตะปาปาพอลที่ 6 ตังข้ึนได้ให้ คาแนะนาอยา่ งท่วมทน้ วา่ ใหอ้ นุญาต เหล่านกั บวชและฆราวาสหลายคนบอกโป๊ ปวา่ ไม่ให้ทาตามคาแนะนา น้ี ส่วนโป๊ ปองคป์ ัจจุบนั กาลงั พิจารณาเรื่องน้ี แมจ้ ะยงั ตอ้ งรอดูต่อไปว่าท่านจะทบทวนเร่ืองน้ีอยา่ งไร ท่าน ไดข้ อใหบ้ ิชอปของโรมนั คาธอลิกปรึกษาหารือกบั เหล่าฆราวาสทงั หลายเพื่อดูปฏิกิริยาของพวกเขาต่อการ ตดั สินใจ และใหร้ ายงานกลบั มาท่ีวาติกนั วา่ พวกเขามีความคิดเกี่ยวกบั การคุมกาเนิดอยา่ งไร 
  แน่นอนวา่ มีขอ้ เท็จจริงท่ียากจะทาใจยอมรับเร่ืองหน่ึงเกิดข้ึนในสหรัฐอเมริกา ก็คือ มีสตรีวยั เจริญ พนั ธุ์ชาวคาธอลิกใช้ยาคุมกาเนิดถึง88เปอร์เซ็นต์ซ่ึงเป็นอตั ราที่ใกลเ้คียงกบั ประชากรส่วนท่ีเหลือและ แสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมรับต่อคาสังห้ามคุมกาเนิดของโป๊ ป ก็ตอ้ งรอดูกนั ต่อไปวา่ ขอ้ มูลที่ถูกส่งกลบั ไป ยงั สานกั วาติกนั ถึงโป๊ ปองคป์ ัจจุบนั จะมีผลทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงใดๆไหม แต่แค่เปิ ดให้มีการอภิปรายก็ ถือว่ามีความสาคญั แลว้ ส่วนแรงจูงใจของชาวคาธอลิกที่คุมกาเนิดนนั ถือเป็นพนั ธะกรณีทางศีลธรรมต่อ การควบคุมการเติบโตของประชากร เห็นไดช้ ดั วา่ ยงั มีคนอ่ืนๆท่ีคุมกาเนิดดว้ ยจุดประสงคส์ ่วนตวั หรือเพื่อ จุดประสงค์ของการรักตวั เองเป็นหลกั ดงั นันนี่จึงเป็นสิงท่ีต้องจบั ตาดูท่าทีของโรมนั คาธอลิก ดังที่การ เสวนาน้ีไดม้ ีการตีแผไ่ ว้ 

ประธานฟูกุดะ:คาถามเก่ียวกบั ปัญหาท่ีเรามีอยู่ในปัจจุบนั และผลกระทบของมนั ต่ออนาคตไม่ใช่สิงท่ี สามารถตอบได้ด้วยการอภิปรายเพียงอย่างเดียวแต่ไม่ว่าจะทาอะไรก็ตามเราไม่ควรทาอะไรท่ีมนั มาก เกินไป มีการอา้ งถึงการแสดงออกเกี่ยวกบั เรื่องต่างๆ เช่นความกลมเกลียวและขอ้ จากดั ในบ่ายน้ีค่อนขา้ ง บ่อยศาสนาคือลูกแก้วแห่งภูมิปัญญาเพ่ือความอยู่รอดของมนุษย์จากมุมมองดงักล่าวความสาคญั ของ บทบาทของผูน้ าทางศาสนาในที่น้ีจะเพิมข้ึนไปอีก ด้วยเหตุน้ี พวกท่านทุกคนจึงควรแสดงทศั นะและ ความคิดของท่านอย่างแข็งขนั ยิงข้ึน การสรุปการอภิปรายท่ีน่ีทงั หมดไม่ใช่เร่ืองง่าย แต่เราก็หวงั ว่าจะได้ นาเอาคาแนะนาของท่านมาใส่ไวใ้ นการกาหนดนโยบายของเราดว้ ย 


X


THAILAND Ver.